ความในใจชีวิตบัดซบของฉัน
ต่อไปนี้ฉันจะเล่าถึงความหลังในอดีตที่แสนขมขื่นและเจ็บปวดแสนสาหัสในชีวิตชาตินี้ของฉันให้กับทุกคนได้ฟังได้รับรู้กัน ประวัติศาสตร์ที่แสนเจ็บปวดของฉันในชาตินี้ว่ามันโคตรทนทุกข์ทรมานแสนสาหัสมากมายแค่ไหนเพียงใด เอ้าเมาเริ่มกันเลยโดยไม่ต้องลีลาชักช้าเยื่อนเยื้อนะ
ฉันเกิดมาก็มีกายใจจิตที่อ่อนแอบอบบางมาตั้งแต่เด็กๆในทุกๆด้าน ทั้งกายใจจิตทั้งหมดทุกอย่างเลย น่ารันทดชิบ
ตั้งแต่เด็กๆมาฉันก็มักจะถูกกลั่นแกล้งมาโดยตลอดจากคนอื่นๆเสมอ เพราะว่าตัวเล็กและไม่แข็งแรง แต่เพราะอยากมีเพื่อนเลยทนเอา แต่พอเริ่มทนไม่ไหวเข้าก็ร้องไห้ วิ่งกลับบ้านไปหาแม่เพียงคนเดียวในโลกนี้เท่านั้นที่รักและเข้าใจฉันเสมอมา ถึงจะมีบ้างที่แม่ไม่เข้าใจในตัวฉันก็ตามที
พอเริ่มโตมาหน่อยฉันก็เริ่มทำตัวแปลกแยกจากผู้คนทุกคนในโลกนี้ และไม่ยุ่งสุงสิงกับใครอีกต่อไป เพราะทนไม่ไหวกับการถูกกลั่นแกล้งชิงชังจากผู้อื่น และเริ่มมีประสบการณ์และเริ่มฝึกจิตมารสังหาร และเก็บกดกดดันตัวเองระงับความโกรธเกรี้ยวกราดในผู้คนที่ชั่วร้ายเหล่านั้นไว้เรื่อยๆและเรื่อยมารอวันที่จะประทุระเบิดออกมาไม่เวลาใดก็เวลาหนึ่งเมื่อฉันพร้อมรบในสมรภูมิโลกเผ่าพันธุ์มนุษย์ชั่วร้ายที่แสนโสมมโสโครก เพื่อรอวันทำลายล้างโลกและเผ่าพันธุ์มนุษย์ให้สิ้นซากไป และให้เหลือเอาไว้เฉพาะแต่ผู้คนที่เป็นคนที่ดีอย่างแท้จริงเท่านั้น
พอโตขึ้นมาอีกหน่อยพอเริ่มเป็นวัยรุ่น จิตมารเริ่มพลุ่งพล่านควบคุมไม่อยู่ก็เลยระเบิดพลังอาฆาตที่ชั่วร้ายออกมา มันเริ่มออกมามากขึ้นๆเรื่อยๆจนทำให้ตัวฉันเองเริ่มเป็นบ้าในสังคมผู้คนทั่วไป ฉันอาละวาดพาลไปทั่วกับทุกคนที่เข้ามาเกี่ยวข้องวุ่นวายกับฉัน พอทุกคนเห็นฉันทำอย่างนี้ก็ไม่เข้าใจในตัวฉันหาว่าฉันเป็นบ้าเป็นโรคจิตโรคประสาท ทั้งๆที่ฉันไม่ได้ตั้งใจทำลงไปแถมไม่ได้ไปหาเรื่องใครก่อนเลย เป็นเพราะพวกมันมนุษย์ที่ชอบหาเรื่องก่อกวนวุ่นวายกับฉันทำให้ฉันไม่พอใจนั่นเอง ฉันเริ่มเรียนแย่ลงๆทุกทีเรื่อยๆ เพราะไม่มีอารมณ์กะจิตกะใจเรียนเลย เพราะว่ามีแต่ผู้คนเข้ามาวุ่นวายก่อกวนฉันอยู่เรื่อยๆที่โรงเรียน แต่ก็ดีใจที่อย่างน้อยก็มีเพื่อนเพียงไม่กี่คนที่เข้าใจในตัวฉันและสงสารฉัน ซึ่งเพื่อนส่วนใหญ่นั้นเลิกเป็นเพื่อนกับฉันไปเพราะไม่เข้าใจในตัวฉันนั่นเอง แต่ก็มีอยู่อย่างหนึ่งที่ทำให้ฉันนั้นประทับใจมากๆคือ คุณครูหลายๆท่านเค้าเข้าใจในตัวฉันและช่วยผลักดันช่วยเหลือฉันอย่างเต็มที่สุดความสามารถเพื่อให้ฉันนั้นได้เรียนจบในที่สุดในมัธยมปลาย และหลังจากนั้นฉันก็ได้พยายามที่จะเรียนต่อในอุดมศึกษาในหลายๆที่ แต่ก็เป็นที่น่าเสียดายที่ฉันไม่สามารถเรียนจบได้เลย เป็นเพราะว่าฉันไม่สามารถปรับตัวให้เข้ากับเพื่อนๆผู้อื่นในชั้นเรียนได้เลย เพราะมีแต่คนที่ไม่รู้เรื่องราวของฉันและไม่เข้าใจเข้าถึงฉันได้เลย เป็นเพราะว่าฉันมันไม่เหมือนใครไม่เหมือนคนอื่นนั่นเอง และก็ไม่มีเพื่อนเก่าๆที่เข้าใจฉันเลย แถมฉันก็พึ่งจะมารู้ตัวรู้สึกในตัวเองว่าเรามันไม่เหมือนกับคนอื่น เราเป็นเด็กพิเศษ หรือเป็นคนไม่ปกติในสังคมนั่นเอง คือเป็นเด็กที่มีความผิดปกติทางสมองหรือเกี่ยวกับระบบประสาทในสมองนั่นเอง
ฉันเริ่มไปหาหมอที่จะสามารถรักษาโรคของฉันได้ในหลายๆที่ แต่ก็ไม่มีใครที่จะสามารถรักษาฉันได้เลย เพราะพวกเค้าไม่เข้าใจในตัวฉันและไม่สามารถเข้าถึงใจของฉันได้เลย แต่ก็นับว่าเป็นโชคดีที่ฉันได้ไปพบหมอคนหนึ่งที่เป็นหมอที่มีความสามารถสูงมาก และเค้าก็เข้าใจในตัวของฉันและรักษาฉันให้ช่วยบรรเทาอาการลงได้ และเกือบจะหายเป็นปกติเหมือนกับคนผู้อื่นในสังคม ถึงแม้ว่ามันจะไม่สามารถรักษาให้หายขาดได้ก็ตามที แต่อย่างน้อยมันก็ทำให้ฉันนั้นมีสติอยู่กับเนื้อกับตัวของตัวเองได้ตลอดเวลา ถ้าไม่มีใครมาหาเรื่องฉันก่อน อาการก็ไม่กำเริบออกมาหรอก ซึ่งอาการของฉันมันก็มีอยู่สองอย่างคือ อาการที่หนึ่งคือ ไม่มีผู้คนเยอะแยะพลุกพล่านนั่นเอง ส่วนอาการที่สองคือ เสียงดังนั่นเอง โดยเฉพาะเสียงของผู้คนที่ชอบทำร้ายฉันโดยการนินทาว่าร้ายฉันต่างๆนาๆ ซึ่งฉันสามารถรับรู้และรู้สึกได้จากการที่มีวิชาจิตมารสังหารนั่นเอง เพราะฉันสามารถสัมผัสได้ถึงจิตสังหารของพวกมัน
ฉันเริ่มศึกษาในทางสายธรรมะหรือศึกษาศาสนามากขึ้นๆเรื่อยๆ ซึ่งมันทำให้ฉันรู้สึกดีและอิ่มเอิบในรสธรรม ซึ่งมันสามารถทำให้อาการโรคของฉันหายขาดได้ เพราะว่ามันคือตัวของฉันเองที่สามารถที่จะรักษาตัวเองได้นั่นเอง สาเหตุมันอยู่ที่ฉัน เพราะฉะนั้นฉันก็ต้องแก้ด้วยตนเอง ซึ่งมันอยู่ที่พลัง ฉันปรารถนาพลัง พลังที่สามารถสร้างหรือทำลายได้ในทุกๆสิ่งนั่นเองมาตั้งแต่แรกเริ่ม ซึ่งฉันมีวิชาจิตมารสังหารอยู่กับตัว มันควบคุมไม่ได้ ฉันเลยเป็นบ้า มันเป็นพลังที่ชั่วร้าย มีแต่จะทำลายทั้งกับตนเองและผู้อื่น แต่ถ้าฉันควบคุมมันได้ มันก็จะเป็นพลังที่สามารถช่วยเหลือตัวของฉันเองได้อย่างยิ่งยวด ซึ่งตอนนี้ฉันฝึกฝนวิชาจิตมารสังหารสำเร็จแล้ว และสามารถควบคุมมันได้ด้วย และตอนนี้ฉันก็ค้นพบวิชาใหม่อีกหนึ่งวิชา มันตรงกันข้ามกับจิตมารสังหารนั่นเอง มันคือวิชาจิตเทพเมตตา ซึ่งฉันยังคงฝึกฝนอยู่ในขั้นต้น มันเป็นวิชาที่ระงับความโกรธเกรี้ยวอาฆาตพยาบาททำลายของจิตมารสังหาร เวลาที่ฉันควบคุมจิตของตนเองไม่ได้ก็จะพยายามใช้จิตในด้านบวกอีกวิชาหนึ่งช่วยบรรเทาผ่อนปรนพลังด้านลบให้ไม่ทำลายตัวเองและผู้อื่นอีกต่อไปในสถานการณ์ที่คับขันนั่นเอง
สิ่งสุดท้ายที่ฉันจะบอกก่อนจบก็คือ มีผู้คนมากมายที่เกลียดชังไม่ชอบฉันและต้องการทำร้ายทำลายฉันในทุกๆด้าน เป็นเพราะพวกเค้าไม่เข้าใจเข้าถึงตัวฉันได้ พวกนี้มีอยู่ทุกที่ทุกหนทุกแห่ง ไม่ว่าฉันจะไปที่ไหนก็เจอพวกมัน ฉันแค่อยากจะบอกว่า เวรกรรมมีจริง ใครคิดทำร้ายทำลายฉัน มันทุกผู้จักต้องได้รับคำสาปของฉันไป นั่นก็คือ ในชีวิตจะไม่มีวันมีความสุข เพราะเป็นบ้า จนกว่าจะตายไป ตายแล้วก็ยังไม่จบ จะต้องลงนรกหมกไหม้ไปด้วยกันทุกคน ฉันขอสาปแช่งพวกมัน ทำอย่างไรก็ได้อย่างนั้น มันเป็นสัจธรรม
ต่อไปนี้ฉันจะเล่าถึงความหลังในอดีตที่แสนขมขื่นและเจ็บปวดแสนสาหัสในชีวิตชาตินี้ของฉันให้กับทุกคนได้ฟังได้รับรู้กัน ประวัติศาสตร์ที่แสนเจ็บปวดของฉันในชาตินี้ว่ามันโคตรทนทุกข์ทรมานแสนสาหัสมากมายแค่ไหนเพียงใด เอ้าเมาเริ่มกันเลยโดยไม่ต้องลีลาชักช้าเยื่อนเยื้อนะ
ฉันเกิดมาก็มีกายใจจิตที่อ่อนแอบอบบางมาตั้งแต่เด็กๆในทุกๆด้าน ทั้งกายใจจิตทั้งหมดทุกอย่างเลย น่ารันทดชิบ
ตั้งแต่เด็กๆมาฉันก็มักจะถูกกลั่นแกล้งมาโดยตลอดจากคนอื่นๆเสมอ เพราะว่าตัวเล็กและไม่แข็งแรง แต่เพราะอยากมีเพื่อนเลยทนเอา แต่พอเริ่มทนไม่ไหวเข้าก็ร้องไห้ วิ่งกลับบ้านไปหาแม่เพียงคนเดียวในโลกนี้เท่านั้นที่รักและเข้าใจฉันเสมอมา ถึงจะมีบ้างที่แม่ไม่เข้าใจในตัวฉันก็ตามที
พอเริ่มโตมาหน่อยฉันก็เริ่มทำตัวแปลกแยกจากผู้คนทุกคนในโลกนี้ และไม่ยุ่งสุงสิงกับใครอีกต่อไป เพราะทนไม่ไหวกับการถูกกลั่นแกล้งชิงชังจากผู้อื่น และเริ่มมีประสบการณ์และเริ่มฝึกจิตมารสังหาร และเก็บกดกดดันตัวเองระงับความโกรธเกรี้ยวกราดในผู้คนที่ชั่วร้ายเหล่านั้นไว้เรื่อยๆและเรื่อยมารอวันที่จะประทุระเบิดออกมาไม่เวลาใดก็เวลาหนึ่งเมื่อฉันพร้อมรบในสมรภูมิโลกเผ่าพันธุ์มนุษย์ชั่วร้ายที่แสนโสมมโสโครก เพื่อรอวันทำลายล้างโลกและเผ่าพันธุ์มนุษย์ให้สิ้นซากไป และให้เหลือเอาไว้เฉพาะแต่ผู้คนที่เป็นคนที่ดีอย่างแท้จริงเท่านั้น
พอโตขึ้นมาอีกหน่อยพอเริ่มเป็นวัยรุ่น จิตมารเริ่มพลุ่งพล่านควบคุมไม่อยู่ก็เลยระเบิดพลังอาฆาตที่ชั่วร้ายออกมา มันเริ่มออกมามากขึ้นๆเรื่อยๆจนทำให้ตัวฉันเองเริ่มเป็นบ้าในสังคมผู้คนทั่วไป ฉันอาละวาดพาลไปทั่วกับทุกคนที่เข้ามาเกี่ยวข้องวุ่นวายกับฉัน พอทุกคนเห็นฉันทำอย่างนี้ก็ไม่เข้าใจในตัวฉันหาว่าฉันเป็นบ้าเป็นโรคจิตโรคประสาท ทั้งๆที่ฉันไม่ได้ตั้งใจทำลงไปแถมไม่ได้ไปหาเรื่องใครก่อนเลย เป็นเพราะพวกมันมนุษย์ที่ชอบหาเรื่องก่อกวนวุ่นวายกับฉันทำให้ฉันไม่พอใจนั่นเอง ฉันเริ่มเรียนแย่ลงๆทุกทีเรื่อยๆ เพราะไม่มีอารมณ์กะจิตกะใจเรียนเลย เพราะว่ามีแต่ผู้คนเข้ามาวุ่นวายก่อกวนฉันอยู่เรื่อยๆที่โรงเรียน แต่ก็ดีใจที่อย่างน้อยก็มีเพื่อนเพียงไม่กี่คนที่เข้าใจในตัวฉันและสงสารฉัน ซึ่งเพื่อนส่วนใหญ่นั้นเลิกเป็นเพื่อนกับฉันไปเพราะไม่เข้าใจในตัวฉันนั่นเอง แต่ก็มีอยู่อย่างหนึ่งที่ทำให้ฉันนั้นประทับใจมากๆคือ คุณครูหลายๆท่านเค้าเข้าใจในตัวฉันและช่วยผลักดันช่วยเหลือฉันอย่างเต็มที่สุดความสามารถเพื่อให้ฉันนั้นได้เรียนจบในที่สุดในมัธยมปลาย และหลังจากนั้นฉันก็ได้พยายามที่จะเรียนต่อในอุดมศึกษาในหลายๆที่ แต่ก็เป็นที่น่าเสียดายที่ฉันไม่สามารถเรียนจบได้เลย เป็นเพราะว่าฉันไม่สามารถปรับตัวให้เข้ากับเพื่อนๆผู้อื่นในชั้นเรียนได้เลย เพราะมีแต่คนที่ไม่รู้เรื่องราวของฉันและไม่เข้าใจเข้าถึงฉันได้เลย เป็นเพราะว่าฉันมันไม่เหมือนใครไม่เหมือนคนอื่นนั่นเอง และก็ไม่มีเพื่อนเก่าๆที่เข้าใจฉันเลย แถมฉันก็พึ่งจะมารู้ตัวรู้สึกในตัวเองว่าเรามันไม่เหมือนกับคนอื่น เราเป็นเด็กพิเศษ หรือเป็นคนไม่ปกติในสังคมนั่นเอง คือเป็นเด็กที่มีความผิดปกติทางสมองหรือเกี่ยวกับระบบประสาทในสมองนั่นเอง
ฉันเริ่มไปหาหมอที่จะสามารถรักษาโรคของฉันได้ในหลายๆที่ แต่ก็ไม่มีใครที่จะสามารถรักษาฉันได้เลย เพราะพวกเค้าไม่เข้าใจในตัวฉันและไม่สามารถเข้าถึงใจของฉันได้เลย แต่ก็นับว่าเป็นโชคดีที่ฉันได้ไปพบหมอคนหนึ่งที่เป็นหมอที่มีความสามารถสูงมาก และเค้าก็เข้าใจในตัวของฉันและรักษาฉันให้ช่วยบรรเทาอาการลงได้ และเกือบจะหายเป็นปกติเหมือนกับคนผู้อื่นในสังคม ถึงแม้ว่ามันจะไม่สามารถรักษาให้หายขาดได้ก็ตามที แต่อย่างน้อยมันก็ทำให้ฉันนั้นมีสติอยู่กับเนื้อกับตัวของตัวเองได้ตลอดเวลา ถ้าไม่มีใครมาหาเรื่องฉันก่อน อาการก็ไม่กำเริบออกมาหรอก ซึ่งอาการของฉันมันก็มีอยู่สองอย่างคือ อาการที่หนึ่งคือ ไม่มีผู้คนเยอะแยะพลุกพล่านนั่นเอง ส่วนอาการที่สองคือ เสียงดังนั่นเอง โดยเฉพาะเสียงของผู้คนที่ชอบทำร้ายฉันโดยการนินทาว่าร้ายฉันต่างๆนาๆ ซึ่งฉันสามารถรับรู้และรู้สึกได้จากการที่มีวิชาจิตมารสังหารนั่นเอง เพราะฉันสามารถสัมผัสได้ถึงจิตสังหารของพวกมัน
ฉันเริ่มศึกษาในทางสายธรรมะหรือศึกษาศาสนามากขึ้นๆเรื่อยๆ ซึ่งมันทำให้ฉันรู้สึกดีและอิ่มเอิบในรสธรรม ซึ่งมันสามารถทำให้อาการโรคของฉันหายขาดได้ เพราะว่ามันคือตัวของฉันเองที่สามารถที่จะรักษาตัวเองได้นั่นเอง สาเหตุมันอยู่ที่ฉัน เพราะฉะนั้นฉันก็ต้องแก้ด้วยตนเอง ซึ่งมันอยู่ที่พลัง ฉันปรารถนาพลัง พลังที่สามารถสร้างหรือทำลายได้ในทุกๆสิ่งนั่นเองมาตั้งแต่แรกเริ่ม ซึ่งฉันมีวิชาจิตมารสังหารอยู่กับตัว มันควบคุมไม่ได้ ฉันเลยเป็นบ้า มันเป็นพลังที่ชั่วร้าย มีแต่จะทำลายทั้งกับตนเองและผู้อื่น แต่ถ้าฉันควบคุมมันได้ มันก็จะเป็นพลังที่สามารถช่วยเหลือตัวของฉันเองได้อย่างยิ่งยวด ซึ่งตอนนี้ฉันฝึกฝนวิชาจิตมารสังหารสำเร็จแล้ว และสามารถควบคุมมันได้ด้วย และตอนนี้ฉันก็ค้นพบวิชาใหม่อีกหนึ่งวิชา มันตรงกันข้ามกับจิตมารสังหารนั่นเอง มันคือวิชาจิตเทพเมตตา ซึ่งฉันยังคงฝึกฝนอยู่ในขั้นต้น มันเป็นวิชาที่ระงับความโกรธเกรี้ยวอาฆาตพยาบาททำลายของจิตมารสังหาร เวลาที่ฉันควบคุมจิตของตนเองไม่ได้ก็จะพยายามใช้จิตในด้านบวกอีกวิชาหนึ่งช่วยบรรเทาผ่อนปรนพลังด้านลบให้ไม่ทำลายตัวเองและผู้อื่นอีกต่อไปในสถานการณ์ที่คับขันนั่นเอง
สิ่งสุดท้ายที่ฉันจะบอกก่อนจบก็คือ มีผู้คนมากมายที่เกลียดชังไม่ชอบฉันและต้องการทำร้ายทำลายฉันในทุกๆด้าน เป็นเพราะพวกเค้าไม่เข้าใจเข้าถึงตัวฉันได้ พวกนี้มีอยู่ทุกที่ทุกหนทุกแห่ง ไม่ว่าฉันจะไปที่ไหนก็เจอพวกมัน ฉันแค่อยากจะบอกว่า เวรกรรมมีจริง ใครคิดทำร้ายทำลายฉัน มันทุกผู้จักต้องได้รับคำสาปของฉันไป นั่นก็คือ ในชีวิตจะไม่มีวันมีความสุข เพราะเป็นบ้า จนกว่าจะตายไป ตายแล้วก็ยังไม่จบ จะต้องลงนรกหมกไหม้ไปด้วยกันทุกคน ฉันขอสาปแช่งพวกมัน ทำอย่างไรก็ได้อย่างนั้น มันเป็นสัจธรรม
ความในใจชีวิตบัดซบของฉัน
ต่อไปนี้ฉันจะเล่าถึงความหลังในอดีตที่แสนขมขื่นและเจ็บปวดแสนสาหัสในชีวิตชาตินี้ของฉันให้กับทุกคนได้ฟังได้รับรู้กัน ประวัติศาสตร์ที่แสนเจ็บปวดของฉันในชาตินี้ว่ามันโคตรทนทุกข์ทรมานแสนสาหัสมากมายแค่ไหนเพียงใด เอ้าเมาเริ่มกันเลยโดยไม่ต้องลีลาชักช้าเยื่อนเยื้อนะ
ฉันเกิดมาก็มีกายใจจิตที่อ่อนแอบอบบางมาตั้งแต่เด็กๆในทุกๆด้าน ทั้งกายใจจิตทั้งหมดทุกอย่างเลย น่ารันทดชิบ
ตั้งแต่เด็กๆมาฉันก็มักจะถูกกลั่นแกล้งมาโดยตลอดจากคนอื่นๆเสมอ เพราะว่าตัวเล็กและไม่แข็งแรง แต่เพราะอยากมีเพื่อนเลยทนเอา แต่พอเริ่มทนไม่ไหวเข้าก็ร้องไห้ วิ่งกลับบ้านไปหาแม่เพียงคนเดียวในโลกนี้เท่านั้นที่รักและเข้าใจฉันเสมอมา ถึงจะมีบ้างที่แม่ไม่เข้าใจในตัวฉันก็ตามที
พอเริ่มโตมาหน่อยฉันก็เริ่มทำตัวแปลกแยกจากผู้คนทุกคนในโลกนี้ และไม่ยุ่งสุงสิงกับใครอีกต่อไป เพราะทนไม่ไหวกับการถูกกลั่นแกล้งชิงชังจากผู้อื่น และเริ่มมีประสบการณ์และเริ่มฝึกจิตมารสังหาร และเก็บกดกดดันตัวเองระงับความโกรธเกรี้ยวกราดในผู้คนที่ชั่วร้ายเหล่านั้นไว้เรื่อยๆและเรื่อยมารอวันที่จะประทุระเบิดออกมาไม่เวลาใดก็เวลาหนึ่งเมื่อฉันพร้อมรบในสมรภูมิโลกเผ่าพันธุ์มนุษย์ชั่วร้ายที่แสนโสมมโสโครก เพื่อรอวันทำลายล้างโลกและเผ่าพันธุ์มนุษย์ให้สิ้นซากไป และให้เหลือเอาไว้เฉพาะแต่ผู้คนที่เป็นคนที่ดีอย่างแท้จริงเท่านั้น
พอโตขึ้นมาอีกหน่อยพอเริ่มเป็นวัยรุ่น จิตมารเริ่มพลุ่งพล่านควบคุมไม่อยู่ก็เลยระเบิดพลังอาฆาตที่ชั่วร้ายออกมา มันเริ่มออกมามากขึ้นๆเรื่อยๆจนทำให้ตัวฉันเองเริ่มเป็นบ้าในสังคมผู้คนทั่วไป ฉันอาละวาดพาลไปทั่วกับทุกคนที่เข้ามาเกี่ยวข้องวุ่นวายกับฉัน พอทุกคนเห็นฉันทำอย่างนี้ก็ไม่เข้าใจในตัวฉันหาว่าฉันเป็นบ้าเป็นโรคจิตโรคประสาท ทั้งๆที่ฉันไม่ได้ตั้งใจทำลงไปแถมไม่ได้ไปหาเรื่องใครก่อนเลย เป็นเพราะพวกมันมนุษย์ที่ชอบหาเรื่องก่อกวนวุ่นวายกับฉันทำให้ฉันไม่พอใจนั่นเอง ฉันเริ่มเรียนแย่ลงๆทุกทีเรื่อยๆ เพราะไม่มีอารมณ์กะจิตกะใจเรียนเลย เพราะว่ามีแต่ผู้คนเข้ามาวุ่นวายก่อกวนฉันอยู่เรื่อยๆที่โรงเรียน แต่ก็ดีใจที่อย่างน้อยก็มีเพื่อนเพียงไม่กี่คนที่เข้าใจในตัวฉันและสงสารฉัน ซึ่งเพื่อนส่วนใหญ่นั้นเลิกเป็นเพื่อนกับฉันไปเพราะไม่เข้าใจในตัวฉันนั่นเอง แต่ก็มีอยู่อย่างหนึ่งที่ทำให้ฉันนั้นประทับใจมากๆคือ คุณครูหลายๆท่านเค้าเข้าใจในตัวฉันและช่วยผลักดันช่วยเหลือฉันอย่างเต็มที่สุดความสามารถเพื่อให้ฉันนั้นได้เรียนจบในที่สุดในมัธยมปลาย และหลังจากนั้นฉันก็ได้พยายามที่จะเรียนต่อในอุดมศึกษาในหลายๆที่ แต่ก็เป็นที่น่าเสียดายที่ฉันไม่สามารถเรียนจบได้เลย เป็นเพราะว่าฉันไม่สามารถปรับตัวให้เข้ากับเพื่อนๆผู้อื่นในชั้นเรียนได้เลย เพราะมีแต่คนที่ไม่รู้เรื่องราวของฉันและไม่เข้าใจเข้าถึงฉันได้เลย เป็นเพราะว่าฉันมันไม่เหมือนใครไม่เหมือนคนอื่นนั่นเอง และก็ไม่มีเพื่อนเก่าๆที่เข้าใจฉันเลย แถมฉันก็พึ่งจะมารู้ตัวรู้สึกในตัวเองว่าเรามันไม่เหมือนกับคนอื่น เราเป็นเด็กพิเศษ หรือเป็นคนไม่ปกติในสังคมนั่นเอง คือเป็นเด็กที่มีความผิดปกติทางสมองหรือเกี่ยวกับระบบประสาทในสมองนั่นเอง
ฉันเริ่มไปหาหมอที่จะสามารถรักษาโรคของฉันได้ในหลายๆที่ แต่ก็ไม่มีใครที่จะสามารถรักษาฉันได้เลย เพราะพวกเค้าไม่เข้าใจในตัวฉันและไม่สามารถเข้าถึงใจของฉันได้เลย แต่ก็นับว่าเป็นโชคดีที่ฉันได้ไปพบหมอคนหนึ่งที่เป็นหมอที่มีความสามารถสูงมาก และเค้าก็เข้าใจในตัวของฉันและรักษาฉันให้ช่วยบรรเทาอาการลงได้ และเกือบจะหายเป็นปกติเหมือนกับคนผู้อื่นในสังคม ถึงแม้ว่ามันจะไม่สามารถรักษาให้หายขาดได้ก็ตามที แต่อย่างน้อยมันก็ทำให้ฉันนั้นมีสติอยู่กับเนื้อกับตัวของตัวเองได้ตลอดเวลา ถ้าไม่มีใครมาหาเรื่องฉันก่อน อาการก็ไม่กำเริบออกมาหรอก ซึ่งอาการของฉันมันก็มีอยู่สองอย่างคือ อาการที่หนึ่งคือ ไม่มีผู้คนเยอะแยะพลุกพล่านนั่นเอง ส่วนอาการที่สองคือ เสียงดังนั่นเอง โดยเฉพาะเสียงของผู้คนที่ชอบทำร้ายฉันโดยการนินทาว่าร้ายฉันต่างๆนาๆ ซึ่งฉันสามารถรับรู้และรู้สึกได้จากการที่มีวิชาจิตมารสังหารนั่นเอง เพราะฉันสามารถสัมผัสได้ถึงจิตสังหารของพวกมัน
ฉันเริ่มศึกษาในทางสายธรรมะหรือศึกษาศาสนามากขึ้นๆเรื่อยๆ ซึ่งมันทำให้ฉันรู้สึกดีและอิ่มเอิบในรสธรรม ซึ่งมันสามารถทำให้อาการโรคของฉันหายขาดได้ เพราะว่ามันคือตัวของฉันเองที่สามารถที่จะรักษาตัวเองได้นั่นเอง สาเหตุมันอยู่ที่ฉัน เพราะฉะนั้นฉันก็ต้องแก้ด้วยตนเอง ซึ่งมันอยู่ที่พลัง ฉันปรารถนาพลัง พลังที่สามารถสร้างหรือทำลายได้ในทุกๆสิ่งนั่นเองมาตั้งแต่แรกเริ่ม ซึ่งฉันมีวิชาจิตมารสังหารอยู่กับตัว มันควบคุมไม่ได้ ฉันเลยเป็นบ้า มันเป็นพลังที่ชั่วร้าย มีแต่จะทำลายทั้งกับตนเองและผู้อื่น แต่ถ้าฉันควบคุมมันได้ มันก็จะเป็นพลังที่สามารถช่วยเหลือตัวของฉันเองได้อย่างยิ่งยวด ซึ่งตอนนี้ฉันฝึกฝนวิชาจิตมารสังหารสำเร็จแล้ว และสามารถควบคุมมันได้ด้วย และตอนนี้ฉันก็ค้นพบวิชาใหม่อีกหนึ่งวิชา มันตรงกันข้ามกับจิตมารสังหารนั่นเอง มันคือวิชาจิตเทพเมตตา ซึ่งฉันยังคงฝึกฝนอยู่ในขั้นต้น มันเป็นวิชาที่ระงับความโกรธเกรี้ยวอาฆาตพยาบาททำลายของจิตมารสังหาร เวลาที่ฉันควบคุมจิตของตนเองไม่ได้ก็จะพยายามใช้จิตในด้านบวกอีกวิชาหนึ่งช่วยบรรเทาผ่อนปรนพลังด้านลบให้ไม่ทำลายตัวเองและผู้อื่นอีกต่อไปในสถานการณ์ที่คับขันนั่นเอง
สิ่งสุดท้ายที่ฉันจะบอกก่อนจบก็คือ มีผู้คนมากมายที่เกลียดชังไม่ชอบฉันและต้องการทำร้ายทำลายฉันในทุกๆด้าน เป็นเพราะพวกเค้าไม่เข้าใจเข้าถึงตัวฉันได้ พวกนี้มีอยู่ทุกที่ทุกหนทุกแห่ง ไม่ว่าฉันจะไปที่ไหนก็เจอพวกมัน ฉันแค่อยากจะบอกว่า เวรกรรมมีจริง ใครคิดทำร้ายทำลายฉัน มันทุกผู้จักต้องได้รับคำสาปของฉันไป นั่นก็คือ ในชีวิตจะไม่มีวันมีความสุข เพราะเป็นบ้า จนกว่าจะตายไป ตายแล้วก็ยังไม่จบ จะต้องลงนรกหมกไหม้ไปด้วยกันทุกคน ฉันขอสาปแช่งพวกมัน ทำอย่างไรก็ได้อย่างนั้น มันเป็นสัจธรรม
0 ความคิดเห็น
0 การแบ่งปัน
136 มุมมอง
0 รีวิว