คำศัพท์ใหม่ในปีพ.ศ.2560ที่ฉันตั้งขึ้นมาเอง
คำศัพท์ใหม่ที่ว่านี้ก็คือคำศัพท์ที่ต่อยอดมาจากความเจ็บปวดที่ฉันเคยได้รับที่มันมากมายเสียเหลือเกิน และทุกวันนี้มันก็ยังคงอยู่ในหัวใจของฉันในสายเลือดของฉันนั่นเอง ซึ่งคำศัพท์ใหม่ที่ว่าคำนั้นก็คือ
“กัดใจ”
กัดใจ หมายถึง อารมณ์ความรู้สึกลึกๆที่มีอยู่ข้างในตัวเองที่ได้รับความเจ็บปวดทนทุกข์ทรมานมานานจนมันชินชากับความรู้สึกนั้นๆ เหมือนกับว่ามันมีความรู้สึกอย่างนั้นอยู่ตลอดเวลา ซึ่งบางครั้งก็ทนได้บ้าง แต่ในบางครั้งในบางเวลามันก็รู้สึกเหมือนกับว่ามันสุดที่จะอดทนกับความรู้สึกนั้นๆหรืออารมณ์นั้นๆได้อีกต่อไปแล้ว จนกระทั่งถึงกับต้องแสดงความรู้สึกหรืออารมณ์นั้นๆออกมาโดยตั้งใจจากใจจริงๆของตนเอง ไม่ว่าจะเป็นทั้งต่อหน้าหรือลับหลังคนอื่นๆก็ตามที แต่โดยส่วนมากมักจะทำกันในที่ปิดมิดชิดที่ไม่มีใครที่จะสามารถมามองเห็นหรือรับรู้ด้วยได้นั่นเอง เพราะว่ากลัวที่จะถูกกล่าวหาว่าเป็นคนบ้าหรือคนเสียสติ แต่แท้ที่จริงแล้วไม่ว่าใครก็มีอารมณ์ความรู้สึกเจ็บปวดรวดร้าวในหัวใจของตนเองกันทุกคน ซึ่งไม่ได้หมายความว่าจะต้องเป็นกับเฉพาะผู้ป่วยจิตเวชเพียงอย่างเดียวเท่านั้น ความอ่อนแอของตนเองที่ไม่สามารถอดทนอดกลั้นต่อความเจ็บปวดที่เคยได้รับมา ไม่ว่ามันจะเป็นเรื่องใดก็ตามที่ทำให้ไม่สามารถอดกลั้นฝืนใจในความเจ็บปวดที่ตนเองเคยได้รับเคยถูกกระทำมา ไม่ว่ามันจะเป็นเรื่องที่ไม่สามารถที่จะบอกให้ใครๆได้รับรู้ได้ว่าเราได้เคยเจ็บปวดกับเรื่องราวร้ายๆที่เคยผ่านมาในอดีตนั้นๆ และทุกวันนี้ที่เรามีชีวิตอยู่มาได้นี้มันก็เป็นเหมือนกับแผลเป็นที่ไม่เคยจางหายไปจากใจของตนเองได้นั่นเอง โดยเฉพาะความกดดันการถูกกระตุ้นให้นึกถึงเรื่องราวอันแสนที่จะเจ็บปวดรวดร้าวแสนสาหัสนั้นๆ มันก็จะทำให้ตัวเองนั้นไม่สามารถที่จะอดทนอดกลั้นต่อความทรงจำในสมองที่ตนเองได้เคยถูกทำร้ายมาในอดีตนั้นๆได้อีกต่อไปนั่นเอง
ผมจะแสดงตัวอย่างของคำศัพท์นี้ให้ได้เข้าใจกันมากยิ่งขึ้น ดังตัวอย่างนี้ที่จะกล่าวมาให้เห็นภาพอาการนี้ได้ดังนี้คือ
ฉันมีความรู้สึกว่ามันกัดใจฉันทุกครั้งที่ฉันได้เห็นรูปภาพของท่านพ่อหลวงรัชกาลที่ ๙ ท่าน ที่ท่านได้เคยมีรอยยิ้มที่มีความสุขในชีวิตของท่านน้อยมากๆ ทั้งชีวิตของฉันนี้ฉันไม่รู้จะอธิบายอย่างไรได้อีกแล้ว มันกัดใจฉันเหลือเกินเมื่อฉันจะต้องรับรู้ว่าในอนาคตอันไกลข้างหน้านี้จะไม่มีท่านที่เคยมีชีวิตอยู่เพื่อพวกเราปวงชนชาวไทยนี้อีกต่อไปแล้ว และฉันก็จะไม่ได้มีวันที่จะได้เห็นท่านมีความสุขมีรอยยิ้มที่เต็มเปี่ยมไปด้วยความสุขนี้ ที่ท่านได้เคยยืนอยู่เคียงข้างพวกเรามานานแสนนานเสมอมา ไม่มีอีกแล้วในหลวงรัชกาลที่ ๙ ไม่มีอีกแล้ว...(และฉันก็ร้องไห้ออกมาทุกทีทุกครั้งไปที่ได้ไปพบเห็นรูปภาพของท่านในทุกๆที่ทั่วทั้งประเทศไทย ที่ๆฉันได้ไปพบเห็นรูปภาพของท่าน)ซึ่งมันทำให้ฉันรู้สึกกัดใจมากๆนั่นเอง
คำศัพท์ใหม่ในปีพ.ศ.2560ที่ฉันตั้งขึ้นมาเอง คำศัพท์ใหม่ที่ว่านี้ก็คือคำศัพท์ที่ต่อยอดมาจากความเจ็บปวดที่ฉันเคยได้รับที่มันมากมายเสียเหลือเกิน และทุกวันนี้มันก็ยังคงอยู่ในหัวใจของฉันในสายเลือดของฉันนั่นเอง ซึ่งคำศัพท์ใหม่ที่ว่าคำนั้นก็คือ “กัดใจ” กัดใจ หมายถึง อารมณ์ความรู้สึกลึกๆที่มีอยู่ข้างในตัวเองที่ได้รับความเจ็บปวดทนทุกข์ทรมานมานานจนมันชินชากับความรู้สึกนั้นๆ เหมือนกับว่ามันมีความรู้สึกอย่างนั้นอยู่ตลอดเวลา ซึ่งบางครั้งก็ทนได้บ้าง แต่ในบางครั้งในบางเวลามันก็รู้สึกเหมือนกับว่ามันสุดที่จะอดทนกับความรู้สึกนั้นๆหรืออารมณ์นั้นๆได้อีกต่อไปแล้ว จนกระทั่งถึงกับต้องแสดงความรู้สึกหรืออารมณ์นั้นๆออกมาโดยตั้งใจจากใจจริงๆของตนเอง ไม่ว่าจะเป็นทั้งต่อหน้าหรือลับหลังคนอื่นๆก็ตามที แต่โดยส่วนมากมักจะทำกันในที่ปิดมิดชิดที่ไม่มีใครที่จะสามารถมามองเห็นหรือรับรู้ด้วยได้นั่นเอง เพราะว่ากลัวที่จะถูกกล่าวหาว่าเป็นคนบ้าหรือคนเสียสติ แต่แท้ที่จริงแล้วไม่ว่าใครก็มีอารมณ์ความรู้สึกเจ็บปวดรวดร้าวในหัวใจของตนเองกันทุกคน ซึ่งไม่ได้หมายความว่าจะต้องเป็นกับเฉพาะผู้ป่วยจิตเวชเพียงอย่างเดียวเท่านั้น ความอ่อนแอของตนเองที่ไม่สามารถอดทนอดกลั้นต่อความเจ็บปวดที่เคยได้รับมา ไม่ว่ามันจะเป็นเรื่องใดก็ตามที่ทำให้ไม่สามารถอดกลั้นฝืนใจในความเจ็บปวดที่ตนเองเคยได้รับเคยถูกกระทำมา ไม่ว่ามันจะเป็นเรื่องที่ไม่สามารถที่จะบอกให้ใครๆได้รับรู้ได้ว่าเราได้เคยเจ็บปวดกับเรื่องราวร้ายๆที่เคยผ่านมาในอดีตนั้นๆ และทุกวันนี้ที่เรามีชีวิตอยู่มาได้นี้มันก็เป็นเหมือนกับแผลเป็นที่ไม่เคยจางหายไปจากใจของตนเองได้นั่นเอง โดยเฉพาะความกดดันการถูกกระตุ้นให้นึกถึงเรื่องราวอันแสนที่จะเจ็บปวดรวดร้าวแสนสาหัสนั้นๆ มันก็จะทำให้ตัวเองนั้นไม่สามารถที่จะอดทนอดกลั้นต่อความทรงจำในสมองที่ตนเองได้เคยถูกทำร้ายมาในอดีตนั้นๆได้อีกต่อไปนั่นเอง ผมจะแสดงตัวอย่างของคำศัพท์นี้ให้ได้เข้าใจกันมากยิ่งขึ้น ดังตัวอย่างนี้ที่จะกล่าวมาให้เห็นภาพอาการนี้ได้ดังนี้คือ ฉันมีความรู้สึกว่ามันกัดใจฉันทุกครั้งที่ฉันได้เห็นรูปภาพของท่านพ่อหลวงรัชกาลที่ ๙ ท่าน ที่ท่านได้เคยมีรอยยิ้มที่มีความสุขในชีวิตของท่านน้อยมากๆ ทั้งชีวิตของฉันนี้ฉันไม่รู้จะอธิบายอย่างไรได้อีกแล้ว มันกัดใจฉันเหลือเกินเมื่อฉันจะต้องรับรู้ว่าในอนาคตอันไกลข้างหน้านี้จะไม่มีท่านที่เคยมีชีวิตอยู่เพื่อพวกเราปวงชนชาวไทยนี้อีกต่อไปแล้ว และฉันก็จะไม่ได้มีวันที่จะได้เห็นท่านมีความสุขมีรอยยิ้มที่เต็มเปี่ยมไปด้วยความสุขนี้ ที่ท่านได้เคยยืนอยู่เคียงข้างพวกเรามานานแสนนานเสมอมา ไม่มีอีกแล้วในหลวงรัชกาลที่ ๙ ไม่มีอีกแล้ว...(และฉันก็ร้องไห้ออกมาทุกทีทุกครั้งไปที่ได้ไปพบเห็นรูปภาพของท่านในทุกๆที่ทั่วทั้งประเทศไทย ที่ๆฉันได้ไปพบเห็นรูปภาพของท่าน)ซึ่งมันทำให้ฉันรู้สึกกัดใจมากๆนั่นเอง
0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 70 มุมมอง 0 รีวิว