0 ความคิดเห็น
0 การแบ่งปัน
100 มุมมอง
0 รีวิว
รายการ
ค้นพบผู้คนใหม่ๆ สร้างการเชื่อมต่อใหม่ๆ และรู้จักเพื่อนใหม่
- กรุณาเข้าสู่ระบบเพื่อกดถูกใจ แชร์ และแสดงความคิดเห็น!
- 0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 74 มุมมอง 0 รีวิว
- 0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 83 มุมมอง 0 รีวิว
- ป้ายยาโจ๊กตลาดน้อย เจริญกรุง #bangkokป้ายยาโจ๊กตลาดน้อย เจริญกรุง #bangkok0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 419 มุมมอง 0 รีวิว1
- Street Photography #bangkokStreet Photography #bangkok0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 316 มุมมอง 0 รีวิว1
- อาหารเช้าทำเองค่ะอาหารเช้าทำเองค่ะ0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 144 มุมมอง 0 รีวิว1
- 0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 67 มุมมอง 0 รีวิว1
-
- วันพักผ่อนวันพักผ่อน0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 94 มุมมอง 0 รีวิว
- โดนัลด์ ทรัมป์ กำชัยชนะเหนือ กมลา แฮร์ริส อย่างง่ายดายและเด็ดขาดเกินคาดหมายในวันพุธ (6 พ.ย.) หลังกวาดคะแนนจากรัฐสมรภูมิสำคัญ และได้กลับสู่ทำเนียบขาวสมัยที่สองที่มีแนวโน้มสร้างแรงกระเพื่อมทั่วโลก นอกจากนั้น พรรครีพับลิกันของเขายังสามารถชิงอำนาจการควบคุมวุฒิสภาจากเดโมแครตได้สำเร็จ
.
ถึงแม้ผลสำรวจจากหลายสำนักก่อนหน้าการเลือกตั้งซึ่งจัดขึ้นในวันอังคาร (5) ต่างระบุว่า การแข่งขันครั้งนี้จะคู่คี่สูสีกันมากและอาจต้องรอนานหลายวันกว่าจะรู้ผล แต่กลายเป็นว่า พวกสื่อยักษ์ใหญ่สหรัฐฯ สามารถประกาศอย่างเป็นเสียงเอกฉันท์ชนิดไม่มีเจ้าไหนแตกแถวตั้งแต่ในวันพุธ (6) ว่า โดนัลด์ ทรัมป์ วัย 78 ปี เป็นผู้ชนะ หลังจากอดีตประธานาธิบดีจากพรรครีพับลิกันผู้นี้สามารถกวาดคะแนนจากคณะผู้เลือกตั้ง (electoral vote) เกิน 270 คะแนนซึ่งเป็นเกณฑ์สำหรับผู้ชนะ และได้เป็นว่าที่ประธานาธิบดีสหรัฐฯ คนที่ 47
.
วิสคอนซิน ซึ่งเป็น 1 ใน 7 รัฐสมรภูมิที่ผู้ออกเสียงไม่ได้แสดงความนิยมในผู้สมัครคนไหนหรือพรรคใหญ่พรรคใดอย่างชัดเจน จึงถูกมองว่าจะเป็นตัวชี้ขาดผู้มีชัยในการเลือกตั้งคราวนี้ ได้กลายเป็นรัฐตัดสินไปจริงๆ โดยหลังจากฟ็อกซ์นิวส์ เป็นสื่อยักษ์ใหญ่เจ้าแรกที่คาดการณ์ว่าทรัมป์ชนะในรัฐนี้ แล้วจึงประกาศว่าเขาได้เสียงคณะผู้เลือกตั้งเกิน 270 เสียงและเป็นผู้ชนะได้เป็นประธานาธิบดีคนต่อไปแล้ว ถัดจากนั้นอีกหลายชั่วโมงต่อมา สื่อยักษ์ใหญ่อื่นๆ ได้แก่ เอบีซี ซีบีเอส เอ็นบีซี ซีเอ็นเอ็น เอพี ก็เดินมาในรอยทางเดียวกัน กล่าวคือ ทยอยประกาศคาดการณ์ว่าทรัมป์ได้วิสคอนซินซึ่งมีคะแนนคณะผู้เลือกตั้ง 10 เสียงไป และทำให้เป็นผู้ชนะโดยรวม ถึงแม้ในทางเป็นจริงแล้วยังมีอีกหลายรัฐที่นับคะแนนยังไม่ทันเสร็จสิ้นก็ตามที
.
ไม่เพียงชนะด้วยเสียงคณะผู้เลือกตั้ง ในครั้งนี้ทรัมป์ยังได้คะแนนป็อปปูลาร์โหวต หรือเสียงโหวตจากผู้ออกเสียงทั่วประเทศ นำหน้าแฮร์ริสถึงประมาณ 5 ล้านคะแนน แตกต่างจากตอนที่เขาชนะเลือกตั้งได้เป็นประธานาธิบดีสมัยแรกในปี 2016 ซึ่งเขามีชัยด้านเสียงคณะผู้เลือกตั้ง แต่แพ้ป็อปปูลาร์โหวตให้แก่คู่แข่งคือ ฮิลลารี คลินตัน เกือบ 3 ล้านคะแนน
.
นอกจากนั้นแล้ว พรรครีพับลิกันของทรัมป์ ยังเข้ายึดวุฒิสภามาจากเดโมแครตได้สำเร็จ โดยชิงที่นั่งซึ่งเดิมเป็นของเดโมแครตมาได้ 2 ที่นั่ง ทำให้พวกเขาเวลานี้เป็นฝ่ายที่มีเสียงเกินกึ่งหนึ่ง ขณะที่ในสภาผู้แทนราษฎรที่ชุดที่แล้วรีพับลิกันครองเสียงข้างมากเกินครึ่งเพียงเล็กน้อยนั้น ยังไม่มีพรรคใดทำท่าชนะอย่างแน่นอนชัดเจน และต้องรอผลการนับคะแนนอย่างละเอียดถี่ถ้วนกว่านี้
.
แฮร์ริสที่ถูกเปลี่ยนตัวเข้าแทนที่ โจ ไบเดน และมีเวลาในการรณรงค์หาเสียงเพียง 15 สัปดาห์เท่านั้น ทำไม่สำเร็จในการระดมเสียงสนับสนุนให้มากพอเพื่อยับยั้งทรัมป์ โดยเฉพาะในการคลายความกังวลของผู้มีสิทธิเลือกตั้งเกี่ยวกับปัญหาเศรษฐกิจ ซึ่งที่สำคัญที่สุดคือภาวะเงินเฟ้อ และปัญหาผู้อพยพ มิหนำซ้ำผู้ออกเสียงส่วนใหญ่ยังไม่สนใจคำเตือนของแคนดิเดตจากพรรคเดโมแครตผู้นี้ที่ว่า ทรัมป์ต้องการอำนาจแบบไม่มีการตรวจสอบและเป็นตัวอันตรายสำหรับประชาธิปไตย ทำให้ประเด็นหลักในการหาเสียงของแฮร์ริสคือ การสร้างความเป็นเอกภาพและสนับสนุนสิทธิในการทำแท้ง สุดท้ายยังไม่เพียงพอให้เธอสามารถสร้างประวัติศาสตร์ในการเป็นประธานาธิบดีหญิงคนแรกของสหรัฐฯ อีกทั้งเป็นหญิงผิวดำและเชื้อสายเอเชียใต้คนแรกด้วย
.
จากโพลสำเร็จของรอยเตอร์/อิปซอสส์ บ่งชี้ว่าพวกผู้มีสิทธิเลือกตั้งมองว่า เรื่องงานและเศรษฐกิจเป็นปัญหาใหญ่ที่สุดของอเมริกา โดยคนอเมริกันจำนวนมากไม่พอใจปัญหาเงินเฟ้อที่เกิดขึ้น ถึงแม้ภาวะเศรษฐกิจด้านอื่นๆ อยู่ในอาการที่ดี ไม่ว่าจะเป็นราคาหุ้นพุ่งทำสถิติ ค่าแรงเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว และอัตราว่างงานต่ำ ทั้งนี้นอกจากคนเหล่านั้นมองว่า เรื่องเงินเฟ้อเป็นความผิดของคณะบริหารของประธานาธิบดีโจ ไบเดน จากพรรคเดโมแครตแล้ว พวกเขาส่วนใหญ่ยังบอกว่า ไว้ใจทรัมป์มากกว่าแฮร์ริสในการแก้ปัญหาเศรษฐกิจ
.
กลุ่มฮิสปานิกหรือกลุ่มคนพูดภาษาสเปน ที่เดิมทีเป็นฐานเสียงของเดโมแครต รวมทั้งครัวเรือนที่มีรายได้ต่ำที่ได้รับผลกระทบจากเงินเฟ้อรุนแรงที่สุด กลายเป็นตัวช่วยส่งให้ทรัมป์ได้รับชัยชนะในครั้งนี้ นอกเหนือจากฐานเสียงที่จงรักภักดีเหนียวแน่นกับพวกเขาซึ่งได้แก่กลุ่มคนผิวขาวที่เรียนไม่ถึงระดับมหาวิทยาลัย
.
ชัยชนะครั้งนี้เกิดขึ้นมา ถึงแม้ว่า ทรัมป์มีคะแนนนิยมต่ำต่อเนื่อง เคยผ่านกระบวนการถูกพิจารณาถอดถอนถึง 2 ครั้ง ถูกอดีตหัวหน้าคณะทำงานในทำเนียบขาวของตนเองระบุว่าเป็น “ฟาสซิสต์” ถูกฟ้องร้องคดีอาญา 4 คดี และถูกตัดสินว่าผิดในคดีแพ่งจากการล่วงละเมิดทางเพศและการหมิ่นประมาท ในเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมาเขาถูกคณะลูกขุนในนิวยอร์กตัดสินว่า กระทำผิดในการปลอมแปลงข้อมูลธุรกิจเพื่อปกปิดการจ่ายเงินปิดปากดาราหนังปลุกใจเสือป่า
.
ด้วยวัย 78 ปี ทรัมป์กำลังจะสร้างสถิติใหม่ในการเป็นประธานาธิบดีที่อายุมากที่สุด
.
ชัยชนะของทรัมป์ยังมีนัยสำคัญต่อนโยบายการค้า ผู้อพยพ และการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศของอเมริกา และสงครามในยูเครน
.
นักเศรษฐศาสตร์ชี้ว่า ข้อเสนอขึ้นภาษีศุลกากรอย่างแรงของทรัมป์มีแนวโน้มจุดชนวนสงครามการค้ารุนแรงขึ้นกับจีน ตลอดจนกับพวกประเทศพันธมิตรของอเมริกา นอกจากนั้นเขายังให้สัญญาเนรเทศผู้อพยพผิดกฎหมายครั้งใหญ่
.
ท่ามกลางเสียงโห่ร้องแสดงความยินดีของผู้สนับสนุนที่ไปรวมตัวติดตามดูการนับคะแนนอยู่ที่รัฐฟลอริดา ทรัมป์ขึ้นเวทีพร้อมเมลาเนีย ภรรยา และลูกๆ และประกาศว่า นี่คือชัยชนะอันงดงามสำหรับคนอเมริกัน ซึ่งจะเปิดโอกาสให้ตนทำให้อเมริกากลับมายิ่งใหญ่อีกครั้ง
.
เขายังกล่าวถึงการรอดชีวิตจากความพยายามลอบสังหารสองครั้งระหว่างช่วงหาเสียงว่า หลายคนบอกว่าพระเจ้าปกป้องเขา
.
นอกจากครอบครัวทรัมป์ วุฒิสมาชิก เจดี. แวนซ์ คู่หูในตำแหน่งรองประธานาธิบดี และบรรดาผู้นำพรรครีพับลิกันแล้ว งานนี้ยังมี อีลอน มัสก์ นักธุรกิจและมหาเศรษฐีเบอร์หนึ่งของโลกที่อัดฉีดแคมเปญหาเสียงของทรัมป์ราว 120 ล้านดอลลาร์ เข้าร่วมฉลองด้วย โดยทรัมป์ยกย่องนายใหญ่เอ็กซ์และเทสลาผู้นี้เป็น “ดาวดวงใหม่” และก่อนหน้านี้ยังประกาศว่า จะแต่งตั้งมัสก์เป็นประธานคณะกรรมาธิการตรวจสอบประสิทธิภาพของรัฐบาล
.
อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9670000107148
..............
Sondhi X
โดนัลด์ ทรัมป์ กำชัยชนะเหนือ กมลา แฮร์ริส อย่างง่ายดายและเด็ดขาดเกินคาดหมายในวันพุธ (6 พ.ย.) หลังกวาดคะแนนจากรัฐสมรภูมิสำคัญ และได้กลับสู่ทำเนียบขาวสมัยที่สองที่มีแนวโน้มสร้างแรงกระเพื่อมทั่วโลก นอกจากนั้น พรรครีพับลิกันของเขายังสามารถชิงอำนาจการควบคุมวุฒิสภาจากเดโมแครตได้สำเร็จ . ถึงแม้ผลสำรวจจากหลายสำนักก่อนหน้าการเลือกตั้งซึ่งจัดขึ้นในวันอังคาร (5) ต่างระบุว่า การแข่งขันครั้งนี้จะคู่คี่สูสีกันมากและอาจต้องรอนานหลายวันกว่าจะรู้ผล แต่กลายเป็นว่า พวกสื่อยักษ์ใหญ่สหรัฐฯ สามารถประกาศอย่างเป็นเสียงเอกฉันท์ชนิดไม่มีเจ้าไหนแตกแถวตั้งแต่ในวันพุธ (6) ว่า โดนัลด์ ทรัมป์ วัย 78 ปี เป็นผู้ชนะ หลังจากอดีตประธานาธิบดีจากพรรครีพับลิกันผู้นี้สามารถกวาดคะแนนจากคณะผู้เลือกตั้ง (electoral vote) เกิน 270 คะแนนซึ่งเป็นเกณฑ์สำหรับผู้ชนะ และได้เป็นว่าที่ประธานาธิบดีสหรัฐฯ คนที่ 47 . วิสคอนซิน ซึ่งเป็น 1 ใน 7 รัฐสมรภูมิที่ผู้ออกเสียงไม่ได้แสดงความนิยมในผู้สมัครคนไหนหรือพรรคใหญ่พรรคใดอย่างชัดเจน จึงถูกมองว่าจะเป็นตัวชี้ขาดผู้มีชัยในการเลือกตั้งคราวนี้ ได้กลายเป็นรัฐตัดสินไปจริงๆ โดยหลังจากฟ็อกซ์นิวส์ เป็นสื่อยักษ์ใหญ่เจ้าแรกที่คาดการณ์ว่าทรัมป์ชนะในรัฐนี้ แล้วจึงประกาศว่าเขาได้เสียงคณะผู้เลือกตั้งเกิน 270 เสียงและเป็นผู้ชนะได้เป็นประธานาธิบดีคนต่อไปแล้ว ถัดจากนั้นอีกหลายชั่วโมงต่อมา สื่อยักษ์ใหญ่อื่นๆ ได้แก่ เอบีซี ซีบีเอส เอ็นบีซี ซีเอ็นเอ็น เอพี ก็เดินมาในรอยทางเดียวกัน กล่าวคือ ทยอยประกาศคาดการณ์ว่าทรัมป์ได้วิสคอนซินซึ่งมีคะแนนคณะผู้เลือกตั้ง 10 เสียงไป และทำให้เป็นผู้ชนะโดยรวม ถึงแม้ในทางเป็นจริงแล้วยังมีอีกหลายรัฐที่นับคะแนนยังไม่ทันเสร็จสิ้นก็ตามที . ไม่เพียงชนะด้วยเสียงคณะผู้เลือกตั้ง ในครั้งนี้ทรัมป์ยังได้คะแนนป็อปปูลาร์โหวต หรือเสียงโหวตจากผู้ออกเสียงทั่วประเทศ นำหน้าแฮร์ริสถึงประมาณ 5 ล้านคะแนน แตกต่างจากตอนที่เขาชนะเลือกตั้งได้เป็นประธานาธิบดีสมัยแรกในปี 2016 ซึ่งเขามีชัยด้านเสียงคณะผู้เลือกตั้ง แต่แพ้ป็อปปูลาร์โหวตให้แก่คู่แข่งคือ ฮิลลารี คลินตัน เกือบ 3 ล้านคะแนน . นอกจากนั้นแล้ว พรรครีพับลิกันของทรัมป์ ยังเข้ายึดวุฒิสภามาจากเดโมแครตได้สำเร็จ โดยชิงที่นั่งซึ่งเดิมเป็นของเดโมแครตมาได้ 2 ที่นั่ง ทำให้พวกเขาเวลานี้เป็นฝ่ายที่มีเสียงเกินกึ่งหนึ่ง ขณะที่ในสภาผู้แทนราษฎรที่ชุดที่แล้วรีพับลิกันครองเสียงข้างมากเกินครึ่งเพียงเล็กน้อยนั้น ยังไม่มีพรรคใดทำท่าชนะอย่างแน่นอนชัดเจน และต้องรอผลการนับคะแนนอย่างละเอียดถี่ถ้วนกว่านี้ . แฮร์ริสที่ถูกเปลี่ยนตัวเข้าแทนที่ โจ ไบเดน และมีเวลาในการรณรงค์หาเสียงเพียง 15 สัปดาห์เท่านั้น ทำไม่สำเร็จในการระดมเสียงสนับสนุนให้มากพอเพื่อยับยั้งทรัมป์ โดยเฉพาะในการคลายความกังวลของผู้มีสิทธิเลือกตั้งเกี่ยวกับปัญหาเศรษฐกิจ ซึ่งที่สำคัญที่สุดคือภาวะเงินเฟ้อ และปัญหาผู้อพยพ มิหนำซ้ำผู้ออกเสียงส่วนใหญ่ยังไม่สนใจคำเตือนของแคนดิเดตจากพรรคเดโมแครตผู้นี้ที่ว่า ทรัมป์ต้องการอำนาจแบบไม่มีการตรวจสอบและเป็นตัวอันตรายสำหรับประชาธิปไตย ทำให้ประเด็นหลักในการหาเสียงของแฮร์ริสคือ การสร้างความเป็นเอกภาพและสนับสนุนสิทธิในการทำแท้ง สุดท้ายยังไม่เพียงพอให้เธอสามารถสร้างประวัติศาสตร์ในการเป็นประธานาธิบดีหญิงคนแรกของสหรัฐฯ อีกทั้งเป็นหญิงผิวดำและเชื้อสายเอเชียใต้คนแรกด้วย . จากโพลสำเร็จของรอยเตอร์/อิปซอสส์ บ่งชี้ว่าพวกผู้มีสิทธิเลือกตั้งมองว่า เรื่องงานและเศรษฐกิจเป็นปัญหาใหญ่ที่สุดของอเมริกา โดยคนอเมริกันจำนวนมากไม่พอใจปัญหาเงินเฟ้อที่เกิดขึ้น ถึงแม้ภาวะเศรษฐกิจด้านอื่นๆ อยู่ในอาการที่ดี ไม่ว่าจะเป็นราคาหุ้นพุ่งทำสถิติ ค่าแรงเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว และอัตราว่างงานต่ำ ทั้งนี้นอกจากคนเหล่านั้นมองว่า เรื่องเงินเฟ้อเป็นความผิดของคณะบริหารของประธานาธิบดีโจ ไบเดน จากพรรคเดโมแครตแล้ว พวกเขาส่วนใหญ่ยังบอกว่า ไว้ใจทรัมป์มากกว่าแฮร์ริสในการแก้ปัญหาเศรษฐกิจ . กลุ่มฮิสปานิกหรือกลุ่มคนพูดภาษาสเปน ที่เดิมทีเป็นฐานเสียงของเดโมแครต รวมทั้งครัวเรือนที่มีรายได้ต่ำที่ได้รับผลกระทบจากเงินเฟ้อรุนแรงที่สุด กลายเป็นตัวช่วยส่งให้ทรัมป์ได้รับชัยชนะในครั้งนี้ นอกเหนือจากฐานเสียงที่จงรักภักดีเหนียวแน่นกับพวกเขาซึ่งได้แก่กลุ่มคนผิวขาวที่เรียนไม่ถึงระดับมหาวิทยาลัย . ชัยชนะครั้งนี้เกิดขึ้นมา ถึงแม้ว่า ทรัมป์มีคะแนนนิยมต่ำต่อเนื่อง เคยผ่านกระบวนการถูกพิจารณาถอดถอนถึง 2 ครั้ง ถูกอดีตหัวหน้าคณะทำงานในทำเนียบขาวของตนเองระบุว่าเป็น “ฟาสซิสต์” ถูกฟ้องร้องคดีอาญา 4 คดี และถูกตัดสินว่าผิดในคดีแพ่งจากการล่วงละเมิดทางเพศและการหมิ่นประมาท ในเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมาเขาถูกคณะลูกขุนในนิวยอร์กตัดสินว่า กระทำผิดในการปลอมแปลงข้อมูลธุรกิจเพื่อปกปิดการจ่ายเงินปิดปากดาราหนังปลุกใจเสือป่า . ด้วยวัย 78 ปี ทรัมป์กำลังจะสร้างสถิติใหม่ในการเป็นประธานาธิบดีที่อายุมากที่สุด . ชัยชนะของทรัมป์ยังมีนัยสำคัญต่อนโยบายการค้า ผู้อพยพ และการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศของอเมริกา และสงครามในยูเครน . นักเศรษฐศาสตร์ชี้ว่า ข้อเสนอขึ้นภาษีศุลกากรอย่างแรงของทรัมป์มีแนวโน้มจุดชนวนสงครามการค้ารุนแรงขึ้นกับจีน ตลอดจนกับพวกประเทศพันธมิตรของอเมริกา นอกจากนั้นเขายังให้สัญญาเนรเทศผู้อพยพผิดกฎหมายครั้งใหญ่ . ท่ามกลางเสียงโห่ร้องแสดงความยินดีของผู้สนับสนุนที่ไปรวมตัวติดตามดูการนับคะแนนอยู่ที่รัฐฟลอริดา ทรัมป์ขึ้นเวทีพร้อมเมลาเนีย ภรรยา และลูกๆ และประกาศว่า นี่คือชัยชนะอันงดงามสำหรับคนอเมริกัน ซึ่งจะเปิดโอกาสให้ตนทำให้อเมริกากลับมายิ่งใหญ่อีกครั้ง . เขายังกล่าวถึงการรอดชีวิตจากความพยายามลอบสังหารสองครั้งระหว่างช่วงหาเสียงว่า หลายคนบอกว่าพระเจ้าปกป้องเขา . นอกจากครอบครัวทรัมป์ วุฒิสมาชิก เจดี. แวนซ์ คู่หูในตำแหน่งรองประธานาธิบดี และบรรดาผู้นำพรรครีพับลิกันแล้ว งานนี้ยังมี อีลอน มัสก์ นักธุรกิจและมหาเศรษฐีเบอร์หนึ่งของโลกที่อัดฉีดแคมเปญหาเสียงของทรัมป์ราว 120 ล้านดอลลาร์ เข้าร่วมฉลองด้วย โดยทรัมป์ยกย่องนายใหญ่เอ็กซ์และเทสลาผู้นี้เป็น “ดาวดวงใหม่” และก่อนหน้านี้ยังประกาศว่า จะแต่งตั้งมัสก์เป็นประธานคณะกรรมาธิการตรวจสอบประสิทธิภาพของรัฐบาล . อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9670000107148 .............. Sondhi X0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 2166 มุมมอง 0 รีวิว6
- กมลา แฮร์ริส รองประธานาธิบดีสหรัฐฯ และตัวแทนจากเดโมแครต ให้สัญญาถ่ายโอนอำนาจอย่างสันติแก่ โดนัลด์ ทรัมป์ ระหว่างการกล่าวปราศรัย ยอมรับความพ่ายแพ้ในศึกเลือกตั้งผู้นำอเมริกาเมื่อวันอังคาร (5 พ.ย.) ที่ผ่านมา พร้อมเรียกร้องเหล่าผู้สนับสนุนอย่าเพิ่งสิ้นหวัง ให้เดินหน้าสู้เพื่ออุดมการณ์ต่อไป
.
"เราต้องยอมรับผลการเลือกตั้งครั้งนี้ ก่อนหน้านี้ในวันนี้ ดิฉันได้คุยกับว่าที่ประธานาธิบดีทรัมป์ และแสดงความยินดีกับเขาต่อชัยชนะของเขา" แฮร์ริส กล่าวปราศรัย ณ มหาวิทยาลัยฮาวเวิร์ด ซึ่งเป็นมหาวิทยาลัยที่เธอเคยเรียน ในกรุงวอชิงตัน ดี.ซี.
.
"ดิฉันบอกกับเขาว่า เราจะช่วยเขาและคณะทำงานของเขาในการเปลี่ยนผ่าน และเราจะมีส่วนร่วมในการถ่ายโอนอำนาจอย่างสันติ" แฮร์ริสระบุ
.
แฮร์ริส ไม่ได้พาดพิงกรณีที่ ทรัมป์ ปฏิเสธยอมรับความพ่ายแพ้ที่เขาปราศรัยต่อประธานาธิบดีโจ ไบเดน ในปี 2020 แต่เธอกล่าวว่าการเคารพผลการเลือกตั้งทำให้ระบอบประชาธิปไตยเป็นอะไรที่พิเศษแตกต่างจากระบอบราชาธิปไตยและระบอบเผด็จการ ใครก็ตามที่อยากได้ความไว้วางใจจากสาธารณะจำเป็นต้องเคารพผลการเลือกตั้ง
.
"ในขณะเดียวกัน ในประเทศของเรา เรามีความภักดีไม่ใช่แค่กับประธานาธิบดีรายหนึ่งๆ หรือพรรคการเมืองพรรคใดพรรคหนึ่ง แต่เป็นความภักดีต่อรัฐธรรมนูญสหรัฐฯ และภักดีต่อมโนธรรมและต่อพระผู้เป็นเจ้าของเรา" เธอกล่าว
.
ระหว่างปราศรัยต่อหน้าฝูงชนที่ส่งเสียงเชียร์ แฮร์ริสเริ่มต้นด้วยการเรียกร้องให้บรรดาผู้สนับสนุนเดินหน้าสู้ต่อเพื่ออุดมการณ์ต่างไ ของพวกเขา แม้มีความรู้สึกผิดหวังเจ็บปวด หนึ่งวันหลังจาก ทรัมป์ คว้าชัยชนะอย่างขาดลอย
.
"ผลของศึกเลือกตั้งครั้งนี้ไม่ใช่สิ่งที่เราต้องการ ไม่ใช่สิ่งที่เราสู้เพื่อ ไม่ใช่สิ่งที่เราโหวตเพื่อ แต่ฟังฉัน ฉันอยากบอกว่าแสงสว่างแห่งความหวังของอเมริกาจะลุกโชนสว่างไสวอยู่เสมอ ตราบใดที่เราไม่มีวันยอมแพ้ และตราบใดที่เราเดินหน้าสู้ต่อไป" เธอกล่าว "บางครั้งการต่อสู้ต้องใช้เวลาสักพัก มันไม่ได้หมายความว่าเราจะไม่มีวันชนะ"
.
บรรดาผู้สนับสนุนของแฮร์ริสหลายพันคนรวมตัวกันที่มหาวิทยาลัยฮาวเวิร์ดในคืนวันอังคาร (5 พ.ย.) เพื่อสิ่งที่พวกเขาหวังว่าจะได้เห็นชัยชนะครั้งประวัติศาสตร์ สำหรับผู้หญิงรายหนึ่งได้ก้าวขึ้นเป็นประธานาธิบดีสหรัฐฯ อย่างไรก็ตามในวันพุธ (6 พ.ย.) พวกเขากลับมารวมตัวกันอีกรอบ เพื่อแสดงจุดยืนสนับสนุนแฮร์ริส หลังจากเธอประสบความพ่ายแพ้
.
"ฉันมาที่นี่ เพื่อแสดงความรักและความเคารพที่มีต่อเธอ สำหรับสิ่งที่เธอทำ" ดอนนา บรูซ วัย 72 ปีกล่าว พร้อมระบุว่าเธอเห็นเด็กหญิงตัวเล็กๆ สวมเสื้อยืดที่มีข้อความว่า เด็กผู้หญิงผิวสีจะปกป้องโลก "ฉันยังคงเชื่อแบบนั้น มันอาจไม่ใช่เด็กหญิงรายนี้ แต่ฉันเชื่อว่าเด็กผู้หญิงผิวสีรายหนึ่งจะสามารถทำได้"
.
อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9670000107151
..............
Sondhi X
กมลา แฮร์ริส รองประธานาธิบดีสหรัฐฯ และตัวแทนจากเดโมแครต ให้สัญญาถ่ายโอนอำนาจอย่างสันติแก่ โดนัลด์ ทรัมป์ ระหว่างการกล่าวปราศรัย ยอมรับความพ่ายแพ้ในศึกเลือกตั้งผู้นำอเมริกาเมื่อวันอังคาร (5 พ.ย.) ที่ผ่านมา พร้อมเรียกร้องเหล่าผู้สนับสนุนอย่าเพิ่งสิ้นหวัง ให้เดินหน้าสู้เพื่ออุดมการณ์ต่อไป . "เราต้องยอมรับผลการเลือกตั้งครั้งนี้ ก่อนหน้านี้ในวันนี้ ดิฉันได้คุยกับว่าที่ประธานาธิบดีทรัมป์ และแสดงความยินดีกับเขาต่อชัยชนะของเขา" แฮร์ริส กล่าวปราศรัย ณ มหาวิทยาลัยฮาวเวิร์ด ซึ่งเป็นมหาวิทยาลัยที่เธอเคยเรียน ในกรุงวอชิงตัน ดี.ซี. . "ดิฉันบอกกับเขาว่า เราจะช่วยเขาและคณะทำงานของเขาในการเปลี่ยนผ่าน และเราจะมีส่วนร่วมในการถ่ายโอนอำนาจอย่างสันติ" แฮร์ริสระบุ . แฮร์ริส ไม่ได้พาดพิงกรณีที่ ทรัมป์ ปฏิเสธยอมรับความพ่ายแพ้ที่เขาปราศรัยต่อประธานาธิบดีโจ ไบเดน ในปี 2020 แต่เธอกล่าวว่าการเคารพผลการเลือกตั้งทำให้ระบอบประชาธิปไตยเป็นอะไรที่พิเศษแตกต่างจากระบอบราชาธิปไตยและระบอบเผด็จการ ใครก็ตามที่อยากได้ความไว้วางใจจากสาธารณะจำเป็นต้องเคารพผลการเลือกตั้ง . "ในขณะเดียวกัน ในประเทศของเรา เรามีความภักดีไม่ใช่แค่กับประธานาธิบดีรายหนึ่งๆ หรือพรรคการเมืองพรรคใดพรรคหนึ่ง แต่เป็นความภักดีต่อรัฐธรรมนูญสหรัฐฯ และภักดีต่อมโนธรรมและต่อพระผู้เป็นเจ้าของเรา" เธอกล่าว . ระหว่างปราศรัยต่อหน้าฝูงชนที่ส่งเสียงเชียร์ แฮร์ริสเริ่มต้นด้วยการเรียกร้องให้บรรดาผู้สนับสนุนเดินหน้าสู้ต่อเพื่ออุดมการณ์ต่างไ ของพวกเขา แม้มีความรู้สึกผิดหวังเจ็บปวด หนึ่งวันหลังจาก ทรัมป์ คว้าชัยชนะอย่างขาดลอย . "ผลของศึกเลือกตั้งครั้งนี้ไม่ใช่สิ่งที่เราต้องการ ไม่ใช่สิ่งที่เราสู้เพื่อ ไม่ใช่สิ่งที่เราโหวตเพื่อ แต่ฟังฉัน ฉันอยากบอกว่าแสงสว่างแห่งความหวังของอเมริกาจะลุกโชนสว่างไสวอยู่เสมอ ตราบใดที่เราไม่มีวันยอมแพ้ และตราบใดที่เราเดินหน้าสู้ต่อไป" เธอกล่าว "บางครั้งการต่อสู้ต้องใช้เวลาสักพัก มันไม่ได้หมายความว่าเราจะไม่มีวันชนะ" . บรรดาผู้สนับสนุนของแฮร์ริสหลายพันคนรวมตัวกันที่มหาวิทยาลัยฮาวเวิร์ดในคืนวันอังคาร (5 พ.ย.) เพื่อสิ่งที่พวกเขาหวังว่าจะได้เห็นชัยชนะครั้งประวัติศาสตร์ สำหรับผู้หญิงรายหนึ่งได้ก้าวขึ้นเป็นประธานาธิบดีสหรัฐฯ อย่างไรก็ตามในวันพุธ (6 พ.ย.) พวกเขากลับมารวมตัวกันอีกรอบ เพื่อแสดงจุดยืนสนับสนุนแฮร์ริส หลังจากเธอประสบความพ่ายแพ้ . "ฉันมาที่นี่ เพื่อแสดงความรักและความเคารพที่มีต่อเธอ สำหรับสิ่งที่เธอทำ" ดอนนา บรูซ วัย 72 ปีกล่าว พร้อมระบุว่าเธอเห็นเด็กหญิงตัวเล็กๆ สวมเสื้อยืดที่มีข้อความว่า เด็กผู้หญิงผิวสีจะปกป้องโลก "ฉันยังคงเชื่อแบบนั้น มันอาจไม่ใช่เด็กหญิงรายนี้ แต่ฉันเชื่อว่าเด็กผู้หญิงผิวสีรายหนึ่งจะสามารถทำได้" . อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9670000107151 .............. Sondhi X0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 1761 มุมมอง 0 รีวิว
3
-
-
- จีนจะทำงานร่วมกับสหรัฐฯ บนพื้นฐานของความเคารพกันและกัน จากคำยืนยันของกระทรวงการต่างประเทศแดนมังกร หลัง โดนัลด์ ทรัมป์ คว้าชัยชนะในศึกเลือกตั้งประธานาธิบดีอเมริกา แต่พวกนักยุทธศสตร์เตือนว่าปักกิ่งต้องเตรียมพร้อมรับมือกับความเจ็บปวดจากการถูกมหาอำนาจคู่อริแห่งนี้เล่นงานในประเด็นการค้า เทคโนโลยีและความมั่นคง
.
"นโยบายของเราที่มีต่อสหรัฐฯ มีความคงเส้นคงวา ไม่เปลี่ยนแปลง" เหมา หนิง โฆษกกระทรวงการต่างประเทศจีน กล่าวระหว่างแถลงสรุปประจำวันในกรุงปักกิ่ง เมื่อถูกถามว่าการหวนคืนสู่ทำเนียบขาวของทรัมป์ จะส่งผลประทบอย่างไรต่อความสัมพันธ์ระหว่างจีนกับสหรัฐฯ
.
"เราจะยังคงมองและจัดการความสัมพันธ์ระหว่างจีนกับสหรัฐฯ สอดคล้องกับหลักการของการให้ความเคารพซึ่งกันและกัน อยู่ร่วมกันอย่างสันติ และร่วมมือกันแบบที่เป็นฝ่ายชนะทั้งคู่(วิน-วิน)" เธอกล่าว
.
อย่างไรก็ตามพวกนักยุทธศาสตร์จีน คาดหมายว่าปักกิ่งอาจต้องเจอกับวาทกรรมที่เผ็ดร้อนมากกว่าเดิมและเป็นไปได้ว่าจะโดนมาตรการรีดภาษีที่หนักหน่วงจากทรัมป์ แม้บางส่วนเชื่อว่านโยบายต่างประเทศของทรัมป์ ที่ค่อนข้างจะโน้มเอียงไปทางลัทธิโดดเดี่ยว (Isolationism) อาจเปิดช่องว่างให้ปักกิ่งแผ่ขยายอิทธิพลไปทั่วโลกเช่นกัน
.
"ปักกิ่งคาดหมายว่าการชิงชัยจะเป็นไปอย่างคู่คี่สูสีในศึกเลือกตั้งสหรัฐฯ และแม้ชัยชนะของทรัมป์ ไม่ใช่ผลลัพธ์ที่จีนชื่นชอบและก่อความกังวลต่างๆนานา แต่มันก็ไม่ได้ผิดคาดไปโดยสิ้นเชิง" ถง จ้าว เจ้าหน้าที่ระดับอาวุโสแห่งมูลนิธิคาร์เนกีเพื่อสันติภาพระหว่างประเทศ ( CEIP ) ให้ความเห็น
.
"มีความเป็นไปได้ว่าผู้นำจีนจะมุ่งมั่นคงไว้ซึ่งความสัมพันธ์ที่แสดงออกถึงความเป็นมิตรที่อบอุ่นและจริงใจกับทรัมป์ แต่ขณะเดียวกันก็จะพยายามอย่างเข้มข้นในความพยายามฉายภาพพลานุภาพและความเข้มแข็งของจีน" เขากล่าว
.
ต้า เหว่ย ผู้อำนวยการศูนย์ความมั่นคงและยุทธศาตร์ระหว่างประเทศ แห่งมหาวิทยาลัยชิงหวาในกรุงปักกิ่ง บอกว่า "ชัยชนะของทรัมป์ อาจก่อความท้าทายค่อนข้างใหญ่หลวงต่อความสัมพันธ์ระหว่างจีนกับสหรัฐฯ อ้างอิงจากนโยบายต่างๆที่เขาเสนอระหว่างการหาเสียง และการกระทำต่างๆนานาของเขาครั้งที่ดำรงตำแหน่งสมัยก่อน"
.
"สืบเนื่องจากทรัมป์ เป็นคนคาดเดาได้ยากมากๆ ผมคิดว่ามันจะเป็นเรื่องยากสำหรับจีน ที่จะบอกได้ว่ามีแผนอย่างเต็มขึ้นสำหรับรับมือเมื่อ ทรัมป์ ก้าวเข้าสู่อำนาจ นอกจากนี้แล้วมันยังขึ้นอยู่กับว่ารัฐบาลของทรัมป์จะนำนโยบายใดบ้างมาใช้" เขากล่าว
.
ทรัมป์ เคยเสนอรีดภาษีสินค้านำเข้าจากจีนเกินกว่า 60% และยุติสถานะของจีน ในด้านชาติที่ได้รับอนุเคราะห์สูงสุดทางการค้า(most-favoured-nation trading status) ขณะที่พวกนักวิเคราะห์มองว่าแนวโน้มของสงครามการค้าที่อาจโหมกระพืออีกรอบ อาจก่อแรงสั่นสะเทือนความเป็นผู้นำของจีน
.
จีน ขายสินค้าให้แก่สหรัฐฯ คิดเป็นมูลค่ากว่า 400,000 ล้านดอลลาร์ต่อปี และขายส่วนประกอบของผลิตภัณฑ์ต่างๆที่อเมริกาซื้อจากประเทศอื่นๆ คิดเป็นมูลค่าอีกหลานแสนล้านดอลลาร์เช่นกัน
.
"ปักกิ่งมีความกังวลโดยเฉพาะเกี่ยวกับความเป็นไปได้ของการคืนชีพสงครามการค้าภายใต้การบริหารงานของทรัมป์ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ในปัจจุบันนี้จีนกำลังเผชิญความท้าทายหนักหน่วงเกี่ยวกับปัญหาเศรษฐกิจภายในประเทศ" จ้าวกล่าว
.
"จีนคาดหมายเช่นกันว่า ทรัมป์ จะเร่งรัดแยกตัวห่วงโซ่อุปทาน (Decoupling) ระหว่างสหรัฐฯและจีน ความเคลื่อนไหวที่อาจคุกคามการเติบโตทางเศรษฐกิจของจีน และส่งผลกระทบทางอ้อมต่อเสถียรภาพทางสังคมและการเมืองของประเทศ" เขาระบุ
.
"ในการตอบโต้ มีความเป็นไปได้ว่าจีนจะยกระดับผลักดันการพึ่งพาตนเองทางเศรษฐกิจและเทคโนโนโลยีมากยิ่งขึ้น ขณะเดียวกันก็อาจรู้สึกเหมือนถึงกดดันให้ต้องยกระดับความสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจกับประเทศต่างๆอย่างเช่นรัสเซีย ให้แน่นแฟ้นกว่าเดิม"
.
อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9670000107153
..............
Sondhi X
จีนจะทำงานร่วมกับสหรัฐฯ บนพื้นฐานของความเคารพกันและกัน จากคำยืนยันของกระทรวงการต่างประเทศแดนมังกร หลัง โดนัลด์ ทรัมป์ คว้าชัยชนะในศึกเลือกตั้งประธานาธิบดีอเมริกา แต่พวกนักยุทธศสตร์เตือนว่าปักกิ่งต้องเตรียมพร้อมรับมือกับความเจ็บปวดจากการถูกมหาอำนาจคู่อริแห่งนี้เล่นงานในประเด็นการค้า เทคโนโลยีและความมั่นคง . "นโยบายของเราที่มีต่อสหรัฐฯ มีความคงเส้นคงวา ไม่เปลี่ยนแปลง" เหมา หนิง โฆษกกระทรวงการต่างประเทศจีน กล่าวระหว่างแถลงสรุปประจำวันในกรุงปักกิ่ง เมื่อถูกถามว่าการหวนคืนสู่ทำเนียบขาวของทรัมป์ จะส่งผลประทบอย่างไรต่อความสัมพันธ์ระหว่างจีนกับสหรัฐฯ . "เราจะยังคงมองและจัดการความสัมพันธ์ระหว่างจีนกับสหรัฐฯ สอดคล้องกับหลักการของการให้ความเคารพซึ่งกันและกัน อยู่ร่วมกันอย่างสันติ และร่วมมือกันแบบที่เป็นฝ่ายชนะทั้งคู่(วิน-วิน)" เธอกล่าว . อย่างไรก็ตามพวกนักยุทธศาสตร์จีน คาดหมายว่าปักกิ่งอาจต้องเจอกับวาทกรรมที่เผ็ดร้อนมากกว่าเดิมและเป็นไปได้ว่าจะโดนมาตรการรีดภาษีที่หนักหน่วงจากทรัมป์ แม้บางส่วนเชื่อว่านโยบายต่างประเทศของทรัมป์ ที่ค่อนข้างจะโน้มเอียงไปทางลัทธิโดดเดี่ยว (Isolationism) อาจเปิดช่องว่างให้ปักกิ่งแผ่ขยายอิทธิพลไปทั่วโลกเช่นกัน . "ปักกิ่งคาดหมายว่าการชิงชัยจะเป็นไปอย่างคู่คี่สูสีในศึกเลือกตั้งสหรัฐฯ และแม้ชัยชนะของทรัมป์ ไม่ใช่ผลลัพธ์ที่จีนชื่นชอบและก่อความกังวลต่างๆนานา แต่มันก็ไม่ได้ผิดคาดไปโดยสิ้นเชิง" ถง จ้าว เจ้าหน้าที่ระดับอาวุโสแห่งมูลนิธิคาร์เนกีเพื่อสันติภาพระหว่างประเทศ ( CEIP ) ให้ความเห็น . "มีความเป็นไปได้ว่าผู้นำจีนจะมุ่งมั่นคงไว้ซึ่งความสัมพันธ์ที่แสดงออกถึงความเป็นมิตรที่อบอุ่นและจริงใจกับทรัมป์ แต่ขณะเดียวกันก็จะพยายามอย่างเข้มข้นในความพยายามฉายภาพพลานุภาพและความเข้มแข็งของจีน" เขากล่าว . ต้า เหว่ย ผู้อำนวยการศูนย์ความมั่นคงและยุทธศาตร์ระหว่างประเทศ แห่งมหาวิทยาลัยชิงหวาในกรุงปักกิ่ง บอกว่า "ชัยชนะของทรัมป์ อาจก่อความท้าทายค่อนข้างใหญ่หลวงต่อความสัมพันธ์ระหว่างจีนกับสหรัฐฯ อ้างอิงจากนโยบายต่างๆที่เขาเสนอระหว่างการหาเสียง และการกระทำต่างๆนานาของเขาครั้งที่ดำรงตำแหน่งสมัยก่อน" . "สืบเนื่องจากทรัมป์ เป็นคนคาดเดาได้ยากมากๆ ผมคิดว่ามันจะเป็นเรื่องยากสำหรับจีน ที่จะบอกได้ว่ามีแผนอย่างเต็มขึ้นสำหรับรับมือเมื่อ ทรัมป์ ก้าวเข้าสู่อำนาจ นอกจากนี้แล้วมันยังขึ้นอยู่กับว่ารัฐบาลของทรัมป์จะนำนโยบายใดบ้างมาใช้" เขากล่าว . ทรัมป์ เคยเสนอรีดภาษีสินค้านำเข้าจากจีนเกินกว่า 60% และยุติสถานะของจีน ในด้านชาติที่ได้รับอนุเคราะห์สูงสุดทางการค้า(most-favoured-nation trading status) ขณะที่พวกนักวิเคราะห์มองว่าแนวโน้มของสงครามการค้าที่อาจโหมกระพืออีกรอบ อาจก่อแรงสั่นสะเทือนความเป็นผู้นำของจีน . จีน ขายสินค้าให้แก่สหรัฐฯ คิดเป็นมูลค่ากว่า 400,000 ล้านดอลลาร์ต่อปี และขายส่วนประกอบของผลิตภัณฑ์ต่างๆที่อเมริกาซื้อจากประเทศอื่นๆ คิดเป็นมูลค่าอีกหลานแสนล้านดอลลาร์เช่นกัน . "ปักกิ่งมีความกังวลโดยเฉพาะเกี่ยวกับความเป็นไปได้ของการคืนชีพสงครามการค้าภายใต้การบริหารงานของทรัมป์ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ในปัจจุบันนี้จีนกำลังเผชิญความท้าทายหนักหน่วงเกี่ยวกับปัญหาเศรษฐกิจภายในประเทศ" จ้าวกล่าว . "จีนคาดหมายเช่นกันว่า ทรัมป์ จะเร่งรัดแยกตัวห่วงโซ่อุปทาน (Decoupling) ระหว่างสหรัฐฯและจีน ความเคลื่อนไหวที่อาจคุกคามการเติบโตทางเศรษฐกิจของจีน และส่งผลกระทบทางอ้อมต่อเสถียรภาพทางสังคมและการเมืองของประเทศ" เขาระบุ . "ในการตอบโต้ มีความเป็นไปได้ว่าจีนจะยกระดับผลักดันการพึ่งพาตนเองทางเศรษฐกิจและเทคโนโนโลยีมากยิ่งขึ้น ขณะเดียวกันก็อาจรู้สึกเหมือนถึงกดดันให้ต้องยกระดับความสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจกับประเทศต่างๆอย่างเช่นรัสเซีย ให้แน่นแฟ้นกว่าเดิม" . อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9670000107153 .............. Sondhi X0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 2360 มุมมอง 1 รีวิว
4
- 0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 14 มุมมอง 0 รีวิว
- 0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 15 มุมมอง 0 รีวิว
- 0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 14 มุมมอง 0 รีวิว
- 0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 23 มุมมอง 0 รีวิว
- สำหรับสาวๆ ที่เพิ่งผ่านการทำสีผมมา
แต่ต้องการทำสีครั้งต่อไปแล้ว ไม่ว่าจะแก้สี
หรือเบื่ออยากเปลี่ยนสีใหม่
.
ยูจีแนะนำ... ควรรอให้โคนผมงอกยาวอย่างน้อย 1-2 cm หรือประมาณ 1-2 เดือน แล้วค่อยทำสีครั้งต่อไปค่ะเพราะแม้การทำสีผมจะไม่เป็นอันตราย แต่การทำเคมีกับผมบ่อยๆก็ทำให้โครงสร้างผมอ่อนแอได้ จึงไม่ควรทำติดๆ กันนะ
.
#yougee #yougee_thailand #ciaca #ciaca_thailand #treatment #color #yougee #yougee_thailand #ciaca #treatment #color #ผลิตภัณฑ์ธรรมชาติ #สูตรสีผม #ครีมเปลี่ยนสีผม #บำรุงเส้นผม #เคราตินผม #สีผมแฟชั่น #ผมสวย #บอกลาผมเสีย #สีผม #วิธีฟอกผม #เทรนด์สีผม #เซียก้าซุปเปอร์เคราติน #ฟอกผม #เปลี่ยนสีผม #ทรีทเมนท์ยูจี
#บำรุงผม #ผมสวยเงางาม #น้ำมันบำรุงผม #น้ำมันแมคาเดเมีย #macademia #ปกป้องเส้นผม #ป้องกันผมจากความร้อน
-------------------------------------------------
สนใจสอบถามเพิ่มเติมหรือสั่งซื้อผ่าน
Fb inbox : http://m.me/Yougeethailand
Shopee : https://shopee.co.th/yougee.th
Tiktok shop : https://vt.tiktok.com/ZMhf1PL41/?page=TikTokShop
Ciaca ผลิตภัณฑ์เกี่ยวกับเส้นผมจากสมุนไพรและเทคโนโลยีด้านการสกัดสารจากธรรมชาติ จากทีมนักวิจัยและเภสัชกรที่เชี่ยวชาญทางเครื่องสำอาง ดาริน แล็บบอราทอรี่ส์ มหาวิทยาลัย นเรศวร
Yougee วิจัยและพัฒนาจาก Colornow Cosmetic Limited ลิขสิทธิ์จากประเทศแคนาดา
#Yougee #ความอ่อนโยนจากธรรมชาติคืนสู่เส้นผม #บำรุงผม
🥳สำหรับสาวๆ ที่เพิ่งผ่านการทำสีผมมา แต่ต้องการทำสีครั้งต่อไปแล้ว ไม่ว่าจะแก้สี หรือเบื่ออยากเปลี่ยนสีใหม่ . 👉ยูจีแนะนำ... ควรรอให้โคนผมงอกยาวอย่างน้อย 1-2 cm หรือประมาณ 1-2 เดือน แล้วค่อยทำสีครั้งต่อไปค่ะเพราะแม้การทำสีผมจะไม่เป็นอันตราย แต่การทำเคมีกับผมบ่อยๆก็ทำให้โครงสร้างผมอ่อนแอได้ จึงไม่ควรทำติดๆ กันนะ . #yougee #yougee_thailand #ciaca #ciaca_thailand #treatment #color #yougee #yougee_thailand #ciaca #treatment #color #ผลิตภัณฑ์ธรรมชาติ #สูตรสีผม #ครีมเปลี่ยนสีผม #บำรุงเส้นผม #เคราตินผม #สีผมแฟชั่น #ผมสวย #บอกลาผมเสีย #สีผม #วิธีฟอกผม #เทรนด์สีผม #เซียก้าซุปเปอร์เคราติน #ฟอกผม #เปลี่ยนสีผม #ทรีทเมนท์ยูจี #บำรุงผม #ผมสวยเงางาม #น้ำมันบำรุงผม #น้ำมันแมคาเดเมีย #macademia #ปกป้องเส้นผม #ป้องกันผมจากความร้อน ------------------------------------------------- 🛒 สนใจสอบถามเพิ่มเติมหรือสั่งซื้อผ่าน Fb inbox : http://m.me/Yougeethailand Shopee : https://shopee.co.th/yougee.th Tiktok shop : https://vt.tiktok.com/ZMhf1PL41/?page=TikTokShop 🌿Ciaca ผลิตภัณฑ์เกี่ยวกับเส้นผมจากสมุนไพรและเทคโนโลยีด้านการสกัดสารจากธรรมชาติ จากทีมนักวิจัยและเภสัชกรที่เชี่ยวชาญทางเครื่องสำอาง ดาริน แล็บบอราทอรี่ส์ มหาวิทยาลัย นเรศวร 🌿Yougee วิจัยและพัฒนาจาก Colornow Cosmetic Limited ลิขสิทธิ์จากประเทศแคนาดา #Yougee #ความอ่อนโยนจากธรรมชาติคืนสู่เส้นผม #บำรุงผม0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 2341 มุมมอง 0 รีวิว - สำหรับสาวๆ ที่เพิ่งผ่านการทำสีผมมา
แต่ต้องการทำสีครั้งต่อไปแล้ว ไม่ว่าจะแก้สี
หรือเบื่ออยากเปลี่ยนสีใหม่
.
ยูจีแนะนำ... ควรรอให้โคนผมงอกยาวอย่างน้อย 1-2 cm หรือประมาณ 1-2 เดือน แล้วค่อยทำสีครั้งต่อไปค่ะเพราะแม้การทำสีผมจะไม่เป็นอันตราย แต่การทำเคมีกับผมบ่อยๆก็ทำให้โครงสร้างผมอ่อนแอได้ จึงไม่ควรทำติดๆ กันนะ
-------------------------------------------------
สนใจสอบถามเพิ่มเติมหรือสั่งซื้อผ่าน
Fb inbox : http://m.me/Yougeethailand
Shopee : https://shopee.co.th/yougee.th
Tiktok shop : https://vt.tiktok.com/ZMhf1PL41/?page=TikTokShop
Ciaca ผลิตภัณฑ์เกี่ยวกับเส้นผมจากสมุนไพรและเทคโนโลยีด้านการสกัดสารจากธรรมชาติ จากทีมนักวิจัยและเภสัชกรที่เชี่ยวชาญทางเครื่องสำอาง ดาริน แล็บบอราทอรี่ส์ มหาวิทยาลัย นเรศวร
Yougee วิจัยและพัฒนาจาก Colornow Cosmetic Limited ลิขสิทธิ์จากประเทศแคนาดา
#Yougee #ความอ่อนโยนจากธรรมชาติคืนสู่เส้นผม #บำรุงผม
🥳สำหรับสาวๆ ที่เพิ่งผ่านการทำสีผมมา แต่ต้องการทำสีครั้งต่อไปแล้ว ไม่ว่าจะแก้สี หรือเบื่ออยากเปลี่ยนสีใหม่ . 👉ยูจีแนะนำ... ควรรอให้โคนผมงอกยาวอย่างน้อย 1-2 cm หรือประมาณ 1-2 เดือน แล้วค่อยทำสีครั้งต่อไปค่ะเพราะแม้การทำสีผมจะไม่เป็นอันตราย แต่การทำเคมีกับผมบ่อยๆก็ทำให้โครงสร้างผมอ่อนแอได้ จึงไม่ควรทำติดๆ กันนะ ------------------------------------------------- 🛒 สนใจสอบถามเพิ่มเติมหรือสั่งซื้อผ่าน Fb inbox : http://m.me/Yougeethailand Shopee : https://shopee.co.th/yougee.th Tiktok shop : https://vt.tiktok.com/ZMhf1PL41/?page=TikTokShop 🌿Ciaca ผลิตภัณฑ์เกี่ยวกับเส้นผมจากสมุนไพรและเทคโนโลยีด้านการสกัดสารจากธรรมชาติ จากทีมนักวิจัยและเภสัชกรที่เชี่ยวชาญทางเครื่องสำอาง ดาริน แล็บบอราทอรี่ส์ มหาวิทยาลัย นเรศวร 🌿Yougee วิจัยและพัฒนาจาก Colornow Cosmetic Limited ลิขสิทธิ์จากประเทศแคนาดา #Yougee #ความอ่อนโยนจากธรรมชาติคืนสู่เส้นผม #บำรุงผม0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 1102 มุมมอง 0 รีวิว - 0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 31 มุมมอง 0 รีวิว
- 0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 93 มุมมอง 0 รีวิว1
- เบนจามิน เนทันยาฮู อ้าง “วิกฤตความไว้ใจ” สั่งปลดรัฐมนตรีกลาโหมสายเหยี่ยว โยอาฟ กัลแลนต์ ออกจากตำแหน่ง พร้อมโยกอิสราเอล แคตซ์ รัฐมนตรีต่างประเทศ รับหน้าที่หัวเรือใหญ่ในการดำเนินสงครามกาซาและเลบานอนแทน ท่ามกลางเสียงวิจารณ์ว่า นายกรัฐมนตรีอิสราเอลฝักใฝ่การเมืองมากกว่าความมั่นคงของประเทศ ขณะที่อิหร่านจ่อตอบโต้เอาคืนการโจมตีของอิสราเอลเมื่อปลายเดือนที่ผ่านมา
.
หลังจากกัลแลนต์ถูกปลดเมื่อวันอังคาร (5 พ.ย.) มีผู้ประท้วงออกไปรวมตัวปิดทางหลวงหลายสายและก่อกองไฟบนถนน รวมทั้งตะโกนต่อต้านเนทันยาฮู และเรียกร้องให้รัฐบาลช่วยเหลือตัวประกันในกาซา
.
ทั้งนี้ เนทันยาฮูและกัลแลนต์ที่ต่างเป็นสมาชิกของพรรคลิคุด ซึ่งเป็นพรรคการเมืองปีกขวา ทว่ามีความขัดแย้งกันมานานหลายเดือนเรื่องวัตถุประสงค์ของสงครามในกาซา กระนั้น จังหวะเวลาในการปลดกัลแลนต์ ก็สร้างความประหลาดใจอย่างมาก เนื่องจากเป็นวันเดียวกับที่อเมริกาที่เป็นพันธมิตรสำคัญ จัดการเลือกตั้งประธานาธิบดี
.
นอกจากนั้น ปฏิบัติการในกาซาและเลบานอนกำลังเข้าสู่เฟสใหม่ภายหลังการสามารถสังหารผู้บังคับบัญชาระดับสูงของทั้งฮามาสและฮิซบอลเลาะห์
.
เนทันยาฮูระบุว่า กัลแลนต์ออกมาแถลงสิ่งที่ขัดแย้งกับการตัดสินใจของรัฐบาลและคณะรัฐมนตรีอยู่หลายครั้ง
.
ทว่า กัลแลนต์ตอบโต้ว่า ความมั่นคงของประเทศเป็นและจะยังคงเป็นภารกิจของตัวเขาตลอดชีวิต พร้อมเรียกร้องให้รัฐบาลนำตัวประกันกลับบ้านขณะที่ยังมีชีวิตอยู่ และยืนยันว่า ผู้ชายอิสราเอลทุกคนที่อยู่ในช่วงอายุที่กำหนดจะต้องเข้ารับการเกณฑ์ทหาร
.
ตั้งแต่เดือนกันยายนที่ผ่านมา ก็มีรายงานว่า เนทันยาฮูซึ่งถูกพันธมิตรแนวร่วมปีกขวาจัดกดดันหนัก กำลังพิจารณาปลดกัลแลนต์
.
กายิล ทัลชีร์ ผู้เชี่ยวชาญการเมืองอิสราเอลของมหาวิทยาลัยฮีบรูในนครเยรูซาเลม เชื่อว่า ฟางเส้นสุดท้ายสำหรับเนทันยาฮูคือกรณีที่เมื่อไม่กี่วันมานี้กัลแลนต์ออกประกาศ 7,000 ฉบับเรียกเกณฑ์ชาวยิวที่นับถือศาสนายิวนิกายอัลตราออโธด็อกซ์ เข้ารับราชการทหารทั้งที่ได้รับการยกเว้นมาโดยตลอด สร้างความไม่พอใจอย่างยิ่งต่อสมาชิกปีกขวาจัดในรัฐบาล
.
ทางด้านแคตซ์ รัฐมนตรีกลาโหมคนใหม่ ให้คำมั่นจะนำตัวประกันอิสราเอลกลับจากกาซา รวมทั้งทำลายล้างฮามาสและฮิซบอลเลาะห์
.
ขณะดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีต่างประเทศ แคตซ์สร้างชื่อฉาวให้ตัวเองด้วยการประกาศห้ามอันโตนิโอ กูเตอร์เรส เลขาธิการสหประชาชาติ เข้าประเทศ ด้วยข้อหาว่ากูเตอร์เรสล้มเหลวไม่ได้ประณามการที่อิหร่านโจมตีอิสราเอล รวมทั้งมีการดำเนินการต่อต้านอิสราเอล นอกจากนั้นเมื่อเดือนกันยายน เขายังปฏิเสธข้อเสนอหยุดยิง 21 วันของอเมริกาและฝรั่งเศส
.
ด้าน อิตามาร์ เบน-กวีร์ รัฐมนตรีความมั่นคง ซึ่งเป็นหนึ่งในฝ่ายขวาจัดในรัฐบาล ยกย่องการตัดสินใจของเนทันยาฮู และวิจารณ์ว่า กัลแลนต์ติดกับดักความคิดที่ว่า การได้รับชัยชนะอย่างสมบูรณ์เป็นสิ่งที่เป็นไปไม่ได้
.
โจนาธาน รินโฮลด์ จากคณะรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยบาร์-อิลาน มองว่า เนทันยาฮูรู้สึกฮึกเหิม เพราะคาดว่าการปลดกัลแลนต์จะทำให้คะแนนนิยมของตนเองดีขึ้น นอกจากนั้นเขายังฉวยจังหวะที่ทุกคนกำลังสนใจกับการเลือกตั้งในอเมริกา
.
อย่างไรก็ตาม ยาอีร์ ลาปิด ผู้นำฝ่ายค้านของอิสราเอล โพสต์บนแพลตฟอร์มเอ็กซ์ว่า การปลดกัลแลนต์ในระหว่างการทำสงครามเป็นการกระทำที่บ้าคลั่ง
.
ที่กรุงวอชิงตัน โฆษกสภาความมั่นคงแห่งชาติของทำเนียบขาว ยกย่องกัลแลนต์ว่า เป็นหุ้นส่วนสำคัญ แต่ก็เสริมว่า อเมริกาจะร่วมมือกับแคตซ์ต่อไป
.
อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9670000107147
..............
Sondhi X
เบนจามิน เนทันยาฮู อ้าง “วิกฤตความไว้ใจ” สั่งปลดรัฐมนตรีกลาโหมสายเหยี่ยว โยอาฟ กัลแลนต์ ออกจากตำแหน่ง พร้อมโยกอิสราเอล แคตซ์ รัฐมนตรีต่างประเทศ รับหน้าที่หัวเรือใหญ่ในการดำเนินสงครามกาซาและเลบานอนแทน ท่ามกลางเสียงวิจารณ์ว่า นายกรัฐมนตรีอิสราเอลฝักใฝ่การเมืองมากกว่าความมั่นคงของประเทศ ขณะที่อิหร่านจ่อตอบโต้เอาคืนการโจมตีของอิสราเอลเมื่อปลายเดือนที่ผ่านมา . หลังจากกัลแลนต์ถูกปลดเมื่อวันอังคาร (5 พ.ย.) มีผู้ประท้วงออกไปรวมตัวปิดทางหลวงหลายสายและก่อกองไฟบนถนน รวมทั้งตะโกนต่อต้านเนทันยาฮู และเรียกร้องให้รัฐบาลช่วยเหลือตัวประกันในกาซา . ทั้งนี้ เนทันยาฮูและกัลแลนต์ที่ต่างเป็นสมาชิกของพรรคลิคุด ซึ่งเป็นพรรคการเมืองปีกขวา ทว่ามีความขัดแย้งกันมานานหลายเดือนเรื่องวัตถุประสงค์ของสงครามในกาซา กระนั้น จังหวะเวลาในการปลดกัลแลนต์ ก็สร้างความประหลาดใจอย่างมาก เนื่องจากเป็นวันเดียวกับที่อเมริกาที่เป็นพันธมิตรสำคัญ จัดการเลือกตั้งประธานาธิบดี . นอกจากนั้น ปฏิบัติการในกาซาและเลบานอนกำลังเข้าสู่เฟสใหม่ภายหลังการสามารถสังหารผู้บังคับบัญชาระดับสูงของทั้งฮามาสและฮิซบอลเลาะห์ . เนทันยาฮูระบุว่า กัลแลนต์ออกมาแถลงสิ่งที่ขัดแย้งกับการตัดสินใจของรัฐบาลและคณะรัฐมนตรีอยู่หลายครั้ง . ทว่า กัลแลนต์ตอบโต้ว่า ความมั่นคงของประเทศเป็นและจะยังคงเป็นภารกิจของตัวเขาตลอดชีวิต พร้อมเรียกร้องให้รัฐบาลนำตัวประกันกลับบ้านขณะที่ยังมีชีวิตอยู่ และยืนยันว่า ผู้ชายอิสราเอลทุกคนที่อยู่ในช่วงอายุที่กำหนดจะต้องเข้ารับการเกณฑ์ทหาร . ตั้งแต่เดือนกันยายนที่ผ่านมา ก็มีรายงานว่า เนทันยาฮูซึ่งถูกพันธมิตรแนวร่วมปีกขวาจัดกดดันหนัก กำลังพิจารณาปลดกัลแลนต์ . กายิล ทัลชีร์ ผู้เชี่ยวชาญการเมืองอิสราเอลของมหาวิทยาลัยฮีบรูในนครเยรูซาเลม เชื่อว่า ฟางเส้นสุดท้ายสำหรับเนทันยาฮูคือกรณีที่เมื่อไม่กี่วันมานี้กัลแลนต์ออกประกาศ 7,000 ฉบับเรียกเกณฑ์ชาวยิวที่นับถือศาสนายิวนิกายอัลตราออโธด็อกซ์ เข้ารับราชการทหารทั้งที่ได้รับการยกเว้นมาโดยตลอด สร้างความไม่พอใจอย่างยิ่งต่อสมาชิกปีกขวาจัดในรัฐบาล . ทางด้านแคตซ์ รัฐมนตรีกลาโหมคนใหม่ ให้คำมั่นจะนำตัวประกันอิสราเอลกลับจากกาซา รวมทั้งทำลายล้างฮามาสและฮิซบอลเลาะห์ . ขณะดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีต่างประเทศ แคตซ์สร้างชื่อฉาวให้ตัวเองด้วยการประกาศห้ามอันโตนิโอ กูเตอร์เรส เลขาธิการสหประชาชาติ เข้าประเทศ ด้วยข้อหาว่ากูเตอร์เรสล้มเหลวไม่ได้ประณามการที่อิหร่านโจมตีอิสราเอล รวมทั้งมีการดำเนินการต่อต้านอิสราเอล นอกจากนั้นเมื่อเดือนกันยายน เขายังปฏิเสธข้อเสนอหยุดยิง 21 วันของอเมริกาและฝรั่งเศส . ด้าน อิตามาร์ เบน-กวีร์ รัฐมนตรีความมั่นคง ซึ่งเป็นหนึ่งในฝ่ายขวาจัดในรัฐบาล ยกย่องการตัดสินใจของเนทันยาฮู และวิจารณ์ว่า กัลแลนต์ติดกับดักความคิดที่ว่า การได้รับชัยชนะอย่างสมบูรณ์เป็นสิ่งที่เป็นไปไม่ได้ . โจนาธาน รินโฮลด์ จากคณะรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยบาร์-อิลาน มองว่า เนทันยาฮูรู้สึกฮึกเหิม เพราะคาดว่าการปลดกัลแลนต์จะทำให้คะแนนนิยมของตนเองดีขึ้น นอกจากนั้นเขายังฉวยจังหวะที่ทุกคนกำลังสนใจกับการเลือกตั้งในอเมริกา . อย่างไรก็ตาม ยาอีร์ ลาปิด ผู้นำฝ่ายค้านของอิสราเอล โพสต์บนแพลตฟอร์มเอ็กซ์ว่า การปลดกัลแลนต์ในระหว่างการทำสงครามเป็นการกระทำที่บ้าคลั่ง . ที่กรุงวอชิงตัน โฆษกสภาความมั่นคงแห่งชาติของทำเนียบขาว ยกย่องกัลแลนต์ว่า เป็นหุ้นส่วนสำคัญ แต่ก็เสริมว่า อเมริกาจะร่วมมือกับแคตซ์ต่อไป . อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9670000107147 .............. Sondhi X0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 1612 มุมมอง 0 รีวิว5
- 0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 25 มุมมอง 0 รีวิว
- 0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 26 มุมมอง 0 รีวิว