เปลี่ยนความเกลียดให้เป็นแสงสว่างในจิตความเกลียดไม่ใช่อุปสรรคจากภายนอก แต่เป็นเงามืดในใจเราเองความเกลียดไม่ใช่เมฆหมอกที่ลอยมาปกคลุมเราโดยไม่มีที่มา แต่มันเป็นหลุมดำที่ก่อตัวจากกลางใจเรา และคอยดูดกลืนความสุขของเราไป การจัดการความเกลียดจึงไม่ใช่การพยายามกำจัดสิ่งนอกตัว แต่เป็นการแปรเปลี่ยนหลุมดำในใจให้กลายเป็นแสงสว่างของความกุศล---คนส่วนใหญ่และคนส่วนน้อยคนส่วนใหญ่ไม่พยายามจัดการกับความเกลียด พวกเขาปล่อยให้ความเกลียดครอบงำ จนทำให้ชีวิตเต็มไปด้วยความทุกข์ ไม่ว่ามากหรือน้อยคนส่วนน้อยเลือกที่จะฝึกจัดการกับความเกลียด แม้จะไม่สามารถละทุกข์ได้ทั้งหมด แต่พวกเขาก็มีพื้นที่แห่งความสงบสุขในใจมุมมองแบบพุทธ มองว่าการเอาชนะความเกลียด คือการสร้างจิตที่เป็นกุศล จิตที่สงบ เยือกเย็น และตั้งมั่นในความสว่าง---จิตที่พ้นจากความเกลียดจิตที่ไม่ถูกความเกลียดครอบงำไม่ได้เกิดขึ้นโดยบังเอิญมันต้องอาศัยกระบวนการฝึกฝนและการเรียนรู้จากความเกลียดนั้นเอง:1. เริ่มต้นจากการยอมรับความเกลียดเมื่อรู้สึกเกลียด อย่าปฏิเสธหรือกดมันไว้ ยอมรับว่าเราเกลียดและมองมันด้วยสติตระหนักว่าความเกลียดคือเงามืดที่ไม่จีรัง และจะจางลงได้เองในลมหายใจถัดไป2. สังเกตการไปมาของความมืดในใจหากเราไม่ตรึกตรองถึงศัตรู ความมืดในใจจะค่อยๆ จางลงแต่ถ้ากลับมาคิดถึงศัตรู ความมืดก็จะกลับมาอีกเมื่อเห็นความจริงนี้บ่อยครั้ง เราจะเริ่มเข้าใจว่าความมืดไม่ใช่ตัวเรา3. แยกตัวเองออกจากความมืดสักวันหนึ่ง ปัญญาจะเกิดขึ้น และเราจะรู้สึกว่า "เรา" เป็นสิ่งที่ต่างจากความเกลียดจิตจะเริ่มแยกจากความมืด และตั้งอยู่ในความสว่างได้ง่ายขึ้น---ชีวิตที่พ้นจากความเกลียดเมื่อจิตตั้งมั่นในความสว่าง ความเกลียดจะกลายเป็นสิ่งที่น่าเบื่อ ไม่คุ้มค่ากับพลังงานที่เสียไปความโปร่งเบาและกุศลจิตจะกลายเป็นที่พึ่งให้ใจของเราเมื่อถึงจุดนี้ คุณอาจเปลี่ยนศัตรูให้กลายเป็นมิตรได้ โดยไม่ต้องเสแสร้ง เพียงด้วยความจริงใจที่เปล่งประกายออกมาจากจิตที่สว่าง---ความสุขที่ไม่ได้มาโดยบังเอิญหากคุณสามารถหลุดพ้นจากเส้นทางแห่งความเกลียดชัง และใช้ชีวิตอย่างสงบสุขมากกว่าคนส่วนใหญ่ในโลก นั่นไม่ใช่เพราะโชคช่วย แต่เพราะคุณเลือกที่จะฝึกฝนจิตใจ และสร้างเส้นทางใหม่ให้ตัวเองจงหมั่นฝึกฝน พาตัวเองออกจากเส้นทางแห่งความเกลียดชังในใจ และคุณจะพบความสว่างที่แท้จริงในชีวิต!
เปลี่ยนความเกลียดให้เป็นแสงสว่างในจิตความเกลียดไม่ใช่อุปสรรคจากภายนอก แต่เป็นเงามืดในใจเราเองความเกลียดไม่ใช่เมฆหมอกที่ลอยมาปกคลุมเราโดยไม่มีที่มา แต่มันเป็นหลุมดำที่ก่อตัวจากกลางใจเรา และคอยดูดกลืนความสุขของเราไป การจัดการความเกลียดจึงไม่ใช่การพยายามกำจัดสิ่งนอกตัว แต่เป็นการแปรเปลี่ยนหลุมดำในใจให้กลายเป็นแสงสว่างของความกุศล---คนส่วนใหญ่และคนส่วนน้อยคนส่วนใหญ่ไม่พยายามจัดการกับความเกลียด พวกเขาปล่อยให้ความเกลียดครอบงำ จนทำให้ชีวิตเต็มไปด้วยความทุกข์ ไม่ว่ามากหรือน้อยคนส่วนน้อยเลือกที่จะฝึกจัดการกับความเกลียด แม้จะไม่สามารถละทุกข์ได้ทั้งหมด แต่พวกเขาก็มีพื้นที่แห่งความสงบสุขในใจมุมมองแบบพุทธ มองว่าการเอาชนะความเกลียด คือการสร้างจิตที่เป็นกุศล จิตที่สงบ เยือกเย็น และตั้งมั่นในความสว่าง---จิตที่พ้นจากความเกลียดจิตที่ไม่ถูกความเกลียดครอบงำไม่ได้เกิดขึ้นโดยบังเอิญมันต้องอาศัยกระบวนการฝึกฝนและการเรียนรู้จากความเกลียดนั้นเอง:1. เริ่มต้นจากการยอมรับความเกลียดเมื่อรู้สึกเกลียด อย่าปฏิเสธหรือกดมันไว้ ยอมรับว่าเราเกลียดและมองมันด้วยสติตระหนักว่าความเกลียดคือเงามืดที่ไม่จีรัง และจะจางลงได้เองในลมหายใจถัดไป2. สังเกตการไปมาของความมืดในใจหากเราไม่ตรึกตรองถึงศัตรู ความมืดในใจจะค่อยๆ จางลงแต่ถ้ากลับมาคิดถึงศัตรู ความมืดก็จะกลับมาอีกเมื่อเห็นความจริงนี้บ่อยครั้ง เราจะเริ่มเข้าใจว่าความมืดไม่ใช่ตัวเรา3. แยกตัวเองออกจากความมืดสักวันหนึ่ง ปัญญาจะเกิดขึ้น และเราจะรู้สึกว่า "เรา" เป็นสิ่งที่ต่างจากความเกลียดจิตจะเริ่มแยกจากความมืด และตั้งอยู่ในความสว่างได้ง่ายขึ้น---ชีวิตที่พ้นจากความเกลียดเมื่อจิตตั้งมั่นในความสว่าง ความเกลียดจะกลายเป็นสิ่งที่น่าเบื่อ ไม่คุ้มค่ากับพลังงานที่เสียไปความโปร่งเบาและกุศลจิตจะกลายเป็นที่พึ่งให้ใจของเราเมื่อถึงจุดนี้ คุณอาจเปลี่ยนศัตรูให้กลายเป็นมิตรได้ โดยไม่ต้องเสแสร้ง เพียงด้วยความจริงใจที่เปล่งประกายออกมาจากจิตที่สว่าง---ความสุขที่ไม่ได้มาโดยบังเอิญหากคุณสามารถหลุดพ้นจากเส้นทางแห่งความเกลียดชัง และใช้ชีวิตอย่างสงบสุขมากกว่าคนส่วนใหญ่ในโลก นั่นไม่ใช่เพราะโชคช่วย แต่เพราะคุณเลือกที่จะฝึกฝนจิตใจ และสร้างเส้นทางใหม่ให้ตัวเองจงหมั่นฝึกฝน พาตัวเองออกจากเส้นทางแห่งความเกลียดชังในใจ และคุณจะพบความสว่างที่แท้จริงในชีวิต!
0 Comments 0 Shares 238 Views 0 Reviews