ตอนที่เราจะตาย มันคงคล้ายนี้หรือหนักกว่าอีกมาก แค่ที่เจอเมื่อวานรู้เลยว่าเมื่อเวลานั้นมาถึง เรายังครองสติไม่ได้แน่ อาการปวดหัวรุนแรงอย่างไม่เคยเป็นในชีวิต อาเจียนตลอดทางไปห้อง ER อาการอย่างกับเมารถคลื่นไส้แบบทวีคูณ เอาน้ำแข็งประคบที่ศรีษะไว้ตลอด กลัวมากๆ ว่าถ้าเป็นเส้นเลือดสมองแตก ตายไปก่อนพ่อก่อนแม่ แล้วใครจะดูแลท่าน ตอนที่นอนอยู่ในเตียงปฐมพยาบาลห้องฉุกเฉิน อาการทุเลาแล้ว อาเจียนไปตั้ง 12 ครั้ง ปวดหัวเริ่มสงบลง ถูกแทงสายน้ำเกลือเข้าหลังมือ ไม่เจ็บเท่าไร แต่ที่มันคาอยู่อย่างนั้น แล้วนอนอยู่ในเตียงแคบๆ มันอึดอัดรำคาญขยับทางไหนไม่ได้ คิดถึงว่าถ้านอนอยู่ในโลงศพก็คงแบบนี้ ได้แต่มองหยดน้ำเกลือไหลวูบๆ ทำอะไรไม่ได้มากกว่านั้น ยังปวดหัวอยู่บ้าง นอนราบลงตอนแรกก็พอสบาย ไม่คลื่นไส้มากแล้ว แต่นานไปก็ไม่ค่อยสบายนัก กระสับกระส่าย ผะอืดผะอม เพราะก็ไม่รู้ตัวเองเป็นอะไร คุณหมอพยาบาล ไม่ได้บอกอะไรเพิ่ม ให้แค่รอดูอาการ เวลานั้นปกติถ้าอยู่บ้านจะต้องเป็นคนเตรียมอาหารให้น้องหมาทั้งสามตัว ก่อนออกมาเทอาหารเม็ดไว้ให้หน่อยเดียว คงจะไม่พออิ่มแน่ ดูอาการตัวเองที่คิดกังวล คิดห่วงหมา คิดห่วงคน พยายามพุทโธ แล้วร่างกายก็ส่งสัญญาณอยากขับถ่ายขึ้นมาอีก อาการที่ประดังเข้ามานี่คือเราไม่ได้เตรียมพร้อมเลย ถ้าความตายมาถึงเราจะรับมือกับความพะวักพะวนอย่างนี้ได้ยังไง นี่แค่ทุกขเวทนาระดับกลาง บวกความกังวล ความคิดที่ไม่นิ่ง มันอยากจะลุกออกจากเตียงไปเดี๋ยวนั้นแต่ก็ทำไม่ได้ เวลาประมาณไม่ถึงครึ่งชั่วโมงแต่มันช่างยาวนาน ยกมือเร่งขอบอกคุณหมอพยาบาลว่า รู้สึกดีขึ้นแล้วไปได้รึยังคะ ทำท่าสดชื่นเพื่อให้ออกไปได้เร็วๆ แต่ก็ยังต้องรอ พอรับยากลับบ้าน ระหว่างทางก็อาเจียนออกมาอีก แต่ตอนนั้นรู้แล้วว่าหมดแล้ว กลับถึงบ้านอาบน้ำก็เข้าพัก หลับสนิทไปเลย เช้าวันนี้ตื่นมาไม่เหลือร่องรอยความทุรนทุรายแล้ว ยังวิงเวียนเล็กน้อย แต่กำลังวังชาดีทำงานได้ ไม่มีไข้ ไม่เจ็บปวดอะไร คิดว่าโชคดีมากแล้ว ที่วันนี้ยังมีชีวิตรอด และมีเครื่องเตือนใจให้เรารำลึกถึงความตาย ที่อาจมาถึงในวันใดวันหนึ่งที่เราจะไม่ได้มีการเตรียมการใดได้ทันเลย ถ้าเรายังประมาทอยู่
ตอนที่เราจะตาย มันคงคล้ายนี้หรือหนักกว่าอีกมาก แค่ที่เจอเมื่อวานรู้เลยว่าเมื่อเวลานั้นมาถึง เรายังครองสติไม่ได้แน่ อาการปวดหัวรุนแรงอย่างไม่เคยเป็นในชีวิต อาเจียนตลอดทางไปห้อง ER อาการอย่างกับเมารถคลื่นไส้แบบทวีคูณ เอาน้ำแข็งประคบที่ศรีษะไว้ตลอด กลัวมากๆ ว่าถ้าเป็นเส้นเลือดสมองแตก ตายไปก่อนพ่อก่อนแม่ แล้วใครจะดูแลท่าน ตอนที่นอนอยู่ในเตียงปฐมพยาบาลห้องฉุกเฉิน อาการทุเลาแล้ว อาเจียนไปตั้ง 12 ครั้ง ปวดหัวเริ่มสงบลง ถูกแทงสายน้ำเกลือเข้าหลังมือ ไม่เจ็บเท่าไร แต่ที่มันคาอยู่อย่างนั้น แล้วนอนอยู่ในเตียงแคบๆ มันอึดอัดรำคาญขยับทางไหนไม่ได้ คิดถึงว่าถ้านอนอยู่ในโลงศพก็คงแบบนี้ ได้แต่มองหยดน้ำเกลือไหลวูบๆ ทำอะไรไม่ได้มากกว่านั้น ยังปวดหัวอยู่บ้าง นอนราบลงตอนแรกก็พอสบาย ไม่คลื่นไส้มากแล้ว แต่นานไปก็ไม่ค่อยสบายนัก กระสับกระส่าย ผะอืดผะอม เพราะก็ไม่รู้ตัวเองเป็นอะไร คุณหมอพยาบาล ไม่ได้บอกอะไรเพิ่ม ให้แค่รอดูอาการ เวลานั้นปกติถ้าอยู่บ้านจะต้องเป็นคนเตรียมอาหารให้น้องหมาทั้งสามตัว ก่อนออกมาเทอาหารเม็ดไว้ให้หน่อยเดียว คงจะไม่พออิ่มแน่ ดูอาการตัวเองที่คิดกังวล คิดห่วงหมา คิดห่วงคน พยายามพุทโธ แล้วร่างกายก็ส่งสัญญาณอยากขับถ่ายขึ้นมาอีก อาการที่ประดังเข้ามานี่คือเราไม่ได้เตรียมพร้อมเลย ถ้าความตายมาถึงเราจะรับมือกับความพะวักพะวนอย่างนี้ได้ยังไง นี่แค่ทุกขเวทนาระดับกลาง บวกความกังวล ความคิดที่ไม่นิ่ง มันอยากจะลุกออกจากเตียงไปเดี๋ยวนั้นแต่ก็ทำไม่ได้ เวลาประมาณไม่ถึงครึ่งชั่วโมงแต่มันช่างยาวนาน ยกมือเร่งขอบอกคุณหมอพยาบาลว่า รู้สึกดีขึ้นแล้วไปได้รึยังคะ ทำท่าสดชื่นเพื่อให้ออกไปได้เร็วๆ แต่ก็ยังต้องรอ พอรับยากลับบ้าน ระหว่างทางก็อาเจียนออกมาอีก แต่ตอนนั้นรู้แล้วว่าหมดแล้ว กลับถึงบ้านอาบน้ำก็เข้าพัก หลับสนิทไปเลย เช้าวันนี้ตื่นมาไม่เหลือร่องรอยความทุรนทุรายแล้ว ยังวิงเวียนเล็กน้อย แต่กำลังวังชาดีทำงานได้ ไม่มีไข้ ไม่เจ็บปวดอะไร คิดว่าโชคดีมากแล้ว ที่วันนี้ยังมีชีวิตรอด และมีเครื่องเตือนใจให้เรารำลึกถึงความตาย ที่อาจมาถึงในวันใดวันหนึ่งที่เราจะไม่ได้มีการเตรียมการใดได้ทันเลย ถ้าเรายังประมาทอยู่
0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 189 มุมมอง 0 รีวิว