0 ความคิดเห็น
0 การแบ่งปัน
104 มุมมอง
0 รีวิว
รายการ
ค้นพบผู้คนใหม่ๆ สร้างการเชื่อมต่อใหม่ๆ และรู้จักเพื่อนใหม่
- กรุณาเข้าสู่ระบบเพื่อกดถูกใจ แชร์ และแสดงความคิดเห็น!
- 5 สิ่งที่ความฉลาด หรือ ความเก่ง
มักพ่ายแพ้ให้กับความเฉลียว
หรือ ความไม่ประมาท ในการลงทุน
วันนี้แอดมินเพจหุ้นติดดอย จะพาเพื่อนๆ
มาดูถึงความแตกต่างระหว่าง ความฉลาด
หรือ ความเก่ง ซึ่งมักจะพ่ายแพ้ ให้กับ
ความเฉลียว หรือ ความไม่ประมาท
ในการลงทุน ซึ่งมี 5 ข้อดังต่อไปนี้
1. การเข้าใจตลาดและพฤติกรรมของนักลงทุน
ความเฉลียว หรือ ความไม่ประมาท จะช่วยให้
นักลงทุนเข้าใจแนวโน้ม และพฤติกรรมของตลาด
การมองสถานการณ์ และการคาดการณ์พฤติกรรม
ของนักลงทุนคนอื่นๆ ได้ดีกว่า เพราะจะมอง
ด้วยความรอบครอบ รอบด้าน
2. การจัดการอารมณ์
นักลงทุนที่มีความเฉลียว หรือความไม่ประมาท
จะสามารถควบคุมอารมณ์ และ ไม่ให้ความรู้สึก
มามีอิทธิพลต่อการตัดสินใจ ในขณะที่ความเก่ง
หรือ ความฉลาด มักควบคุมอารมณ์ได้ยากกว่า
ในเรื่องความโลภ และ ความกลัว
3. การปรับตัวและยืดหยุ่น
ความเฉลียว หรือ ความไม่ประมาท จะทำให้เรา
สามารถปรับตัว ปรับกลยุทธ์ และยืดหยุ่น
ตามสภาวะของตลาดได้ดีกว่า ความฉลาด และ
ความเก่ง ซึ่งบางครั้งเต็มไปด้วยความมั่นใจ
แต่ขาดความรอบครอบ ระมัดระวัง
4. การมองเห็นโอกาสในความเสี่ยง
นักลงทุนที่มีความเฉลียว หรือความไม่ประมาท
มักจะมองเห็นโอกาส ในความเสี่ยง ที่ผ่านการประเมิน
การวิเคราะห์ข้อมูลอย่างรอบด้านก่อนเข้าไปลงทุน
ในขณะที่ความเก่ง หรือ ฉลาด มักด่วนตัดสินใจ
ทำให้โอกาสผิดพลาดมากกว่า
5. การสร้างเครือข่าย และความสัมพันธ์
นักลงทุนที่มีความเก่ง ความฉลาด มักจะมีอีโก้สูง
มักจะมีปัญหาในการสร้างเครือข่าย คอนเน็คชั่น
ในขณะที่นักลงทุนที่มีความเฉลียว หรือ ไม่ประมาท
มักจะมีความยืดหยุ่น เข้ากับคนอื่นๆ และสร้างความ
สัมพันธ์ กับคนอื่นๆ ได้ดีกว่า
ดังนั้น การลงทุนที่จะประสบความสำเร็จ จะไม่เพียง
แค่ใช้ความรู้ ความสามารถ ซึ่งคือ ความเก่ง และ
ความฉลาดเพียงอย่างเดียว แต่ต้องมีองค์ประกอบอื่นๆ
คือ ความเฉลียว การปรับตัวยืดหยุ่น การปรับกลยุทธ์
ให้เหมาะสมกับสภาวะของตลาด รวมทั้งมีความไม่ประมาท
มีความรอบครอบ มองข้อมูลให้รอบด้าน ก่อนเข้าไป
ลงทุนทุกครั้ง
#หุ้นติดดอย #การลงทุน
#5สิ่งที่ความฉลาดหรือความเก่งมักพ่ายแพ้ให้กับความเฉลียว
#thaitimes💥5 สิ่งที่ความฉลาด หรือ ความเก่ง มักพ่ายแพ้ให้กับความเฉลียว หรือ ความไม่ประมาท ในการลงทุน 💥วันนี้แอดมินเพจหุ้นติดดอย จะพาเพื่อนๆ มาดูถึงความแตกต่างระหว่าง ความฉลาด หรือ ความเก่ง ซึ่งมักจะพ่ายแพ้ ให้กับ ความเฉลียว หรือ ความไม่ประมาท ในการลงทุน ซึ่งมี 5 ข้อดังต่อไปนี้ 🚩1. การเข้าใจตลาดและพฤติกรรมของนักลงทุน ความเฉลียว หรือ ความไม่ประมาท จะช่วยให้ นักลงทุนเข้าใจแนวโน้ม และพฤติกรรมของตลาด การมองสถานการณ์ และการคาดการณ์พฤติกรรม ของนักลงทุนคนอื่นๆ ได้ดีกว่า เพราะจะมอง ด้วยความรอบครอบ รอบด้าน 🚩2. การจัดการอารมณ์ นักลงทุนที่มีความเฉลียว หรือความไม่ประมาท จะสามารถควบคุมอารมณ์ และ ไม่ให้ความรู้สึก มามีอิทธิพลต่อการตัดสินใจ ในขณะที่ความเก่ง หรือ ความฉลาด มักควบคุมอารมณ์ได้ยากกว่า ในเรื่องความโลภ และ ความกลัว 🚩3. การปรับตัวและยืดหยุ่น ความเฉลียว หรือ ความไม่ประมาท จะทำให้เรา สามารถปรับตัว ปรับกลยุทธ์ และยืดหยุ่น ตามสภาวะของตลาดได้ดีกว่า ความฉลาด และ ความเก่ง ซึ่งบางครั้งเต็มไปด้วยความมั่นใจ แต่ขาดความรอบครอบ ระมัดระวัง 🚩4. การมองเห็นโอกาสในความเสี่ยง นักลงทุนที่มีความเฉลียว หรือความไม่ประมาท มักจะมองเห็นโอกาส ในความเสี่ยง ที่ผ่านการประเมิน การวิเคราะห์ข้อมูลอย่างรอบด้านก่อนเข้าไปลงทุน ในขณะที่ความเก่ง หรือ ฉลาด มักด่วนตัดสินใจ ทำให้โอกาสผิดพลาดมากกว่า 🚩5. การสร้างเครือข่าย และความสัมพันธ์ นักลงทุนที่มีความเก่ง ความฉลาด มักจะมีอีโก้สูง มักจะมีปัญหาในการสร้างเครือข่าย คอนเน็คชั่น ในขณะที่นักลงทุนที่มีความเฉลียว หรือ ไม่ประมาท มักจะมีความยืดหยุ่น เข้ากับคนอื่นๆ และสร้างความ สัมพันธ์ กับคนอื่นๆ ได้ดีกว่า 💥ดังนั้น การลงทุนที่จะประสบความสำเร็จ จะไม่เพียง แค่ใช้ความรู้ ความสามารถ ซึ่งคือ ความเก่ง และ ความฉลาดเพียงอย่างเดียว แต่ต้องมีองค์ประกอบอื่นๆ คือ ความเฉลียว การปรับตัวยืดหยุ่น การปรับกลยุทธ์ ให้เหมาะสมกับสภาวะของตลาด รวมทั้งมีความไม่ประมาท มีความรอบครอบ มองข้อมูลให้รอบด้าน ก่อนเข้าไป ลงทุนทุกครั้ง #หุ้นติดดอย #การลงทุน #5สิ่งที่ความฉลาดหรือความเก่งมักพ่ายแพ้ให้กับความเฉลียว #thaitimes - 0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 153 มุมมอง 0 รีวิว
- 5 สิ่งที่ความฉลาด หรือ ความเก่ง
มักพ่ายแพ้ให้กับความเฉลียว
หรือ ความไม่ประมาท ในการลงทุน
วันนี้แอดมินเพจหุ้นติดดอย จะพาเพื่อนๆ
มาดูถึงความแตกต่างระหว่าง ความฉลาด
หรือ ความเก่ง ซึ่งมักจะพ่ายแพ้ ให้กับ
ความเฉลียว หรือ ความไม่ประมาท
ในการลงทุน ซึ่งมี 5 ข้อดังต่อไปนี้
1. การเข้าใจตลาดและพฤติกรรมของนักลงทุน
ความเฉลียว หรือ ความไม่ประมาท จะช่วยให้
นักลงทุนเข้าใจแนวโน้ม และพฤติกรรมของตลาด
การมองสถานการณ์ และการคาดการณ์พฤติกรรม
ของนักลงทุนคนอื่นๆ ได้ดีกว่า เพราะจะมอง
ด้วยความรอบครอบ รอบด้าน
2. การจัดการอารมณ์
นักลงทุนที่มีความเฉลียว หรือความไม่ประมาท
จะสามารถควบคุมอารมณ์ และ ไม่ให้ความรู้สึก
มามีอิทธิพลต่อการตัดสินใจ ในขณะที่ความเก่ง
หรือ ความฉลาด มักควบคุมอารมณ์ได้ยากกว่า
ในเรื่องความโลภ และ ความกลัว
3. การปรับตัวและยืดหยุ่น
ความเฉลียว หรือ ความไม่ประมาท จะทำให้เรา
สามารถปรับตัว ปรับกลยุทธ์ และยืดหยุ่น
ตามสภาวะของตลาดได้ดีกว่า ความฉลาด และ
ความเก่ง ซึ่งบางครั้งเต็มไปด้วยความมั่นใจ
แต่ขาดความรอบครอบ ระมัดระวัง
4. การมองเห็นโอกาสในความเสี่ยง
นักลงทุนที่มีความเฉลียว หรือความไม่ประมาท
มักจะมองเห็นโอกาส ในความเสี่ยง ที่ผ่านการประเมิน
การวิเคราะห์ข้อมูลอย่างรอบด้านก่อนเข้าไปลงทุน
ในขณะที่ความเก่ง หรือ ฉลาด มักด่วนตัดสินใจ
ทำให้โอกาสผิดพลาดมากกว่า
5. การสร้างเครือข่าย และความสัมพันธ์
นักลงทุนที่มีความเก่ง ความฉลาด มักจะมีอีโก้สูง
มักจะมีปัญหาในการสร้างเครือข่าย คอนเน็คชั่น
ในขณะที่นักลงทุนที่มีความเฉลียว หรือ ไม่ประมาท
มักจะมีความยืดหยุ่น เข้ากับคนอื่นๆ และสร้างความ
สัมพันธ์ กับคนอื่นๆ ได้ดีกว่า
ดังนั้น การลงทุนที่จะประสบความสำเร็จ จะไม่เพียง
แค่ใช้ความรู้ ความสามารถ ซึ่งคือ ความเก่ง และ
ความฉลาดเพียงอย่างเดียว แต่ต้องมีองค์ประกอบอื่นๆ
คือ ความเฉลียว การปรับตัวยืดหยุ่น การปรับกลยุทธ์
ให้เหมาะสมกับสภาวะของตลาด รวมทั้งมีความไม่ประมาท
มีความรอบครอบ มองข้อมูลให้รอบด้าน ก่อนเข้าไป
ลงทุนทุกครั้ง
#หุ้นติดดอย #การลงทุน
#5สิ่งที่ความฉลาดหรือความเก่งมักพ่ายแพ้ให้กับความเฉลียว
#thaitimes💥5 สิ่งที่ความฉลาด หรือ ความเก่ง มักพ่ายแพ้ให้กับความเฉลียว หรือ ความไม่ประมาท ในการลงทุน 💥วันนี้แอดมินเพจหุ้นติดดอย จะพาเพื่อนๆ มาดูถึงความแตกต่างระหว่าง ความฉลาด หรือ ความเก่ง ซึ่งมักจะพ่ายแพ้ ให้กับ ความเฉลียว หรือ ความไม่ประมาท ในการลงทุน ซึ่งมี 5 ข้อดังต่อไปนี้ 🚩1. การเข้าใจตลาดและพฤติกรรมของนักลงทุน ความเฉลียว หรือ ความไม่ประมาท จะช่วยให้ นักลงทุนเข้าใจแนวโน้ม และพฤติกรรมของตลาด การมองสถานการณ์ และการคาดการณ์พฤติกรรม ของนักลงทุนคนอื่นๆ ได้ดีกว่า เพราะจะมอง ด้วยความรอบครอบ รอบด้าน 🚩2. การจัดการอารมณ์ นักลงทุนที่มีความเฉลียว หรือความไม่ประมาท จะสามารถควบคุมอารมณ์ และ ไม่ให้ความรู้สึก มามีอิทธิพลต่อการตัดสินใจ ในขณะที่ความเก่ง หรือ ความฉลาด มักควบคุมอารมณ์ได้ยากกว่า ในเรื่องความโลภ และ ความกลัว 🚩3. การปรับตัวและยืดหยุ่น ความเฉลียว หรือ ความไม่ประมาท จะทำให้เรา สามารถปรับตัว ปรับกลยุทธ์ และยืดหยุ่น ตามสภาวะของตลาดได้ดีกว่า ความฉลาด และ ความเก่ง ซึ่งบางครั้งเต็มไปด้วยความมั่นใจ แต่ขาดความรอบครอบ ระมัดระวัง 🚩4. การมองเห็นโอกาสในความเสี่ยง นักลงทุนที่มีความเฉลียว หรือความไม่ประมาท มักจะมองเห็นโอกาส ในความเสี่ยง ที่ผ่านการประเมิน การวิเคราะห์ข้อมูลอย่างรอบด้านก่อนเข้าไปลงทุน ในขณะที่ความเก่ง หรือ ฉลาด มักด่วนตัดสินใจ ทำให้โอกาสผิดพลาดมากกว่า 🚩5. การสร้างเครือข่าย และความสัมพันธ์ นักลงทุนที่มีความเก่ง ความฉลาด มักจะมีอีโก้สูง มักจะมีปัญหาในการสร้างเครือข่าย คอนเน็คชั่น ในขณะที่นักลงทุนที่มีความเฉลียว หรือ ไม่ประมาท มักจะมีความยืดหยุ่น เข้ากับคนอื่นๆ และสร้างความ สัมพันธ์ กับคนอื่นๆ ได้ดีกว่า 💥ดังนั้น การลงทุนที่จะประสบความสำเร็จ จะไม่เพียง แค่ใช้ความรู้ ความสามารถ ซึ่งคือ ความเก่ง และ ความฉลาดเพียงอย่างเดียว แต่ต้องมีองค์ประกอบอื่นๆ คือ ความเฉลียว การปรับตัวยืดหยุ่น การปรับกลยุทธ์ ให้เหมาะสมกับสภาวะของตลาด รวมทั้งมีความไม่ประมาท มีความรอบครอบ มองข้อมูลให้รอบด้าน ก่อนเข้าไป ลงทุนทุกครั้ง #หุ้นติดดอย #การลงทุน #5สิ่งที่ความฉลาดหรือความเก่งมักพ่ายแพ้ให้กับความเฉลียว #thaitimes - แป้นพิมพ์บลูทูธไร้สาย แสงไฟ RGB เชื่อมต่อโทรศัพท์มือถือ ใช้พิมพ์งานสะดวกและเร็วขึ้นแป้นพิมพ์บลูทูธไร้สาย แสงไฟ RGB เชื่อมต่อโทรศัพท์มือถือ ใช้พิมพ์งานสะดวกและเร็วขึ้น0 ความคิดเห็น 1 การแบ่งปัน 920 มุมมอง 0 รีวิว
- สินค้าส่งเก็บปลายทาง ราคา 280 บาทรวมส่งแล้ว ชาร์จแบตหนึ่งครั้ง ใช้งานต่อเนื่องได้48ชั่วโมงสินค้าส่งเก็บปลายทาง ราคา 280 บาทรวมส่งแล้ว ชาร์จแบตหนึ่งครั้ง ใช้งานต่อเนื่องได้48ชั่วโมงแป้นพิมพ์บลูทูธไร้สาย แสงไฟ RGB เชื่อมต่อโทรศัพท์มือถือ ใช้พิมพ์งานสะดวกและเร็วขึ้น0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 434 มุมมอง 0 รีวิว
- 0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 26 มุมมอง 0 รีวิว
- 0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 122 มุมมอง 0 รีวิว
- 0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 23 มุมมอง 0 รีวิว
- 0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 110 มุมมอง 0 รีวิว
- อัยการศาลยุติธรรมระหว่างประเทศออกมาแฉว่าเขาถูกจักรวรรดิ์นิยมอเมริกาข่มขู่หากศาลยุติธรรมระหว่างประเทศออกหมายจับนายกรัฐมนตรีเนตันยาฮูและรมว.กลาโหมของอิสราเอล แต่ไหนแต่ไรมา อเมริกาและอิสราเอลก่อกรรมทำเข็ญ ไม่มีใครเอาผิดได้ คราวนี้ก็อย่าหมายจะเล่นงานอเมริกาและอิสราเอลได้ง่ายๆ
ปฐมพงษ์โ พธิ์ประสิทธินันท์อัยการศาลยุติธรรมระหว่างประเทศออกมาแฉว่าเขาถูกจักรวรรดิ์นิยมอเมริกาข่มขู่หากศาลยุติธรรมระหว่างประเทศออกหมายจับนายกรัฐมนตรีเนตันยาฮูและรมว.กลาโหมของอิสราเอล แต่ไหนแต่ไรมา อเมริกาและอิสราเอลก่อกรรมทำเข็ญ ไม่มีใครเอาผิดได้ คราวนี้ก็อย่าหมายจะเล่นงานอเมริกาและอิสราเอลได้ง่ายๆ ปฐมพงษ์โ พธิ์ประสิทธินันท์0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 196 มุมมอง 0 รีวิว - 0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 73 มุมมอง 0 รีวิว
- 0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 24 มุมมอง 0 รีวิว
-
- 0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 128 มุมมอง 0 รีวิว
- เล่นการเมือง……จนชังชาติ...และชาติชัง...!!!
หมู่นี้ถนัดอ่านค่ะ ไม่ค่อยอยากเขียนอะไรเพราะแวดวงขยายออกไปกว้างมาก จนไม่รู้ว่าเป็นใครต่อใคร ดิฉันไม่ได้ปิดกั้นอะไร ใครสามารถหาเอาไปเป็นสาระได้ เพิ่มพูนหรือกระตุ้นต่อมอยากรู้……ต่อมอยากอ่านเพิ่มเติม
ก็ไปต่อยอดเอาได้ ถือว่าเราแบ่งปันความรู้กัน..
การเขียนเล่าของดิฉันมีข้อจำกัดในเฟสบุ๊ค คือ ยาวเกินก็ส่งไม่ผ่าน
ฉะนั้น...จึงจับเพียงสาระสำคัญมาเล่า เหมือนกับวางอาหารให้ตรงหน้า
แต่เคี้ยวหารสชาติเอาเอง
บางคนแชร์ไป.……แล้วมีคนมาติงว่า โยงวุ่นวายไปหมด อ่านไม่รู้เรื่อง
ธ่อว้อย...เขียนเรื่องการบ้านการเมืองในประเทศ ต่างประเทศ มันก็ต้องโยงไปหลายที่เพราะมันไม่ใช่เป็นเรื่องอย่างน้อง”อยากเลือกตั้ง” ที่
ไปจ้ำจี้กับพี่ “เอื้ออาทร” กันสองคนนี่นา…… ที่แค่ไม่กี่วินาทีก็เข้าใจแจ่มแจ้ง
ที่รู้สึกแย่ที่สุด...คือการที่เห็นว่าผู้คนนิยมแนว”ชังชาติ” กันมากขึ้น
เช่นออกมาก่นด่าแผ่นดินที่อาศัยซุกหัวนอนมาตั้งแต่บรรพบุรุษ……
สาบแช่งรัฐบาล....ไม่นิยมเจ้าเพราะเกลียดความไม่เสมอภาค...
รำคาญกองทัพที่ต้องใช้งบซื้ออาวุธ...
ทุกอย่างที่กล่าวมานี้ มันได้กลายเป็น “แนวร่วมสมัย” ไปแล้ว
ใครรักชาติก็หมั่นไส้...ได้ยินเพลงหนักแผ่นดินก็แสลงหู
คนพวกนี้ยังไม่เคยเห็นภาพสมัย พอลพต และ การทำงานของเขมรแดง...
ลืมตาอ้าปากจากท้องแม่มาในสมัยที่บ้านเมืองได้สงบสุข เพราะคนไทยรุ่นเก่าที่พวกเขาจงเกลียดจงชังนักนี่แหละ ที่ช่วยกันพยุงบ้านเมืองให้รอดพ้นจากปากเหยี่ยวปากกามาได้ จนมีทุกวันนี้
ไม่เห็นโลงศพ ไม่หลั่งน้ำตากันจริงๆ...
มีบางคนเหมือนฉลาด...ที่ยียวนว่า
“ทำไมต้องซื้อเรือดำน้ำ?”
แค่ถามก็พอรู้ถึงสติปัญญาว่า ไม่เคยออกไปสูดดมอากาศภายนอกเลย
ซ้ำหนังสือก็ไม่เคยอ่าน ข่าวสารโลกก็ตื้นเขิน...
เรือดำน้ำสมัยนี้...คือแสนยานุภาพที่น่ากลัวที่สุด เพราะสามารถส่งขีปนาวุธนิวเคลียร์จากใต้น้ำ...พุ่งเข้าสู่จุดหมายปลายทางได้อย่างแม่นยำและเงียบกริบ...
เกาหลีเหนือได้พัฒนาอาวุธอย่างต่อเนื่อง และจากเรือดำน้ำ เขาสามารถส่งระเบิดนิวเคลียร์ได้ในรัศมีถึง 4500 กิโลเมตร
สามประธานาธิบดีสหรัฐ ทั้ง บุช คลินตัน และ ทรัมป์ พยายามเหลือเกินที่จะแทรกแซงในเรื่องการพัฒนานิวเคลียร์ของเกาหลีเหนือ จนถึงมาตรการ”คว่ำบาตร”
ตามมาด้วยการเจรจา คือ ต่างคนต่างถอยกันคนละหลายๆก้าว สหรัฐก็ต้องไม่เอาเรื่องนิวเคลียร์มากดดันเกาหลีเหนือ
ลดจำนวนปากกระบอกปืนที่จ่อลง...จึงโอเคกันตามนั้น
คิม จอง อึน ...ถึงได้เริ่มมีท่าทีเป็นมิตร จะว่าไป..ก็เพราะตอนนี้เขาไม่อยู่ในสถานะที่ต้องเกรงกลัวใครอีกแล้ว
แถมยังทิ้งท้ายไว้ว่า ถ้าสหรัฐ...เริ่มเล่นตุกติกเมื่อไหร่ เขาก็เปิดโรงงานอีก
ไม่เห็นจะยาก....
แล้วเราจะมาถามหรือคะ...ว่า...ซื้อเรือดำน้ำมาทำอะไร ก็อย่างน้อยเอามาไว้เป็นหูเป็นตา เขาจะกดสวิตช์กันเมื่อไหร่ จะได้อพยพกันทันไง...!!
นี่คือเรื่องของการ”ชังชาติ” ของคนที่คิดว่ามันเท่ บางคนเป็นถึงอาจารย์
แต่พูดออกมาแต่ละคำนี่...มันช่างเลวได้ใจ เลวอย่างไม่มีที่ติ...
ทีนี้มาเรื่องของการที่คนบางคนโดน”ชาติชัง...”
ปล่าวค่ะ...ไม่เกี่ยวอะไรกับเมืองไทย และไม่เกี่ยวอะไรกับเจ้าสาวของนักรบไอซิสด้วย
เรื่องนี้เป็นเรื่องของประเทศฮังการี บ้านเกืดเมืองนอนของ นาย George Soros นั่นแหละ
นายจอร์จ โซรอส ได้ใช้เงินมากมายที่เขามี พยายามสร้างประชาธิปไตย
ในทุกประเทศในโลก มากน้อยแล้วแต่กรณี
แต่ที่บ้านเกิดของเขา ฮังการี เขาทุ่มเงินมหาศาล สร้างโรงเรียน, ห้องสมุด, ศูนย์วิจัยทุกแขนงอาชีพ, มหาวิทยาลัย, ให้ทุนนักศึกษาไปต่างประเทศแบบไม่อั้น เพื่อที่จะได้กลับมาพัฒนาประเทศ..
หนึ่งในนักเรียนทุนที่เขาส่งไปเรียนถึงอังกฤษ คือ นาย
Viktor Orbán ที่ได้กลับมาเล่นการเมืองจนเป็นถึงนายกรัฐมนตรี ตั้งแต่ปี 1998 เมื่อครบเทอม และได้รับเลือกตั้งใหม่กลับมาเป็นนายกฯ อีกในปี
2010 จนถึงปัจจุบัน
โซรอสจึงถือว่าเป็นเด็กในคาถา...เขาเอา UN เข้ามายื่นมาตรการให้ฮังการีต้องเดินตามที่เขากำหนด เช่น รับเข้ามาในกลุ่มของ EU ได้รับเงินช่วยเหลือก็จริง แต่ในปี 1999 ได้บีบให้ฮังการีออกกฎหมายต้องรับผู้อพยพจาก
Romania, Slovakia, Serbia and Montenegro, Croatia, Slovenia และ Ukraine ที่มีมากมายร่วมสามล้านคน...
งานนี้นายออร์บันต่อต้านสุดฤทธิ์...เขาไม่ยอมลงให้อีกแล้ว เป็นไงเป็นกัน
เขาไม่รับนโยบาย และไม่ปฏิบัติตาม โดยใช้มวลชนเข้าร่วม ชี้ให้เห็นถึงความหายนะที่จะมาเยือนกับบ้านเมือง...ว่า
ที่เยอรมัน ต้องจ่ายให้ผู้อพยพต่อคน เดือนละ 354 ยูโร อีกทั้งต้องจ่ายค่าเช่าบ้าน ค่ารักษาพยาบาล ตั้งแต่ปี 2017- 2020 เยอรมันจะต้องจ่ายทั้งหมดคือ เจ็ดพันเจ็ดร้อยล้านยูโร...ให้กับโครงการผู้อพยพ
ซึ่งทำให้เยอรมันหวังที่จะผลักดันให้ประเทศชายขอบอย่างฮังการี
ช่วยรับไปในขั้นแรกก่อน...
แต่คนฮังการี...ไม่ได้มีฐานะเหมือนอย่างคนเยอรมัน...
ซึ่งนายโซรอสในฐานะประธานของ Open Society Foundation และกลุ่มมดงานในสังกัด ทั้ง NGO, Human Rights Watch
ก็ยังยืนยันว่า...”รับๆไปก่อน อีกหน่อยเขามีงานมีการทำก็มาช่วยจ่ายภาษี...เงินทองก็จะกลับคืนมา”
วิคเตอร์ ออร์บัน ได้กัดฟันถามไปว่า
“แล้วอนาคตของลูกหลานชาวฮังการีล่ะ...เราต้องดูแลเขาก่อนไม่ใช่หรือ?”
เมื่อฮังการีแข็งขืน จอร์จ โซรอส จึงใช้อำนาจผ่านทาง EU เข้าบีบโดยใช้สำนักงานที่กรุงบรัสเซล ออกคำสั่งให้รับผู้อพยพ..
แต่ต้องโดนสวนกลับจากออร์บัน โดยเขาสั่งสร้างรั้วลวดหนามกั้นพรมแดนที่ติดกับเซอร์เบียและโครเอเชีย ทางตอนใต้
แล้วเขาประชด โดยการส่งบิลค่าสร้างรั้วครึ่งหนึ่งไปให้กับอียู...
อีกทั้งสนับสนุนให้ประชาชนมีลูกออกมาให้มากๆ ให้มาช่วยกันครองประเทศ ดีกว่าที่จะต้องแบ่งพื้นที่ให้คนอื่น
ค่าดูแลครรภ์ ค่าคลอดรัฐบาลดูแลหมด รวมทั้งสนับสนุนเงินกู้ สามหมื่นกว่ายูโรกับครอบครัว... ที่หนี้หนึ่งในสามนั้น ไม่ต้องจ่ายถ้ามีลูกคนที่สอง
และถ้ามีคนที่สาม...ยกหนี้ให้เลย
ทีนี้ถึงคราวต้องเล่นงาน จอร์จ โซรอส โดยที่เขาไม่สนใจว่าจะเป็นนายทุนออกให้เรียนหนังสือถึงเมืองนอกเมืองนา หรือจะสร้างอะไรให้ฮังการีสารพัดก็ไม่ถือว่าเป็นบุญคุณ เพราะมันเป็นการที่หว่านพืชหวังผล อีกทั้งมีเจตนาไม่ดีกับประเทศชาติ
เขาและประชาชนชาวฮังเกเรียน เปิดฉากล้างบางนายจอร์จ โซรอส
ด้วยการประจาน ติดโปสเตอร์ประกาศความร้ายกาจ และ บอยคอตทุกองค์กรในเครือข่ายของโซรอส
ฮังการี.……ถือว่า จอร์จ โซรอส คือ คนหนักแผ่นดิน....!!!
ป้ายคัทเอ้าท์และโปสเตอร์ ในความหมายว่า “Stop Soros” ได้ขึ้นทั่วเมือง ที่ประชาชนชาวฮังเกเรียนได้รวมใจกันให้ความร่วมมือ เพราะ
พวกเขาทุกคนมองเห็นว่า ประเทศกำลังอยู่ในระยะของการแทรกแซงด้วยระบบทุน
นโยบาย”ต่อต้านโซรอส”ได้ถูกเขียนขึ้นเป็นบทบัญญัติทางกฎหมายและได้ถูกนำขึ้นสู่สภา และได้ผ่านการพิจารณาลงมติผ่านเมื่อเดือนมิถุนายน 2018
ทีนี้……หมายถึงกลุ่มกรรมการสิทธิฯ กลุ่มเอ็นจีโอ...ต้องเก็บข้าวของออกไป หรือจะอยู่ก็ต้องหุบปาก...ไม่ต้องเคลื่อนไหวอะไรทั้งสิ้น
งานนี้คืองานที่ท้าทายอำนาจของมหาเศรษฐีและเย้ยสภายูโรเปี้ยนแบบ
ไม่สนใจว่า โซรอสได้โปรยเงินในประเทศมากมายมหาศาลแค่ไหน
เลวก็คือเลว...!!!
และสภายูโรเปี้ยนจะมาสั่งให้เปิดพรมแดน……ก็ไม่ได้ เพราะ
ฮังการี เพื่อ ชาวฮังเกเรียนเท่านั้น...เข้าจั๋ยยยยย!!!!
Wiwanda W. Vichitเล่นการเมือง……จนชังชาติ...และชาติชัง...!!! หมู่นี้ถนัดอ่านค่ะ ไม่ค่อยอยากเขียนอะไรเพราะแวดวงขยายออกไปกว้างมาก จนไม่รู้ว่าเป็นใครต่อใคร ดิฉันไม่ได้ปิดกั้นอะไร ใครสามารถหาเอาไปเป็นสาระได้ เพิ่มพูนหรือกระตุ้นต่อมอยากรู้……ต่อมอยากอ่านเพิ่มเติม ก็ไปต่อยอดเอาได้ ถือว่าเราแบ่งปันความรู้กัน.. การเขียนเล่าของดิฉันมีข้อจำกัดในเฟสบุ๊ค คือ ยาวเกินก็ส่งไม่ผ่าน ฉะนั้น...จึงจับเพียงสาระสำคัญมาเล่า เหมือนกับวางอาหารให้ตรงหน้า แต่เคี้ยวหารสชาติเอาเอง บางคนแชร์ไป.……แล้วมีคนมาติงว่า โยงวุ่นวายไปหมด อ่านไม่รู้เรื่อง ธ่อว้อย...เขียนเรื่องการบ้านการเมืองในประเทศ ต่างประเทศ มันก็ต้องโยงไปหลายที่เพราะมันไม่ใช่เป็นเรื่องอย่างน้อง”อยากเลือกตั้ง” ที่ ไปจ้ำจี้กับพี่ “เอื้ออาทร” กันสองคนนี่นา…… ที่แค่ไม่กี่วินาทีก็เข้าใจแจ่มแจ้ง ที่รู้สึกแย่ที่สุด...คือการที่เห็นว่าผู้คนนิยมแนว”ชังชาติ” กันมากขึ้น เช่นออกมาก่นด่าแผ่นดินที่อาศัยซุกหัวนอนมาตั้งแต่บรรพบุรุษ…… สาบแช่งรัฐบาล....ไม่นิยมเจ้าเพราะเกลียดความไม่เสมอภาค... รำคาญกองทัพที่ต้องใช้งบซื้ออาวุธ... ทุกอย่างที่กล่าวมานี้ มันได้กลายเป็น “แนวร่วมสมัย” ไปแล้ว ใครรักชาติก็หมั่นไส้...ได้ยินเพลงหนักแผ่นดินก็แสลงหู คนพวกนี้ยังไม่เคยเห็นภาพสมัย พอลพต และ การทำงานของเขมรแดง... ลืมตาอ้าปากจากท้องแม่มาในสมัยที่บ้านเมืองได้สงบสุข เพราะคนไทยรุ่นเก่าที่พวกเขาจงเกลียดจงชังนักนี่แหละ ที่ช่วยกันพยุงบ้านเมืองให้รอดพ้นจากปากเหยี่ยวปากกามาได้ จนมีทุกวันนี้ ไม่เห็นโลงศพ ไม่หลั่งน้ำตากันจริงๆ... มีบางคนเหมือนฉลาด...ที่ยียวนว่า “ทำไมต้องซื้อเรือดำน้ำ?” แค่ถามก็พอรู้ถึงสติปัญญาว่า ไม่เคยออกไปสูดดมอากาศภายนอกเลย ซ้ำหนังสือก็ไม่เคยอ่าน ข่าวสารโลกก็ตื้นเขิน... เรือดำน้ำสมัยนี้...คือแสนยานุภาพที่น่ากลัวที่สุด เพราะสามารถส่งขีปนาวุธนิวเคลียร์จากใต้น้ำ...พุ่งเข้าสู่จุดหมายปลายทางได้อย่างแม่นยำและเงียบกริบ... เกาหลีเหนือได้พัฒนาอาวุธอย่างต่อเนื่อง และจากเรือดำน้ำ เขาสามารถส่งระเบิดนิวเคลียร์ได้ในรัศมีถึง 4500 กิโลเมตร สามประธานาธิบดีสหรัฐ ทั้ง บุช คลินตัน และ ทรัมป์ พยายามเหลือเกินที่จะแทรกแซงในเรื่องการพัฒนานิวเคลียร์ของเกาหลีเหนือ จนถึงมาตรการ”คว่ำบาตร” ตามมาด้วยการเจรจา คือ ต่างคนต่างถอยกันคนละหลายๆก้าว สหรัฐก็ต้องไม่เอาเรื่องนิวเคลียร์มากดดันเกาหลีเหนือ ลดจำนวนปากกระบอกปืนที่จ่อลง...จึงโอเคกันตามนั้น คิม จอง อึน ...ถึงได้เริ่มมีท่าทีเป็นมิตร จะว่าไป..ก็เพราะตอนนี้เขาไม่อยู่ในสถานะที่ต้องเกรงกลัวใครอีกแล้ว แถมยังทิ้งท้ายไว้ว่า ถ้าสหรัฐ...เริ่มเล่นตุกติกเมื่อไหร่ เขาก็เปิดโรงงานอีก ไม่เห็นจะยาก.... แล้วเราจะมาถามหรือคะ...ว่า...ซื้อเรือดำน้ำมาทำอะไร ก็อย่างน้อยเอามาไว้เป็นหูเป็นตา เขาจะกดสวิตช์กันเมื่อไหร่ จะได้อพยพกันทันไง...!! นี่คือเรื่องของการ”ชังชาติ” ของคนที่คิดว่ามันเท่ บางคนเป็นถึงอาจารย์ แต่พูดออกมาแต่ละคำนี่...มันช่างเลวได้ใจ เลวอย่างไม่มีที่ติ... ทีนี้มาเรื่องของการที่คนบางคนโดน”ชาติชัง...” ปล่าวค่ะ...ไม่เกี่ยวอะไรกับเมืองไทย และไม่เกี่ยวอะไรกับเจ้าสาวของนักรบไอซิสด้วย เรื่องนี้เป็นเรื่องของประเทศฮังการี บ้านเกืดเมืองนอนของ นาย George Soros นั่นแหละ นายจอร์จ โซรอส ได้ใช้เงินมากมายที่เขามี พยายามสร้างประชาธิปไตย ในทุกประเทศในโลก มากน้อยแล้วแต่กรณี แต่ที่บ้านเกิดของเขา ฮังการี เขาทุ่มเงินมหาศาล สร้างโรงเรียน, ห้องสมุด, ศูนย์วิจัยทุกแขนงอาชีพ, มหาวิทยาลัย, ให้ทุนนักศึกษาไปต่างประเทศแบบไม่อั้น เพื่อที่จะได้กลับมาพัฒนาประเทศ.. หนึ่งในนักเรียนทุนที่เขาส่งไปเรียนถึงอังกฤษ คือ นาย Viktor Orbán ที่ได้กลับมาเล่นการเมืองจนเป็นถึงนายกรัฐมนตรี ตั้งแต่ปี 1998 เมื่อครบเทอม และได้รับเลือกตั้งใหม่กลับมาเป็นนายกฯ อีกในปี 2010 จนถึงปัจจุบัน โซรอสจึงถือว่าเป็นเด็กในคาถา...เขาเอา UN เข้ามายื่นมาตรการให้ฮังการีต้องเดินตามที่เขากำหนด เช่น รับเข้ามาในกลุ่มของ EU ได้รับเงินช่วยเหลือก็จริง แต่ในปี 1999 ได้บีบให้ฮังการีออกกฎหมายต้องรับผู้อพยพจาก Romania, Slovakia, Serbia and Montenegro, Croatia, Slovenia และ Ukraine ที่มีมากมายร่วมสามล้านคน... งานนี้นายออร์บันต่อต้านสุดฤทธิ์...เขาไม่ยอมลงให้อีกแล้ว เป็นไงเป็นกัน เขาไม่รับนโยบาย และไม่ปฏิบัติตาม โดยใช้มวลชนเข้าร่วม ชี้ให้เห็นถึงความหายนะที่จะมาเยือนกับบ้านเมือง...ว่า ที่เยอรมัน ต้องจ่ายให้ผู้อพยพต่อคน เดือนละ 354 ยูโร อีกทั้งต้องจ่ายค่าเช่าบ้าน ค่ารักษาพยาบาล ตั้งแต่ปี 2017- 2020 เยอรมันจะต้องจ่ายทั้งหมดคือ เจ็ดพันเจ็ดร้อยล้านยูโร...ให้กับโครงการผู้อพยพ ซึ่งทำให้เยอรมันหวังที่จะผลักดันให้ประเทศชายขอบอย่างฮังการี ช่วยรับไปในขั้นแรกก่อน... แต่คนฮังการี...ไม่ได้มีฐานะเหมือนอย่างคนเยอรมัน... ซึ่งนายโซรอสในฐานะประธานของ Open Society Foundation และกลุ่มมดงานในสังกัด ทั้ง NGO, Human Rights Watch ก็ยังยืนยันว่า...”รับๆไปก่อน อีกหน่อยเขามีงานมีการทำก็มาช่วยจ่ายภาษี...เงินทองก็จะกลับคืนมา” วิคเตอร์ ออร์บัน ได้กัดฟันถามไปว่า “แล้วอนาคตของลูกหลานชาวฮังการีล่ะ...เราต้องดูแลเขาก่อนไม่ใช่หรือ?” เมื่อฮังการีแข็งขืน จอร์จ โซรอส จึงใช้อำนาจผ่านทาง EU เข้าบีบโดยใช้สำนักงานที่กรุงบรัสเซล ออกคำสั่งให้รับผู้อพยพ.. แต่ต้องโดนสวนกลับจากออร์บัน โดยเขาสั่งสร้างรั้วลวดหนามกั้นพรมแดนที่ติดกับเซอร์เบียและโครเอเชีย ทางตอนใต้ แล้วเขาประชด โดยการส่งบิลค่าสร้างรั้วครึ่งหนึ่งไปให้กับอียู... อีกทั้งสนับสนุนให้ประชาชนมีลูกออกมาให้มากๆ ให้มาช่วยกันครองประเทศ ดีกว่าที่จะต้องแบ่งพื้นที่ให้คนอื่น ค่าดูแลครรภ์ ค่าคลอดรัฐบาลดูแลหมด รวมทั้งสนับสนุนเงินกู้ สามหมื่นกว่ายูโรกับครอบครัว... ที่หนี้หนึ่งในสามนั้น ไม่ต้องจ่ายถ้ามีลูกคนที่สอง และถ้ามีคนที่สาม...ยกหนี้ให้เลย ทีนี้ถึงคราวต้องเล่นงาน จอร์จ โซรอส โดยที่เขาไม่สนใจว่าจะเป็นนายทุนออกให้เรียนหนังสือถึงเมืองนอกเมืองนา หรือจะสร้างอะไรให้ฮังการีสารพัดก็ไม่ถือว่าเป็นบุญคุณ เพราะมันเป็นการที่หว่านพืชหวังผล อีกทั้งมีเจตนาไม่ดีกับประเทศชาติ เขาและประชาชนชาวฮังเกเรียน เปิดฉากล้างบางนายจอร์จ โซรอส ด้วยการประจาน ติดโปสเตอร์ประกาศความร้ายกาจ และ บอยคอตทุกองค์กรในเครือข่ายของโซรอส ฮังการี.……ถือว่า จอร์จ โซรอส คือ คนหนักแผ่นดิน....!!! ป้ายคัทเอ้าท์และโปสเตอร์ ในความหมายว่า “Stop Soros” ได้ขึ้นทั่วเมือง ที่ประชาชนชาวฮังเกเรียนได้รวมใจกันให้ความร่วมมือ เพราะ พวกเขาทุกคนมองเห็นว่า ประเทศกำลังอยู่ในระยะของการแทรกแซงด้วยระบบทุน นโยบาย”ต่อต้านโซรอส”ได้ถูกเขียนขึ้นเป็นบทบัญญัติทางกฎหมายและได้ถูกนำขึ้นสู่สภา และได้ผ่านการพิจารณาลงมติผ่านเมื่อเดือนมิถุนายน 2018 ทีนี้……หมายถึงกลุ่มกรรมการสิทธิฯ กลุ่มเอ็นจีโอ...ต้องเก็บข้าวของออกไป หรือจะอยู่ก็ต้องหุบปาก...ไม่ต้องเคลื่อนไหวอะไรทั้งสิ้น งานนี้คืองานที่ท้าทายอำนาจของมหาเศรษฐีและเย้ยสภายูโรเปี้ยนแบบ ไม่สนใจว่า โซรอสได้โปรยเงินในประเทศมากมายมหาศาลแค่ไหน เลวก็คือเลว...!!! และสภายูโรเปี้ยนจะมาสั่งให้เปิดพรมแดน……ก็ไม่ได้ เพราะ ฮังการี เพื่อ ชาวฮังเกเรียนเท่านั้น...เข้าจั๋ยยยยย!!!! Wiwanda W. Vichit0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 1026 มุมมอง 0 รีวิว - อิติปิโส 84,000 >>> วันที่ 343
วันเสาร์: ขึ้น ๕ ค่ำ เดือน ๑๐ ปีมะโรง
วันที่ ๗ กันยายน ๒๕๖๗ (7 September 2024)
สวดบทสรรเสริญคุณพระรัตนตรัย จำนวน 250 จบ
รวมสวดสะสม 75,120 จบ ยอดคงเหลือ 8,880 จบ
* เวลาที่เหลืออยู่ในชาตินี้ เท่ากับ ๒๖ ปี ๑๕๘ วัน
I am willing to depart this life at the age of 75.
#สวดอิติปิโส๘๔๐๐๐จบ #สมถกรรมฐาน
#พุทธานุสสติ #ธัมมานุสสติ #สังฆานุสสติ
#วิริยะบารมี #อธิษฐานบารมี #สัจจะบารมี
#สวดมนต์ #สวดมนต์ทุกวัน #สวดมนต์เปลี่ยนชีวิตอิติปิโส 84,000 >>> วันที่ 343 วันเสาร์: ขึ้น ๕ ค่ำ เดือน ๑๐ ปีมะโรง วันที่ ๗ กันยายน ๒๕๖๗ (7 September 2024) สวดบทสรรเสริญคุณพระรัตนตรัย จำนวน 250 จบ รวมสวดสะสม 75,120 จบ ยอดคงเหลือ 8,880 จบ * เวลาที่เหลืออยู่ในชาตินี้ เท่ากับ ๒๖ ปี ๑๕๘ วัน I am willing to depart this life at the age of 75. #สวดอิติปิโส๘๔๐๐๐จบ #สมถกรรมฐาน #พุทธานุสสติ #ธัมมานุสสติ #สังฆานุสสติ #วิริยะบารมี #อธิษฐานบารมี #สัจจะบารมี #สวดมนต์ #สวดมนต์ทุกวัน #สวดมนต์เปลี่ยนชีวิต0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 295 มุมมอง 0 รีวิว -
- “นายกฯ อิ๊งค์” ชวน ครม.ชูมือทำมินิฮาร์ท หลังถ่ายภาพหมู่ที่ทำเนียบฯ เจ้าหน้าที่บอก ใส่ชุดขาวทำไม่ได้ เจ้าตัวถึงกับชะงักและรีบเอามือลง
อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9670000083191
#News1feed #News1 #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #Thaitimes“นายกฯ อิ๊งค์” ชวน ครม.ชูมือทำมินิฮาร์ท หลังถ่ายภาพหมู่ที่ทำเนียบฯ เจ้าหน้าที่บอก ใส่ชุดขาวทำไม่ได้ เจ้าตัวถึงกับชะงักและรีบเอามือลง อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9670000083191 #News1feed #News1 #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #Thaitimes - โค้ก x Oreo สองแบรนด์รวมกันความมันส์บังเกิด #iBusinessReview
-
- 0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 32 มุมมอง 0 รีวิว
- อัพเฟริมแวร์... #Firewakll #Sophos😊 #firewallthai0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 784 มุมมอง 0 รีวิว
- วันนี้อัพเฟริมแวร์ Firewall #firewallthai #sophos
-