ทรัพย์สมบัติส่วนบุคคล ตอนที่ 3

ทรัพย์สมบัติภายนอกรักษาให้อยู่กับเรานานๆยาก และยังทำให้พอกพูนเพิ่มเติมยากมาก แต่ก็อาจจะมีคนแย้งว่าคนรวยแค่ทำอะไรนิดหน่อย หรือแม้กระทั่งอยู่เฉยๆทรัพย์สมบัติภายนอกก็เพิ่มขึ้นมาเอง แต่กรณีนี้เป็นตัวอย่างส่วนน้อยไม่สามารถใช้กับหลักการสำหรับมนุษย์อย่างเราทั่วๆไปได้

นอกจากนี้เมื่อแก่เฒ่าแล้ว การเพิ่มพูนทรัพย์สมบัติภายนอกทำเองได้ยาก รักษาให้อยู่ก็ยาก แถมยังเอาไปใช้งานก็ยากด้วย ซึ่งเขียนไว้ตอนก่อนๆว่า สังขารของเราต่างๆก็ยังเรียกว่าเป็นทรัพย์สมบัติภายนอกด้วย มันเสื่อมลมตามกาลเวลาซึ่งเราๆก็รู้กันดีว่าเมื่ออายุ 40ปีขึ้นไป สังขารนี้ก็จะค่อยๆเสื่อมลงไปเรื่อยๆ เห็นได้ชัดจากกล้ามเนื้อตาไม่สามารถยืดหดตัวได้ จนทำให้เกิดอาการสายตายาว พละกำลังที่เคยดีเมื่อต้องวิ่ง ปั่นจักรยาน หรือยกน้ำหนัก ทั้งๆที่คิดว่าตัวเองทำได้ดีแล้วกลับถูกวัยรุ่นทำได้ดีและทิ้งห่างระดับความแข็งแรงไปอย่างเห็นได้ชัด รวมไปถึงสภาพร่างกายอื่นๆ อาจจะมีโรคภัยเข้ามาเป็นเพื่อน เช่น โรคเบาหวาน , โรคความดันโลหิตสูง , โรคหัวใจ หรือโรคทางสายตา เป็นต้น สภาพร่ายกายที่เปลี่ยนแปลงถดถอยลง ผมบาง , ลงพุง , ผิวหนังเหี่ยวย่น หรือการปวดแข้งปวดขา ผมถือว่าร่างกายนี้ก็เป็นทรัพย์สมบัติภายนอกเพราะผมบังคับมันไม่ให้เสื่อมได้

และเมื่อถึงวาระสุดท้ายในชีวิต.. หลายๆคนที่ยึดถือเอาทรัพย์สมบัติภายนอกมาเป็นเป้าหมายของชีวิต พวกเขาเคยภาคภูมิใจว่าถึงตัวเขาจะแก่ลงแต่ทรัพย์สมบัติภายนอกเพิ่มพูนขึ้นมาก บางคนแย่ชิงมากจากผู้อื่นโดยไม่สุจริต หรือแม้กระทั่งหาได้มาด้วยความสุจริตก็ตามที แล้วยังไงต่อ…เมื่อตายไปไม่มีประวัติศาสตร์หน้าไหนที่บันทึกว่าพวกเขาร่ำรวย มีเงินหลายล้าน หลายสิบล้าน หรือหลายร้อยล้าน บางคนมีทรัพย์สมบัติภายนอกมากกว่านั้นอีก แต่ทำในสิ่งที่ไม่ดีมากลับไม่มีใครจดจำเขาในฐานะผู้มีทรัพย์สมบัติภายนอกมากมาย แต่คนรุ่นหลังกลับจนจำเขาในฐานะผู้ชั่วร้ายคนหนึ่ง และในท้ายที่สุดเมื่อต้องจากโลกใบนี้ไปนอกจากจะนำทรัพย์สมบัติภายนอกไปไม่ได้สักชิ้นแล้ว การยึดถือทรัพย์สมบัติภายนอกยังไม่เป็นที่จดจำและสรรเสริญจากผู้คนในภายหลังอีกด้วย แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าจะไม่จำเป็นต้องมีทรัพย์สมบัติภายนอกเลย การมีทรัพย์สมบัติภายนอกเพื่อดูแลตัวเองไปถึงตลอดรอดฝั่งและไม่ต้องไปรบกวนผู้อื่นให้เดือดร้อนก็คงจำเป็นอยู่ แต่หลักการของผมคือไม่ยึดติดกับพวกมันมากจนเกินไป และไม่ต้องแสวงหาจนเป็นหลักการต้นๆของการใช้ชีวิตมนุษย์เรา

และทางแก้ของผมคืออะไร… คำตอบก็คือการทำตรงกันข้ามกับที่ผมกล่าวไว้เบื้องต้น ตอนหน้าผมจะชี้ให้เห็นว่า หลักการยึดทรัพย์สมบัติ “ภายใน” แก้ปัญหาต่างๆได้อย่างไร มีประโยชน์มากแค่ไหน และสร้างความสุขให้กับมนุษย์เราได้อย่างไร พบกันตอนหน้าครับ
ทรัพย์สมบัติส่วนบุคคล ตอนที่ 3 ทรัพย์สมบัติภายนอกรักษาให้อยู่กับเรานานๆยาก และยังทำให้พอกพูนเพิ่มเติมยากมาก แต่ก็อาจจะมีคนแย้งว่าคนรวยแค่ทำอะไรนิดหน่อย หรือแม้กระทั่งอยู่เฉยๆทรัพย์สมบัติภายนอกก็เพิ่มขึ้นมาเอง แต่กรณีนี้เป็นตัวอย่างส่วนน้อยไม่สามารถใช้กับหลักการสำหรับมนุษย์อย่างเราทั่วๆไปได้ นอกจากนี้เมื่อแก่เฒ่าแล้ว การเพิ่มพูนทรัพย์สมบัติภายนอกทำเองได้ยาก รักษาให้อยู่ก็ยาก แถมยังเอาไปใช้งานก็ยากด้วย ซึ่งเขียนไว้ตอนก่อนๆว่า สังขารของเราต่างๆก็ยังเรียกว่าเป็นทรัพย์สมบัติภายนอกด้วย มันเสื่อมลมตามกาลเวลาซึ่งเราๆก็รู้กันดีว่าเมื่ออายุ 40ปีขึ้นไป สังขารนี้ก็จะค่อยๆเสื่อมลงไปเรื่อยๆ เห็นได้ชัดจากกล้ามเนื้อตาไม่สามารถยืดหดตัวได้ จนทำให้เกิดอาการสายตายาว พละกำลังที่เคยดีเมื่อต้องวิ่ง ปั่นจักรยาน หรือยกน้ำหนัก ทั้งๆที่คิดว่าตัวเองทำได้ดีแล้วกลับถูกวัยรุ่นทำได้ดีและทิ้งห่างระดับความแข็งแรงไปอย่างเห็นได้ชัด รวมไปถึงสภาพร่างกายอื่นๆ อาจจะมีโรคภัยเข้ามาเป็นเพื่อน เช่น โรคเบาหวาน , โรคความดันโลหิตสูง , โรคหัวใจ หรือโรคทางสายตา เป็นต้น สภาพร่ายกายที่เปลี่ยนแปลงถดถอยลง ผมบาง , ลงพุง , ผิวหนังเหี่ยวย่น หรือการปวดแข้งปวดขา ผมถือว่าร่างกายนี้ก็เป็นทรัพย์สมบัติภายนอกเพราะผมบังคับมันไม่ให้เสื่อมได้ และเมื่อถึงวาระสุดท้ายในชีวิต.. หลายๆคนที่ยึดถือเอาทรัพย์สมบัติภายนอกมาเป็นเป้าหมายของชีวิต พวกเขาเคยภาคภูมิใจว่าถึงตัวเขาจะแก่ลงแต่ทรัพย์สมบัติภายนอกเพิ่มพูนขึ้นมาก บางคนแย่ชิงมากจากผู้อื่นโดยไม่สุจริต หรือแม้กระทั่งหาได้มาด้วยความสุจริตก็ตามที แล้วยังไงต่อ…เมื่อตายไปไม่มีประวัติศาสตร์หน้าไหนที่บันทึกว่าพวกเขาร่ำรวย มีเงินหลายล้าน หลายสิบล้าน หรือหลายร้อยล้าน บางคนมีทรัพย์สมบัติภายนอกมากกว่านั้นอีก แต่ทำในสิ่งที่ไม่ดีมากลับไม่มีใครจดจำเขาในฐานะผู้มีทรัพย์สมบัติภายนอกมากมาย แต่คนรุ่นหลังกลับจนจำเขาในฐานะผู้ชั่วร้ายคนหนึ่ง และในท้ายที่สุดเมื่อต้องจากโลกใบนี้ไปนอกจากจะนำทรัพย์สมบัติภายนอกไปไม่ได้สักชิ้นแล้ว การยึดถือทรัพย์สมบัติภายนอกยังไม่เป็นที่จดจำและสรรเสริญจากผู้คนในภายหลังอีกด้วย แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าจะไม่จำเป็นต้องมีทรัพย์สมบัติภายนอกเลย การมีทรัพย์สมบัติภายนอกเพื่อดูแลตัวเองไปถึงตลอดรอดฝั่งและไม่ต้องไปรบกวนผู้อื่นให้เดือดร้อนก็คงจำเป็นอยู่ แต่หลักการของผมคือไม่ยึดติดกับพวกมันมากจนเกินไป และไม่ต้องแสวงหาจนเป็นหลักการต้นๆของการใช้ชีวิตมนุษย์เรา และทางแก้ของผมคืออะไร… คำตอบก็คือการทำตรงกันข้ามกับที่ผมกล่าวไว้เบื้องต้น ตอนหน้าผมจะชี้ให้เห็นว่า หลักการยึดทรัพย์สมบัติ “ภายใน” แก้ปัญหาต่างๆได้อย่างไร มีประโยชน์มากแค่ไหน และสร้างความสุขให้กับมนุษย์เราได้อย่างไร พบกันตอนหน้าครับ
0 Comments 0 Shares 190 Views 0 Reviews