ความสุขที่แท้จริง
บางครั้งคนเราคิดว่าความสุขนั้นจีรังยั่งยืน บางคนก็ว่ามันไม่จีรังยั่งยืน บ้างก็ว่ามีทั้งความสุขและความทุกข์ปะปนกันไปตามคำสอนของศาสนา แต่สำหรับผมแล้ว ความสุขนั้นมันขึ้นอยู่กับใจของเรา และมันก็มีทั้งชั่วคราวและยั่งยืนทั้งสองแบบนั่นเอง
ความสุขที่แท้จริงนั้นมันสามารถที่จะเป็นไปได้เสมอมาและเสมอไป แต่มันขึ้นอยู่กับใจของเรา หลวงตาบัวฯท่านได้เคยสอนพวกเราทั้งหลายเอาไว้ว่า ใจเรานั้นไม่เคยตาย มันมีทั้งสวรรค์และนรก เราจึงควรที่จะเร่งกระทำการสั่งสมความดีบุญกุศลบุญบารมีเอาไว้ให้มากๆ เพราะกรรมหรือการกระทำของตัวเราจะเป็นตัวกำหนดว่า ในชาติภพหน้านั้นเราจะได้ไปอยู่ ณ ที่ใดและจะได้ไปเกิดไปเป็นอะไรกัน ฉะนั้นหลวงตาบัวฯท่านถึงได้เฝ้าบอกพวกเราทั้งหลาย และย้ำนักย้ำหนาว่า สวรรค์มี นรกมี ทำดีได้ดี ทำชั่วได้ชั่ว นิพพานมีจริง พรหมโลกมีจริง ทำอย่างไรได้อย่างนั้น ให้พวกเราจงจำเอาไว้ให้ขึ้นใจนะ หลวงตาบัวฯท่านว่าเอาไว้อย่างนั้น ขนาดหลวงตาบัวฯท่านเป็นพระอรหันต์ยังว่าไว้อย่างนั้นเลย แล้วพวกเราตัวเท่าหนู เป็นใครเก่งมาจากไหนถึงจะไม่เชื่อท่านเล่า นี่คือหลักธรรมคำสอนที่หลวงตาบัวฯท่านได้ว่าเอาไว้ก่อนที่ท่านจะมรณภาพละสังขารไปนั่นเอง
ความสุขที่แท้จริงคือ การตั้งกฎเกณฑ์ให้กับตนเองได้ประพฤติปฏิบัติตามกฎเกณฑ์ที่เราได้ตั้งเอาไว้อย่างเคร่งครัด โดยในช่วงแรกๆนั้นให้เราตั้งสัจจะตั้งใจตั้งมั่นกับตนเองให้ได้ก่อนว่า เราจะทำตามกฎระเบียบข้อบังคับที่ตนเองได้ตั้งเอาไว้อย่างเคร่งครัด และถ้าหากว่าเราได้เลินเล่อเผลอเลอละเมิดกฎระเบียบข้อบังคับไป เราก็ควรที่จะต้องได้รับการลงโทษทัณฑ์ด้วยตัวของเราเองด้วย โดยโทษทัณฑ์ที่เราจะได้รับนั้น ในตอนแรกๆและหรือครั้งแรกๆนั้น เราอาจจะควรที่จะได้รับไปเป็นแบบเบาๆไปก่อน แต่ถ้าเราได้ทำการละเมิดไปบ่อยครั้งๆเข้า เราก็ต้องควรที่จะได้รับกับโทษทัณฑ์ที่หนักหนาสาหัสยิ่งขึ้น ซึ่งมันยากและน่ากลัว แต่อย่าได้ไปท้อแท้และท้อถอย แต่ให้เราพยายามทำให้ได้ในสิ่งที่เราได้ตั้งมั่นกับตนเองเอาไว้ และอย่าได้ไปท้อถอยกับความชั่วที่มีในจิตใจของตนเอง นี่เป็นแค่ตัวอย่างง่ายๆที่ผมได้เคยประพฤติปฏิบัติมานั่นเอง เพื่อความสุขที่แท้จริงในใจของเราที่เราได้มุ่งหวังคาดหวังเอาไว้นั่นเอง และสุดท้ายนี้ผมขอให้ทุกท่านได้เข้าใจและลองนำไปทำกันดูกันนะครับ
บางครั้งคนเราคิดว่าความสุขนั้นจีรังยั่งยืน บางคนก็ว่ามันไม่จีรังยั่งยืน บ้างก็ว่ามีทั้งความสุขและความทุกข์ปะปนกันไปตามคำสอนของศาสนา แต่สำหรับผมแล้ว ความสุขนั้นมันขึ้นอยู่กับใจของเรา และมันก็มีทั้งชั่วคราวและยั่งยืนทั้งสองแบบนั่นเอง
ความสุขที่แท้จริงนั้นมันสามารถที่จะเป็นไปได้เสมอมาและเสมอไป แต่มันขึ้นอยู่กับใจของเรา หลวงตาบัวฯท่านได้เคยสอนพวกเราทั้งหลายเอาไว้ว่า ใจเรานั้นไม่เคยตาย มันมีทั้งสวรรค์และนรก เราจึงควรที่จะเร่งกระทำการสั่งสมความดีบุญกุศลบุญบารมีเอาไว้ให้มากๆ เพราะกรรมหรือการกระทำของตัวเราจะเป็นตัวกำหนดว่า ในชาติภพหน้านั้นเราจะได้ไปอยู่ ณ ที่ใดและจะได้ไปเกิดไปเป็นอะไรกัน ฉะนั้นหลวงตาบัวฯท่านถึงได้เฝ้าบอกพวกเราทั้งหลาย และย้ำนักย้ำหนาว่า สวรรค์มี นรกมี ทำดีได้ดี ทำชั่วได้ชั่ว นิพพานมีจริง พรหมโลกมีจริง ทำอย่างไรได้อย่างนั้น ให้พวกเราจงจำเอาไว้ให้ขึ้นใจนะ หลวงตาบัวฯท่านว่าเอาไว้อย่างนั้น ขนาดหลวงตาบัวฯท่านเป็นพระอรหันต์ยังว่าไว้อย่างนั้นเลย แล้วพวกเราตัวเท่าหนู เป็นใครเก่งมาจากไหนถึงจะไม่เชื่อท่านเล่า นี่คือหลักธรรมคำสอนที่หลวงตาบัวฯท่านได้ว่าเอาไว้ก่อนที่ท่านจะมรณภาพละสังขารไปนั่นเอง
ความสุขที่แท้จริงคือ การตั้งกฎเกณฑ์ให้กับตนเองได้ประพฤติปฏิบัติตามกฎเกณฑ์ที่เราได้ตั้งเอาไว้อย่างเคร่งครัด โดยในช่วงแรกๆนั้นให้เราตั้งสัจจะตั้งใจตั้งมั่นกับตนเองให้ได้ก่อนว่า เราจะทำตามกฎระเบียบข้อบังคับที่ตนเองได้ตั้งเอาไว้อย่างเคร่งครัด และถ้าหากว่าเราได้เลินเล่อเผลอเลอละเมิดกฎระเบียบข้อบังคับไป เราก็ควรที่จะต้องได้รับการลงโทษทัณฑ์ด้วยตัวของเราเองด้วย โดยโทษทัณฑ์ที่เราจะได้รับนั้น ในตอนแรกๆและหรือครั้งแรกๆนั้น เราอาจจะควรที่จะได้รับไปเป็นแบบเบาๆไปก่อน แต่ถ้าเราได้ทำการละเมิดไปบ่อยครั้งๆเข้า เราก็ต้องควรที่จะได้รับกับโทษทัณฑ์ที่หนักหนาสาหัสยิ่งขึ้น ซึ่งมันยากและน่ากลัว แต่อย่าได้ไปท้อแท้และท้อถอย แต่ให้เราพยายามทำให้ได้ในสิ่งที่เราได้ตั้งมั่นกับตนเองเอาไว้ และอย่าได้ไปท้อถอยกับความชั่วที่มีในจิตใจของตนเอง นี่เป็นแค่ตัวอย่างง่ายๆที่ผมได้เคยประพฤติปฏิบัติมานั่นเอง เพื่อความสุขที่แท้จริงในใจของเราที่เราได้มุ่งหวังคาดหวังเอาไว้นั่นเอง และสุดท้ายนี้ผมขอให้ทุกท่านได้เข้าใจและลองนำไปทำกันดูกันนะครับ
ความสุขที่แท้จริง
บางครั้งคนเราคิดว่าความสุขนั้นจีรังยั่งยืน บางคนก็ว่ามันไม่จีรังยั่งยืน บ้างก็ว่ามีทั้งความสุขและความทุกข์ปะปนกันไปตามคำสอนของศาสนา แต่สำหรับผมแล้ว ความสุขนั้นมันขึ้นอยู่กับใจของเรา และมันก็มีทั้งชั่วคราวและยั่งยืนทั้งสองแบบนั่นเอง
ความสุขที่แท้จริงนั้นมันสามารถที่จะเป็นไปได้เสมอมาและเสมอไป แต่มันขึ้นอยู่กับใจของเรา หลวงตาบัวฯท่านได้เคยสอนพวกเราทั้งหลายเอาไว้ว่า ใจเรานั้นไม่เคยตาย มันมีทั้งสวรรค์และนรก เราจึงควรที่จะเร่งกระทำการสั่งสมความดีบุญกุศลบุญบารมีเอาไว้ให้มากๆ เพราะกรรมหรือการกระทำของตัวเราจะเป็นตัวกำหนดว่า ในชาติภพหน้านั้นเราจะได้ไปอยู่ ณ ที่ใดและจะได้ไปเกิดไปเป็นอะไรกัน ฉะนั้นหลวงตาบัวฯท่านถึงได้เฝ้าบอกพวกเราทั้งหลาย และย้ำนักย้ำหนาว่า สวรรค์มี นรกมี ทำดีได้ดี ทำชั่วได้ชั่ว นิพพานมีจริง พรหมโลกมีจริง ทำอย่างไรได้อย่างนั้น ให้พวกเราจงจำเอาไว้ให้ขึ้นใจนะ หลวงตาบัวฯท่านว่าเอาไว้อย่างนั้น ขนาดหลวงตาบัวฯท่านเป็นพระอรหันต์ยังว่าไว้อย่างนั้นเลย แล้วพวกเราตัวเท่าหนู เป็นใครเก่งมาจากไหนถึงจะไม่เชื่อท่านเล่า นี่คือหลักธรรมคำสอนที่หลวงตาบัวฯท่านได้ว่าเอาไว้ก่อนที่ท่านจะมรณภาพละสังขารไปนั่นเอง
ความสุขที่แท้จริงคือ การตั้งกฎเกณฑ์ให้กับตนเองได้ประพฤติปฏิบัติตามกฎเกณฑ์ที่เราได้ตั้งเอาไว้อย่างเคร่งครัด โดยในช่วงแรกๆนั้นให้เราตั้งสัจจะตั้งใจตั้งมั่นกับตนเองให้ได้ก่อนว่า เราจะทำตามกฎระเบียบข้อบังคับที่ตนเองได้ตั้งเอาไว้อย่างเคร่งครัด และถ้าหากว่าเราได้เลินเล่อเผลอเลอละเมิดกฎระเบียบข้อบังคับไป เราก็ควรที่จะต้องได้รับการลงโทษทัณฑ์ด้วยตัวของเราเองด้วย โดยโทษทัณฑ์ที่เราจะได้รับนั้น ในตอนแรกๆและหรือครั้งแรกๆนั้น เราอาจจะควรที่จะได้รับไปเป็นแบบเบาๆไปก่อน แต่ถ้าเราได้ทำการละเมิดไปบ่อยครั้งๆเข้า เราก็ต้องควรที่จะได้รับกับโทษทัณฑ์ที่หนักหนาสาหัสยิ่งขึ้น ซึ่งมันยากและน่ากลัว แต่อย่าได้ไปท้อแท้และท้อถอย แต่ให้เราพยายามทำให้ได้ในสิ่งที่เราได้ตั้งมั่นกับตนเองเอาไว้ และอย่าได้ไปท้อถอยกับความชั่วที่มีในจิตใจของตนเอง นี่เป็นแค่ตัวอย่างง่ายๆที่ผมได้เคยประพฤติปฏิบัติมานั่นเอง เพื่อความสุขที่แท้จริงในใจของเราที่เราได้มุ่งหวังคาดหวังเอาไว้นั่นเอง และสุดท้ายนี้ผมขอให้ทุกท่านได้เข้าใจและลองนำไปทำกันดูกันนะครับ
0 ความคิดเห็น
0 การแบ่งปัน
70 มุมมอง
0 รีวิว