สงครามกับเสียงในใจ: ชัยชนะที่สงบเย็น
การต่อสู้กับเสียงนอกตัว อาจทำให้ใจคุณเดือดพล่าน แต่การต่อสู้กับเสียงในหัว จะทำให้จิตสงบและสุขุม
---
เสียงภายนอก:
เช่น เสียงด่าทอหรือว่าร้าย
เป็นผลจากวจีกรรมของผู้อื่น
ไม่มีอำนาจที่จะทำให้จิตคุณเดือดพล่านได้ หากคุณไม่เปิดประตูรับ
เสียงภายใน:
เช่น เสียงด่าตอบ อาฆาต
เป็นมโนกรรมของตัวคุณเอง
แม้ยังไม่เอ่ยวาจา แต่มโนกรรมเริ่มส่งผลต่อใจ
คนส่วนใหญ่มักปล่อยให้วจีกรรมของคนอื่น
กลายเป็นมโนกรรมของตนเอง
ส่งผลให้ใจซัดส่าย ยิ่งตอบโต้แรง ใจก็ยิ่งตกอยู่ในอกุศล
แต่คนส่วนน้อยที่มุ่งรักษาจิตให้สงบ:
จะฝึกควบคุมมโนกรรมของตนเอง
ใช้สมาธิและสติเป็นเครื่องมือในการป้องกันโทสะ
รู้ว่าการเอาชนะเสียงในใจ คือการเพิ่มพูนกุศลและบารมีธรรม
---
อุบายในการควบคุมโทสะ:
1. อย่าคิดห้ามใจตัวเอง
การห้ามใจมักนำไปสู่ความเก็บกด
ให้ฝึกมีสติรู้แรงดันของโทสะแทน
2. ฟังเสียงโทสะในตัวเอง
เปรียบเหมือนฟังเสียงน้ำเดือดในหม้อ
สังเกตอาการเดือดปุดๆ ทั้งภาพรอบตัวที่พร่ามัว และเสียงก่นด่าในหัว
3. แยกเสียงโทสะออกจากตัวตน
เข้าใจว่าเสียงเหล่านั้นไม่ใช่ของคุณ แต่เป็นเสียงปีศาจโทสะ
ฟังเสียงนั้นด้วยความมีสติ โดยไม่ให้มันใช้งานคุณ
4. พัฒนาสติให้เหนือกว่าโทสะ
เมื่อสติแข็งแกร่ง โทสะจะไม่มีช่องใช้งานสมอง ปาก หรือมือของคุณ
---
ผลลัพธ์ของสมาธิที่แท้จริง:
ไม่มีความเก็บกด ไม่มีความคันใจ
มีแต่ความแจ่มใส ความสงบเย็น
ไม่มีเมฆหมอกพิษของโทสะหลงเหลือ
การรบกับเสียงในใจจนชนะทุกครั้ง
คือการปลดปล่อยตนเองให้พ้นจากกรงแห่งอารมณ์
และสร้างจิตที่สงบเย็น แจ่มชัด และบริสุทธิ์อย่างแท้จริง!
การต่อสู้กับเสียงนอกตัว อาจทำให้ใจคุณเดือดพล่าน แต่การต่อสู้กับเสียงในหัว จะทำให้จิตสงบและสุขุม
---
เสียงภายนอก:
เช่น เสียงด่าทอหรือว่าร้าย
เป็นผลจากวจีกรรมของผู้อื่น
ไม่มีอำนาจที่จะทำให้จิตคุณเดือดพล่านได้ หากคุณไม่เปิดประตูรับ
เสียงภายใน:
เช่น เสียงด่าตอบ อาฆาต
เป็นมโนกรรมของตัวคุณเอง
แม้ยังไม่เอ่ยวาจา แต่มโนกรรมเริ่มส่งผลต่อใจ
คนส่วนใหญ่มักปล่อยให้วจีกรรมของคนอื่น
กลายเป็นมโนกรรมของตนเอง
ส่งผลให้ใจซัดส่าย ยิ่งตอบโต้แรง ใจก็ยิ่งตกอยู่ในอกุศล
แต่คนส่วนน้อยที่มุ่งรักษาจิตให้สงบ:
จะฝึกควบคุมมโนกรรมของตนเอง
ใช้สมาธิและสติเป็นเครื่องมือในการป้องกันโทสะ
รู้ว่าการเอาชนะเสียงในใจ คือการเพิ่มพูนกุศลและบารมีธรรม
---
อุบายในการควบคุมโทสะ:
1. อย่าคิดห้ามใจตัวเอง
การห้ามใจมักนำไปสู่ความเก็บกด
ให้ฝึกมีสติรู้แรงดันของโทสะแทน
2. ฟังเสียงโทสะในตัวเอง
เปรียบเหมือนฟังเสียงน้ำเดือดในหม้อ
สังเกตอาการเดือดปุดๆ ทั้งภาพรอบตัวที่พร่ามัว และเสียงก่นด่าในหัว
3. แยกเสียงโทสะออกจากตัวตน
เข้าใจว่าเสียงเหล่านั้นไม่ใช่ของคุณ แต่เป็นเสียงปีศาจโทสะ
ฟังเสียงนั้นด้วยความมีสติ โดยไม่ให้มันใช้งานคุณ
4. พัฒนาสติให้เหนือกว่าโทสะ
เมื่อสติแข็งแกร่ง โทสะจะไม่มีช่องใช้งานสมอง ปาก หรือมือของคุณ
---
ผลลัพธ์ของสมาธิที่แท้จริง:
ไม่มีความเก็บกด ไม่มีความคันใจ
มีแต่ความแจ่มใส ความสงบเย็น
ไม่มีเมฆหมอกพิษของโทสะหลงเหลือ
การรบกับเสียงในใจจนชนะทุกครั้ง
คือการปลดปล่อยตนเองให้พ้นจากกรงแห่งอารมณ์
และสร้างจิตที่สงบเย็น แจ่มชัด และบริสุทธิ์อย่างแท้จริง!
สงครามกับเสียงในใจ: ชัยชนะที่สงบเย็น
การต่อสู้กับเสียงนอกตัว อาจทำให้ใจคุณเดือดพล่าน แต่การต่อสู้กับเสียงในหัว จะทำให้จิตสงบและสุขุม
---
เสียงภายนอก:
เช่น เสียงด่าทอหรือว่าร้าย
เป็นผลจากวจีกรรมของผู้อื่น
ไม่มีอำนาจที่จะทำให้จิตคุณเดือดพล่านได้ หากคุณไม่เปิดประตูรับ
เสียงภายใน:
เช่น เสียงด่าตอบ อาฆาต
เป็นมโนกรรมของตัวคุณเอง
แม้ยังไม่เอ่ยวาจา แต่มโนกรรมเริ่มส่งผลต่อใจ
คนส่วนใหญ่มักปล่อยให้วจีกรรมของคนอื่น
กลายเป็นมโนกรรมของตนเอง
ส่งผลให้ใจซัดส่าย ยิ่งตอบโต้แรง ใจก็ยิ่งตกอยู่ในอกุศล
แต่คนส่วนน้อยที่มุ่งรักษาจิตให้สงบ:
จะฝึกควบคุมมโนกรรมของตนเอง
ใช้สมาธิและสติเป็นเครื่องมือในการป้องกันโทสะ
รู้ว่าการเอาชนะเสียงในใจ คือการเพิ่มพูนกุศลและบารมีธรรม
---
อุบายในการควบคุมโทสะ:
1. อย่าคิดห้ามใจตัวเอง
การห้ามใจมักนำไปสู่ความเก็บกด
ให้ฝึกมีสติรู้แรงดันของโทสะแทน
2. ฟังเสียงโทสะในตัวเอง
เปรียบเหมือนฟังเสียงน้ำเดือดในหม้อ
สังเกตอาการเดือดปุดๆ ทั้งภาพรอบตัวที่พร่ามัว และเสียงก่นด่าในหัว
3. แยกเสียงโทสะออกจากตัวตน
เข้าใจว่าเสียงเหล่านั้นไม่ใช่ของคุณ แต่เป็นเสียงปีศาจโทสะ
ฟังเสียงนั้นด้วยความมีสติ โดยไม่ให้มันใช้งานคุณ
4. พัฒนาสติให้เหนือกว่าโทสะ
เมื่อสติแข็งแกร่ง โทสะจะไม่มีช่องใช้งานสมอง ปาก หรือมือของคุณ
---
ผลลัพธ์ของสมาธิที่แท้จริง:
ไม่มีความเก็บกด ไม่มีความคันใจ
มีแต่ความแจ่มใส ความสงบเย็น
ไม่มีเมฆหมอกพิษของโทสะหลงเหลือ
การรบกับเสียงในใจจนชนะทุกครั้ง
คือการปลดปล่อยตนเองให้พ้นจากกรงแห่งอารมณ์
และสร้างจิตที่สงบเย็น แจ่มชัด และบริสุทธิ์อย่างแท้จริง!