"ศรัทธาในบุญ: จากความทุกข์ สู่ความจริงในตน""ทำไมท่านจึงเชื่อเรื่องบุญ?"ไม่ได้เริ่มจากความเชื่อในบุญ แต่เริ่มจากการตระหนักว่าชีวิตมีทุกข์ และทุกข์นั้นเกิดจากความไม่เข้าใจในบุญและกุศล การอ่านคำสอนของพระพุทธเจ้าและลองนำไปปฏิบัติ ทำให้เห็นผลที่เกิดขึ้นชัดเจน เริ่มจากศรัทธาเล็กๆ และกลายเป็นการกระทำที่ต่อเนื่อง ค่อยๆ พัฒนาไปทีละวัน ทีละปี จนกลายเป็นความจริงในตนเองปัจจุบัน ไม่ต้อง "เชื่อ" ว่าบุญและบาปมีจริง เพราะสามารถ "รู้และเห็น" ผลของการกระทำได้เองเมื่อทำบาป: ผลสะท้อนกลับมาชัดในชีวิตและชะตาเมื่อทำบุญ: ใจสงบและเป็นสุขทันทีดังนั้น ไม่มีใครสามารถหลอกให้เชื่ออย่างอื่นได้อีก เพราะบุญและบาปเป็นสิ่งที่สัมผัสได้ด้วยตนเอง---"ผลของบุญ กับ ผลของการทำความดี ต่างกันอย่างไร?"ทำความดี:อาจไม่ถูกใจคนอื่นเสมอไป เพราะความดีในมุมมองของเรา อาจมองเป็นการทำร้ายในสายตาคนอื่นบุญ:คือการกระทำที่ประกอบด้วยกุศลที่แท้จริง ทำแล้วสุขใจทันที และไม่สร้างความเดือดร้อนภายหลังพระพุทธเจ้าแสดงไว้อย่างชัดเจนว่า กุศลนำความสุขมาให้ทั้งในปัจจุบันและอนาคต แม้ในชาติหน้าก็ย่อมนำมาซึ่งผลดีเช่นกัน---"เชื่อหรือไม่ว่าบุญบาปมีส่วนกำหนดชะตาชีวิตในชาติหน้า?"บุญบาปส่งผลในปัจจุบันอย่างชัดเจน และในชาติหน้าก็เช่นกัน หากยังต้องเวียนว่ายตายเกิด บุญบาปที่สะสมไว้จะกำหนดสภาพจิตของเราถ้าจิตเป็นกุศล สะอาดบริสุทธิ์ ก็จะนำไปสู่สถานที่และภาวะที่ดีขึ้นถ้าจิตเต็มไปด้วยอกุศล ก็จะนำไปสู่ความทุกข์และสถานการณ์ที่เลวร้ายกว่าเดิมอย่างไรก็ตาม คนที่พบความสุขจากการมีจิตสะอาดในปัจจุบัน จะไม่กังวลเรื่องชาติหน้า เพราะความพอใจในปัจจุบันเปรียบเสมือนบ้านที่มั่นคงอยู่แล้ว ชาติหน้าจึงเป็นเพียงผลต่อเนื่องที่ไม่ต้องห่วงกังวล---"การตรวจสอบความก้าวหน้าของจิต"การจะเชื่อในชาติหน้า ไม่ใช่การฟังจากผู้อื่น แต่เป็นการถามใจตัวเองว่า:จิตใจเราตอนนี้เป็นอย่างไร?รู้สึกดีขึ้น สะอาดขึ้น หรือหม่นหมองกว่าเดิม?ถ้าตายวันนี้ จะมั่นใจหรือไม่ว่าจิตของเราอยู่ในสถานะที่ดีกว่าตอนเกิด? การสะสมบุญและกุศลจึงไม่ใช่แค่เพื่อชาติหน้า แต่เพื่อสร้างความสงบสุขในทุกลมหายใจของชีวิตนี้.
"ศรัทธาในบุญ: จากความทุกข์ สู่ความจริงในตน""ทำไมท่านจึงเชื่อเรื่องบุญ?"ไม่ได้เริ่มจากความเชื่อในบุญ แต่เริ่มจากการตระหนักว่าชีวิตมีทุกข์ และทุกข์นั้นเกิดจากความไม่เข้าใจในบุญและกุศล การอ่านคำสอนของพระพุทธเจ้าและลองนำไปปฏิบัติ ทำให้เห็นผลที่เกิดขึ้นชัดเจน เริ่มจากศรัทธาเล็กๆ และกลายเป็นการกระทำที่ต่อเนื่อง ค่อยๆ พัฒนาไปทีละวัน ทีละปี จนกลายเป็นความจริงในตนเองปัจจุบัน ไม่ต้อง "เชื่อ" ว่าบุญและบาปมีจริง เพราะสามารถ "รู้และเห็น" ผลของการกระทำได้เองเมื่อทำบาป: ผลสะท้อนกลับมาชัดในชีวิตและชะตาเมื่อทำบุญ: ใจสงบและเป็นสุขทันทีดังนั้น ไม่มีใครสามารถหลอกให้เชื่ออย่างอื่นได้อีก เพราะบุญและบาปเป็นสิ่งที่สัมผัสได้ด้วยตนเอง---"ผลของบุญ กับ ผลของการทำความดี ต่างกันอย่างไร?"ทำความดี:อาจไม่ถูกใจคนอื่นเสมอไป เพราะความดีในมุมมองของเรา อาจมองเป็นการทำร้ายในสายตาคนอื่นบุญ:คือการกระทำที่ประกอบด้วยกุศลที่แท้จริง ทำแล้วสุขใจทันที และไม่สร้างความเดือดร้อนภายหลังพระพุทธเจ้าแสดงไว้อย่างชัดเจนว่า กุศลนำความสุขมาให้ทั้งในปัจจุบันและอนาคต แม้ในชาติหน้าก็ย่อมนำมาซึ่งผลดีเช่นกัน---"เชื่อหรือไม่ว่าบุญบาปมีส่วนกำหนดชะตาชีวิตในชาติหน้า?"บุญบาปส่งผลในปัจจุบันอย่างชัดเจน และในชาติหน้าก็เช่นกัน หากยังต้องเวียนว่ายตายเกิด บุญบาปที่สะสมไว้จะกำหนดสภาพจิตของเราถ้าจิตเป็นกุศล สะอาดบริสุทธิ์ ก็จะนำไปสู่สถานที่และภาวะที่ดีขึ้นถ้าจิตเต็มไปด้วยอกุศล ก็จะนำไปสู่ความทุกข์และสถานการณ์ที่เลวร้ายกว่าเดิมอย่างไรก็ตาม คนที่พบความสุขจากการมีจิตสะอาดในปัจจุบัน จะไม่กังวลเรื่องชาติหน้า เพราะความพอใจในปัจจุบันเปรียบเสมือนบ้านที่มั่นคงอยู่แล้ว ชาติหน้าจึงเป็นเพียงผลต่อเนื่องที่ไม่ต้องห่วงกังวล---"การตรวจสอบความก้าวหน้าของจิต"การจะเชื่อในชาติหน้า ไม่ใช่การฟังจากผู้อื่น แต่เป็นการถามใจตัวเองว่า:จิตใจเราตอนนี้เป็นอย่างไร?รู้สึกดีขึ้น สะอาดขึ้น หรือหม่นหมองกว่าเดิม?ถ้าตายวันนี้ จะมั่นใจหรือไม่ว่าจิตของเราอยู่ในสถานะที่ดีกว่าตอนเกิด? การสะสมบุญและกุศลจึงไม่ใช่แค่เพื่อชาติหน้า แต่เพื่อสร้างความสงบสุขในทุกลมหายใจของชีวิตนี้.
0 ความคิดเห็น
0 การแบ่งปัน
221 มุมมอง
0 รีวิว