แยกอาการระหว่าง "ขี้เกียจ" กับ "ปล่อยวาง"
ลักษณะของ "ขี้เกียจ"
1. สภาพใจ:
ใจหนัก เหนื่อย เบื่อหน่าย ไม่อยากทำอะไร
มีความรู้สึกเฉื่อยชา ไม่อยากเผชิญหน้ากับสิ่งที่ต้องทำ
มีความเลี่ยงหลบ เช่น อยากผลัดวันประกันพรุ่ง
2. สภาพกาย:
ร่างกายงอมืองอเท้า ไม่อยากขยับเขยื้อน
รู้ว่ามีสิ่งที่ต้องทำ แต่ไม่มีแรงใจหรือแรงกายจะเริ่มต้น
มักมีผลกระทบ เช่น งานคั่งค้าง หรือความเสียหายตามมา
3. ลักษณะร่วม:
มักตามมาด้วยความรู้สึกผิด หรือความทุกข์ใจเล็กๆ จากการไม่ทำหน้าที่
ไม่มีความโปร่งเบาหรือคลายใจอย่างแท้จริง
---
ลักษณะของ "ปล่อยวาง"
1. สภาพใจ:
ใจโปร่ง โล่ง เบา มีความสงบ
ไม่แบกความคาดหวัง หรือความยึดติดกับผลลัพธ์
มีความรู้สึกว่า "ทำเต็มที่แล้ว" หรือ "ไม่ต้องไปยึดติดกับสิ่งที่ควบคุมไม่ได้"
2. สภาพกาย:
ร่างกายยังทำหน้าที่ได้ปกติ เช่น ทำงาน ทำกิจกรรม แต่ทำไปโดยไม่มีความกังวล
หากต้องพัก ร่างกายพักแบบผ่อนคลาย ไม่ใช่เพราะการหนีปัญหา
3. ลักษณะร่วม:
ไม่เกิดความรู้สึกผิดหลังการปล่อยวาง เพราะรู้ว่าไม่ได้ละเลยหน้าที่
มีความพอใจกับปัจจุบัน แม้ผลลัพธ์อาจไม่เป็นดั่งใจ
---
วิธีแยกแยะระหว่าง "ขี้เกียจ" กับ "ปล่อยวาง"
1. ถามตัวเองว่า "มีสิ่งที่ควรทำแต่ไม่ได้ทำหรือไม่?"
หากคำตอบคือ "ใช่" และยังผลัดวันหรือไม่เริ่มต้น แสดงว่าเป็น ขี้เกียจ
หากคำตอบคือ "ไม่" เพราะได้ทำเต็มที่แล้ว แต่ไม่ยึดติดผลลัพธ์ แสดงว่าเป็น ปล่อยวาง
2. พิจารณาอารมณ์หลังการกระทำ:
ถ้ามีความรู้สึกผิด หรือกังวลใจต่อเนื่อง อาจเป็นเพราะความขี้เกียจ
ถ้ามีความโล่ง โปร่ง เบา และพร้อมจะเดินหน้าต่อ แสดงว่าปล่อยวางแล้ว
3. ดูผลกระทบต่อชีวิต:
ขี้เกียจมักนำไปสู่ความเสียหาย งานคั่งค้าง หรือความสัมพันธ์ที่ตึงเครียด
ปล่อยวางนำไปสู่ความสงบในใจ และการจัดการสิ่งต่างๆ อย่างเหมาะสม
---
สรุป:
ขี้เกียจ: ใจหนัก กายเฉื่อย มักละเลยสิ่งที่ควรทำ
ปล่อยวาง: ใจเบา กายยังทำหน้าที่ได้ ไม่มีความยึดติดกับผลลัพธ์
ถ้าอยากปล่อยวางแทนที่จะขี้เกียจ ให้เริ่มจาก ทำหน้าที่ของตัวเองให้ดีที่สุดก่อน แล้วค่อย วางใจไม่ยึดติดกับผล ของสิ่งที่ทำ!
ลักษณะของ "ขี้เกียจ"
1. สภาพใจ:
ใจหนัก เหนื่อย เบื่อหน่าย ไม่อยากทำอะไร
มีความรู้สึกเฉื่อยชา ไม่อยากเผชิญหน้ากับสิ่งที่ต้องทำ
มีความเลี่ยงหลบ เช่น อยากผลัดวันประกันพรุ่ง
2. สภาพกาย:
ร่างกายงอมืองอเท้า ไม่อยากขยับเขยื้อน
รู้ว่ามีสิ่งที่ต้องทำ แต่ไม่มีแรงใจหรือแรงกายจะเริ่มต้น
มักมีผลกระทบ เช่น งานคั่งค้าง หรือความเสียหายตามมา
3. ลักษณะร่วม:
มักตามมาด้วยความรู้สึกผิด หรือความทุกข์ใจเล็กๆ จากการไม่ทำหน้าที่
ไม่มีความโปร่งเบาหรือคลายใจอย่างแท้จริง
---
ลักษณะของ "ปล่อยวาง"
1. สภาพใจ:
ใจโปร่ง โล่ง เบา มีความสงบ
ไม่แบกความคาดหวัง หรือความยึดติดกับผลลัพธ์
มีความรู้สึกว่า "ทำเต็มที่แล้ว" หรือ "ไม่ต้องไปยึดติดกับสิ่งที่ควบคุมไม่ได้"
2. สภาพกาย:
ร่างกายยังทำหน้าที่ได้ปกติ เช่น ทำงาน ทำกิจกรรม แต่ทำไปโดยไม่มีความกังวล
หากต้องพัก ร่างกายพักแบบผ่อนคลาย ไม่ใช่เพราะการหนีปัญหา
3. ลักษณะร่วม:
ไม่เกิดความรู้สึกผิดหลังการปล่อยวาง เพราะรู้ว่าไม่ได้ละเลยหน้าที่
มีความพอใจกับปัจจุบัน แม้ผลลัพธ์อาจไม่เป็นดั่งใจ
---
วิธีแยกแยะระหว่าง "ขี้เกียจ" กับ "ปล่อยวาง"
1. ถามตัวเองว่า "มีสิ่งที่ควรทำแต่ไม่ได้ทำหรือไม่?"
หากคำตอบคือ "ใช่" และยังผลัดวันหรือไม่เริ่มต้น แสดงว่าเป็น ขี้เกียจ
หากคำตอบคือ "ไม่" เพราะได้ทำเต็มที่แล้ว แต่ไม่ยึดติดผลลัพธ์ แสดงว่าเป็น ปล่อยวาง
2. พิจารณาอารมณ์หลังการกระทำ:
ถ้ามีความรู้สึกผิด หรือกังวลใจต่อเนื่อง อาจเป็นเพราะความขี้เกียจ
ถ้ามีความโล่ง โปร่ง เบา และพร้อมจะเดินหน้าต่อ แสดงว่าปล่อยวางแล้ว
3. ดูผลกระทบต่อชีวิต:
ขี้เกียจมักนำไปสู่ความเสียหาย งานคั่งค้าง หรือความสัมพันธ์ที่ตึงเครียด
ปล่อยวางนำไปสู่ความสงบในใจ และการจัดการสิ่งต่างๆ อย่างเหมาะสม
---
สรุป:
ขี้เกียจ: ใจหนัก กายเฉื่อย มักละเลยสิ่งที่ควรทำ
ปล่อยวาง: ใจเบา กายยังทำหน้าที่ได้ ไม่มีความยึดติดกับผลลัพธ์
ถ้าอยากปล่อยวางแทนที่จะขี้เกียจ ให้เริ่มจาก ทำหน้าที่ของตัวเองให้ดีที่สุดก่อน แล้วค่อย วางใจไม่ยึดติดกับผล ของสิ่งที่ทำ!
แยกอาการระหว่าง "ขี้เกียจ" กับ "ปล่อยวาง"
ลักษณะของ "ขี้เกียจ"
1. สภาพใจ:
ใจหนัก เหนื่อย เบื่อหน่าย ไม่อยากทำอะไร
มีความรู้สึกเฉื่อยชา ไม่อยากเผชิญหน้ากับสิ่งที่ต้องทำ
มีความเลี่ยงหลบ เช่น อยากผลัดวันประกันพรุ่ง
2. สภาพกาย:
ร่างกายงอมืองอเท้า ไม่อยากขยับเขยื้อน
รู้ว่ามีสิ่งที่ต้องทำ แต่ไม่มีแรงใจหรือแรงกายจะเริ่มต้น
มักมีผลกระทบ เช่น งานคั่งค้าง หรือความเสียหายตามมา
3. ลักษณะร่วม:
มักตามมาด้วยความรู้สึกผิด หรือความทุกข์ใจเล็กๆ จากการไม่ทำหน้าที่
ไม่มีความโปร่งเบาหรือคลายใจอย่างแท้จริง
---
ลักษณะของ "ปล่อยวาง"
1. สภาพใจ:
ใจโปร่ง โล่ง เบา มีความสงบ
ไม่แบกความคาดหวัง หรือความยึดติดกับผลลัพธ์
มีความรู้สึกว่า "ทำเต็มที่แล้ว" หรือ "ไม่ต้องไปยึดติดกับสิ่งที่ควบคุมไม่ได้"
2. สภาพกาย:
ร่างกายยังทำหน้าที่ได้ปกติ เช่น ทำงาน ทำกิจกรรม แต่ทำไปโดยไม่มีความกังวล
หากต้องพัก ร่างกายพักแบบผ่อนคลาย ไม่ใช่เพราะการหนีปัญหา
3. ลักษณะร่วม:
ไม่เกิดความรู้สึกผิดหลังการปล่อยวาง เพราะรู้ว่าไม่ได้ละเลยหน้าที่
มีความพอใจกับปัจจุบัน แม้ผลลัพธ์อาจไม่เป็นดั่งใจ
---
วิธีแยกแยะระหว่าง "ขี้เกียจ" กับ "ปล่อยวาง"
1. ถามตัวเองว่า "มีสิ่งที่ควรทำแต่ไม่ได้ทำหรือไม่?"
หากคำตอบคือ "ใช่" และยังผลัดวันหรือไม่เริ่มต้น แสดงว่าเป็น ขี้เกียจ
หากคำตอบคือ "ไม่" เพราะได้ทำเต็มที่แล้ว แต่ไม่ยึดติดผลลัพธ์ แสดงว่าเป็น ปล่อยวาง
2. พิจารณาอารมณ์หลังการกระทำ:
ถ้ามีความรู้สึกผิด หรือกังวลใจต่อเนื่อง อาจเป็นเพราะความขี้เกียจ
ถ้ามีความโล่ง โปร่ง เบา และพร้อมจะเดินหน้าต่อ แสดงว่าปล่อยวางแล้ว
3. ดูผลกระทบต่อชีวิต:
ขี้เกียจมักนำไปสู่ความเสียหาย งานคั่งค้าง หรือความสัมพันธ์ที่ตึงเครียด
ปล่อยวางนำไปสู่ความสงบในใจ และการจัดการสิ่งต่างๆ อย่างเหมาะสม
---
สรุป:
ขี้เกียจ: ใจหนัก กายเฉื่อย มักละเลยสิ่งที่ควรทำ
ปล่อยวาง: ใจเบา กายยังทำหน้าที่ได้ ไม่มีความยึดติดกับผลลัพธ์
ถ้าอยากปล่อยวางแทนที่จะขี้เกียจ ให้เริ่มจาก ทำหน้าที่ของตัวเองให้ดีที่สุดก่อน แล้วค่อย วางใจไม่ยึดติดกับผล ของสิ่งที่ทำ!
0 Comments
0 Shares
31 Views
0 Reviews