คำแนะนำให้เป็นตัวของตัวเองนั้น แม้มีเจตนาดี แต่หากไม่มีกรอบคิดที่ชัดเจนหรือรอบคอบ ก็อาจกลายเป็นต้นเหตุของการกระทำที่ไม่สร้างสรรค์หรือส่งผลเสียต่อตัวเองและผู้อื่นได้ นี่คือการแยกแยะและแนวทางการปรับใช้คำแนะนำประเภทนี้ให้เกิดประโยชน์สูงสุด:1. เข้าใจธรรมชาติของคำแนะนำข้อดี: เป็นแรงผลักดันให้คนกล้าคิด กล้าทำในสิ่งใหม่ๆ ที่สร้างสรรค์ และไม่ยอมแพ้ต่อคำวิจารณ์ที่ไม่มีเหตุผลข้อเสีย: อาจถูกนำไปใช้เป็นข้ออ้างเพื่อสนับสนุนการกระทำที่ขาดความรับผิดชอบ หรือไม่คำนึงถึงผลกระทบต่อผู้อื่น2. ส่องกระจกจิตใจตัวเองพิจารณาว่า "สิ่งที่เราคิดจะทำนี้ มันดีจริงหรือเพียงแค่สนองความต้องการชั่วคราว?"การมองลึกลงไปในจิตใจจะช่วยแยกแยะว่าความคิดของเรานั้นมาจากเหตุผลที่แท้จริงหรือเป็นเพียงอารมณ์ชั่วคราว3. เพิ่มคำถามกรอบคิดก่อนทำตามคำแนะนำ "เป็นตัวของตัวเอง" ควรถามตัวเองว่า:สิ่งที่ฉันจะทำ เป็นประโยชน์ต่อตัวเองและผู้อื่นหรือไม่?การกระทำนี้ ละเมิดสิทธิหรือสร้างความเดือดร้อนให้ใครหรือเปล่า?หากเกิดผลลัพธ์ในระยะยาว ฉันจะยอมรับผลนั้นได้หรือไม่?4. ให้คำแนะนำอย่างรอบคอบหากต้องให้คำแนะนำคนอื่นในวาระสำคัญ ให้เน้นที่ ความรับผิดชอบ และ ผลกระทบต่อส่วนรวม เช่น:แทนที่จะพูดว่า "ทำไปเถอะถ้าอยากทำ"ให้พูดว่า "ถ้าคิดดีแล้ว เห็นว่าดี และไม่ทำให้ใครเดือดร้อน ก็ลองทำดู!"5. สร้างสมดุลระหว่างความคิดสร้างสรรค์และความรับผิดชอบเป็นตัวของตัวเองได้ แต่ต้องอยู่บนพื้นฐานของความรับผิดชอบต่อสังคมและการตัดสินใจที่มีสติการเป็นตัวของตัวเองไม่ใช่การทำทุกสิ่งตามใจ แต่คือการทำสิ่งที่เหมาะสมกับตัวเอง โดยไม่ละเมิดสิทธิผู้อื่นสรุปคำแนะนำที่ควรใช้"จงเป็นตัวของตัวเองในทางที่สร้างสรรค์ ไม่เดือดร้อนใคร และพร้อมยอมรับผลลัพธ์ของการตัดสินใจนั้น"การเสริมคำแนะนำด้วยกรอบคิดที่ชัดเจน จะช่วยลดโอกาสที่คำพูดของเราถูกตีความผิด และช่วยให้ทั้งตัวเราและผู้ฟังพัฒนาตัวเองในทางที่ดีขึ้น.
คำแนะนำให้เป็นตัวของตัวเองนั้น แม้มีเจตนาดี แต่หากไม่มีกรอบคิดที่ชัดเจนหรือรอบคอบ ก็อาจกลายเป็นต้นเหตุของการกระทำที่ไม่สร้างสรรค์หรือส่งผลเสียต่อตัวเองและผู้อื่นได้ นี่คือการแยกแยะและแนวทางการปรับใช้คำแนะนำประเภทนี้ให้เกิดประโยชน์สูงสุด:1. เข้าใจธรรมชาติของคำแนะนำข้อดี: เป็นแรงผลักดันให้คนกล้าคิด กล้าทำในสิ่งใหม่ๆ ที่สร้างสรรค์ และไม่ยอมแพ้ต่อคำวิจารณ์ที่ไม่มีเหตุผลข้อเสีย: อาจถูกนำไปใช้เป็นข้ออ้างเพื่อสนับสนุนการกระทำที่ขาดความรับผิดชอบ หรือไม่คำนึงถึงผลกระทบต่อผู้อื่น2. ส่องกระจกจิตใจตัวเองพิจารณาว่า "สิ่งที่เราคิดจะทำนี้ มันดีจริงหรือเพียงแค่สนองความต้องการชั่วคราว?"การมองลึกลงไปในจิตใจจะช่วยแยกแยะว่าความคิดของเรานั้นมาจากเหตุผลที่แท้จริงหรือเป็นเพียงอารมณ์ชั่วคราว3. เพิ่มคำถามกรอบคิดก่อนทำตามคำแนะนำ "เป็นตัวของตัวเอง" ควรถามตัวเองว่า:สิ่งที่ฉันจะทำ เป็นประโยชน์ต่อตัวเองและผู้อื่นหรือไม่?การกระทำนี้ ละเมิดสิทธิหรือสร้างความเดือดร้อนให้ใครหรือเปล่า?หากเกิดผลลัพธ์ในระยะยาว ฉันจะยอมรับผลนั้นได้หรือไม่?4. ให้คำแนะนำอย่างรอบคอบหากต้องให้คำแนะนำคนอื่นในวาระสำคัญ ให้เน้นที่ ความรับผิดชอบ และ ผลกระทบต่อส่วนรวม เช่น:แทนที่จะพูดว่า "ทำไปเถอะถ้าอยากทำ"ให้พูดว่า "ถ้าคิดดีแล้ว เห็นว่าดี และไม่ทำให้ใครเดือดร้อน ก็ลองทำดู!"5. สร้างสมดุลระหว่างความคิดสร้างสรรค์และความรับผิดชอบเป็นตัวของตัวเองได้ แต่ต้องอยู่บนพื้นฐานของความรับผิดชอบต่อสังคมและการตัดสินใจที่มีสติการเป็นตัวของตัวเองไม่ใช่การทำทุกสิ่งตามใจ แต่คือการทำสิ่งที่เหมาะสมกับตัวเอง โดยไม่ละเมิดสิทธิผู้อื่นสรุปคำแนะนำที่ควรใช้"จงเป็นตัวของตัวเองในทางที่สร้างสรรค์ ไม่เดือดร้อนใคร และพร้อมยอมรับผลลัพธ์ของการตัดสินใจนั้น"การเสริมคำแนะนำด้วยกรอบคิดที่ชัดเจน จะช่วยลดโอกาสที่คำพูดของเราถูกตีความผิด และช่วยให้ทั้งตัวเราและผู้ฟังพัฒนาตัวเองในทางที่ดีขึ้น.
0 Comments 0 Shares 31 Views 0 Reviews