แนวทางพิจารณาทางเลือก: ฝืนทนเพื่ออนาคต หรือเลือกตามใจในปัจจุบัน
1. ใช้หลักพิจารณาประโยชน์และโทษ
พระพุทธเจ้าให้พิจารณา "ประโยชน์และโทษ" ของแต่ละทางเลือก ทั้งในปัจจุบันและอนาคต
ถามตัวเอง:
ทางที่ฝืนทนทุกข์ตอนนี้ มีประโยชน์อะไรในอนาคต?
สิ่งที่ต้องการในปัจจุบัน จะสร้างโทษอะไรในอนาคต?
หากทางที่ทุกข์ตอนนี้ นำไปสู่ผลที่ดีในอนาคต และทางที่ง่ายในปัจจุบันอาจก่อให้เกิดโทษในระยะยาว ควรเลือกทางที่มีประโยชน์ยาวนานกว่า
---
2. ฝึกมองในระยะยาว: การยอมทุกข์สั้นเพื่อสุขที่ยืนยาว
บางครั้งการฝืนทนเหมือนการกินยาขมเพื่อหายจากไข้หนัก
ถ้าทนทุกข์ตอนนี้เพียงชั่วคราว แต่ให้ผลเป็นความสุข ความมั่นคง หรือการเติบโตในระยะยาว พระพุทธเจ้าทรงแนะนำให้เลือกทางนี้
ตัวอย่าง:
ฝึกขันติในสิ่งที่ไม่ชอบ เช่น การทำงานหนัก หรือการเสียสละเวลาเพื่อการเรียนรู้
หากมันทำให้อนาคตมั่นคง สุขภาพจิต และฐานะทางการเงินดีขึ้น ควรเลือกอดทน
---
3. ใช้มรณสติเตือนใจ
เมื่อไม่รู้ว่าอนาคตจะเกิดอะไรขึ้น ควรเจริญมรณสติ:
ถามตัวเอง:
ถ้าต้องตายวันนี้ จะเลือกทางไหนที่ทำให้ใจสงบ และรู้สึกว่าได้ทำสิ่งที่ดีที่สุด?
สิ่งที่กำลังตัดสินใจทำ จะสร้าง ความรู้สึกเป็นกุศล หรือเป็นอกุศล?
พระพุทธเจ้าทรงแนะนำว่า: สิ่งที่ทำให้จิตรู้สึกดี มีความสบายใจ และเป็นประโยชน์กับผู้อื่น นั่นคือสิ่งที่ควรทำ
---
4. ความสมดุลระหว่าง “ขันติ” และ “ฟังเสียงหัวใจ”
หากทางที่ถูกต้องทำให้ทุกข์ใจจนกระทบสุขภาพจิตและความสุขระยะสั้น อาจต้องปรับสมดุล
ถามตัวเอง:
"ฉันฝืนมากเกินไปหรือเปล่า?"
"ฉันสามารถแบ่งเวลาให้ตัวเองมีความสุขเล็กๆ น้อยๆ ในปัจจุบันได้ไหม?"
---
5. สรุปการเลือก: เลือกด้วยความกุศลและปัญญา
หากการฝึกขันติบารมีช่วยให้เราดำเนินชีวิตอย่างมีวินัย และสร้างสุขในระยะยาว ควรยึดถือ
หากทางเลือกในปัจจุบันทำให้ใจสงบ สุขในช่วงเวลาสั้นๆ แต่ยังไม่ก่อผลเสียร้ายแรงในอนาคต ก็ไม่ควรมองข้าม
เลือกทางที่ทำให้จิตใจสงบและเต็มไปด้วยความรู้สึกเป็นกุศล ไม่ว่าในปัจจุบันหรืออนาคต
---
6. ตัวช่วยตัดสินใจ: "ถามตัวเองใน 3 ขั้นตอน"
สิ่งนี้เป็นประโยชน์ต่อฉันและคนรอบข้างใน ระยะสั้นหรือไม่?
สิ่งนี้เป็นประโยชน์ต่อฉันและคนรอบข้างใน ระยะยาวหรือไม่?
เมื่อทำสิ่งนี้แล้ว จิตใจฉันจะสงบ หรือกระวนกระวาย?
หากคำตอบชี้ไปในทาง ประโยชน์ยาวนาน และจิตสงบ ให้เลือกทางนั้น เพราะมันเป็นเส้นทางที่สอดคล้องกับหลักคำสอนทางพุทธศาสนา.
1. ใช้หลักพิจารณาประโยชน์และโทษ
พระพุทธเจ้าให้พิจารณา "ประโยชน์และโทษ" ของแต่ละทางเลือก ทั้งในปัจจุบันและอนาคต
ถามตัวเอง:
ทางที่ฝืนทนทุกข์ตอนนี้ มีประโยชน์อะไรในอนาคต?
สิ่งที่ต้องการในปัจจุบัน จะสร้างโทษอะไรในอนาคต?
หากทางที่ทุกข์ตอนนี้ นำไปสู่ผลที่ดีในอนาคต และทางที่ง่ายในปัจจุบันอาจก่อให้เกิดโทษในระยะยาว ควรเลือกทางที่มีประโยชน์ยาวนานกว่า
---
2. ฝึกมองในระยะยาว: การยอมทุกข์สั้นเพื่อสุขที่ยืนยาว
บางครั้งการฝืนทนเหมือนการกินยาขมเพื่อหายจากไข้หนัก
ถ้าทนทุกข์ตอนนี้เพียงชั่วคราว แต่ให้ผลเป็นความสุข ความมั่นคง หรือการเติบโตในระยะยาว พระพุทธเจ้าทรงแนะนำให้เลือกทางนี้
ตัวอย่าง:
ฝึกขันติในสิ่งที่ไม่ชอบ เช่น การทำงานหนัก หรือการเสียสละเวลาเพื่อการเรียนรู้
หากมันทำให้อนาคตมั่นคง สุขภาพจิต และฐานะทางการเงินดีขึ้น ควรเลือกอดทน
---
3. ใช้มรณสติเตือนใจ
เมื่อไม่รู้ว่าอนาคตจะเกิดอะไรขึ้น ควรเจริญมรณสติ:
ถามตัวเอง:
ถ้าต้องตายวันนี้ จะเลือกทางไหนที่ทำให้ใจสงบ และรู้สึกว่าได้ทำสิ่งที่ดีที่สุด?
สิ่งที่กำลังตัดสินใจทำ จะสร้าง ความรู้สึกเป็นกุศล หรือเป็นอกุศล?
พระพุทธเจ้าทรงแนะนำว่า: สิ่งที่ทำให้จิตรู้สึกดี มีความสบายใจ และเป็นประโยชน์กับผู้อื่น นั่นคือสิ่งที่ควรทำ
---
4. ความสมดุลระหว่าง “ขันติ” และ “ฟังเสียงหัวใจ”
หากทางที่ถูกต้องทำให้ทุกข์ใจจนกระทบสุขภาพจิตและความสุขระยะสั้น อาจต้องปรับสมดุล
ถามตัวเอง:
"ฉันฝืนมากเกินไปหรือเปล่า?"
"ฉันสามารถแบ่งเวลาให้ตัวเองมีความสุขเล็กๆ น้อยๆ ในปัจจุบันได้ไหม?"
---
5. สรุปการเลือก: เลือกด้วยความกุศลและปัญญา
หากการฝึกขันติบารมีช่วยให้เราดำเนินชีวิตอย่างมีวินัย และสร้างสุขในระยะยาว ควรยึดถือ
หากทางเลือกในปัจจุบันทำให้ใจสงบ สุขในช่วงเวลาสั้นๆ แต่ยังไม่ก่อผลเสียร้ายแรงในอนาคต ก็ไม่ควรมองข้าม
เลือกทางที่ทำให้จิตใจสงบและเต็มไปด้วยความรู้สึกเป็นกุศล ไม่ว่าในปัจจุบันหรืออนาคต
---
6. ตัวช่วยตัดสินใจ: "ถามตัวเองใน 3 ขั้นตอน"
สิ่งนี้เป็นประโยชน์ต่อฉันและคนรอบข้างใน ระยะสั้นหรือไม่?
สิ่งนี้เป็นประโยชน์ต่อฉันและคนรอบข้างใน ระยะยาวหรือไม่?
เมื่อทำสิ่งนี้แล้ว จิตใจฉันจะสงบ หรือกระวนกระวาย?
หากคำตอบชี้ไปในทาง ประโยชน์ยาวนาน และจิตสงบ ให้เลือกทางนั้น เพราะมันเป็นเส้นทางที่สอดคล้องกับหลักคำสอนทางพุทธศาสนา.
แนวทางพิจารณาทางเลือก: ฝืนทนเพื่ออนาคต หรือเลือกตามใจในปัจจุบัน
1. ใช้หลักพิจารณาประโยชน์และโทษ
พระพุทธเจ้าให้พิจารณา "ประโยชน์และโทษ" ของแต่ละทางเลือก ทั้งในปัจจุบันและอนาคต
ถามตัวเอง:
ทางที่ฝืนทนทุกข์ตอนนี้ มีประโยชน์อะไรในอนาคต?
สิ่งที่ต้องการในปัจจุบัน จะสร้างโทษอะไรในอนาคต?
หากทางที่ทุกข์ตอนนี้ นำไปสู่ผลที่ดีในอนาคต และทางที่ง่ายในปัจจุบันอาจก่อให้เกิดโทษในระยะยาว ควรเลือกทางที่มีประโยชน์ยาวนานกว่า
---
2. ฝึกมองในระยะยาว: การยอมทุกข์สั้นเพื่อสุขที่ยืนยาว
บางครั้งการฝืนทนเหมือนการกินยาขมเพื่อหายจากไข้หนัก
ถ้าทนทุกข์ตอนนี้เพียงชั่วคราว แต่ให้ผลเป็นความสุข ความมั่นคง หรือการเติบโตในระยะยาว พระพุทธเจ้าทรงแนะนำให้เลือกทางนี้
ตัวอย่าง:
ฝึกขันติในสิ่งที่ไม่ชอบ เช่น การทำงานหนัก หรือการเสียสละเวลาเพื่อการเรียนรู้
หากมันทำให้อนาคตมั่นคง สุขภาพจิต และฐานะทางการเงินดีขึ้น ควรเลือกอดทน
---
3. ใช้มรณสติเตือนใจ
เมื่อไม่รู้ว่าอนาคตจะเกิดอะไรขึ้น ควรเจริญมรณสติ:
ถามตัวเอง:
ถ้าต้องตายวันนี้ จะเลือกทางไหนที่ทำให้ใจสงบ และรู้สึกว่าได้ทำสิ่งที่ดีที่สุด?
สิ่งที่กำลังตัดสินใจทำ จะสร้าง ความรู้สึกเป็นกุศล หรือเป็นอกุศล?
พระพุทธเจ้าทรงแนะนำว่า: สิ่งที่ทำให้จิตรู้สึกดี มีความสบายใจ และเป็นประโยชน์กับผู้อื่น นั่นคือสิ่งที่ควรทำ
---
4. ความสมดุลระหว่าง “ขันติ” และ “ฟังเสียงหัวใจ”
หากทางที่ถูกต้องทำให้ทุกข์ใจจนกระทบสุขภาพจิตและความสุขระยะสั้น อาจต้องปรับสมดุล
ถามตัวเอง:
"ฉันฝืนมากเกินไปหรือเปล่า?"
"ฉันสามารถแบ่งเวลาให้ตัวเองมีความสุขเล็กๆ น้อยๆ ในปัจจุบันได้ไหม?"
---
5. สรุปการเลือก: เลือกด้วยความกุศลและปัญญา
หากการฝึกขันติบารมีช่วยให้เราดำเนินชีวิตอย่างมีวินัย และสร้างสุขในระยะยาว ควรยึดถือ
หากทางเลือกในปัจจุบันทำให้ใจสงบ สุขในช่วงเวลาสั้นๆ แต่ยังไม่ก่อผลเสียร้ายแรงในอนาคต ก็ไม่ควรมองข้าม
เลือกทางที่ทำให้จิตใจสงบและเต็มไปด้วยความรู้สึกเป็นกุศล ไม่ว่าในปัจจุบันหรืออนาคต
---
6. ตัวช่วยตัดสินใจ: "ถามตัวเองใน 3 ขั้นตอน"
สิ่งนี้เป็นประโยชน์ต่อฉันและคนรอบข้างใน ระยะสั้นหรือไม่?
สิ่งนี้เป็นประโยชน์ต่อฉันและคนรอบข้างใน ระยะยาวหรือไม่?
เมื่อทำสิ่งนี้แล้ว จิตใจฉันจะสงบ หรือกระวนกระวาย?
หากคำตอบชี้ไปในทาง ประโยชน์ยาวนาน และจิตสงบ ให้เลือกทางนั้น เพราะมันเป็นเส้นทางที่สอดคล้องกับหลักคำสอนทางพุทธศาสนา.
0 ความคิดเห็น
0 การแบ่งปัน
148 มุมมอง
0 รีวิว