• ✨รูปหล่อโบราณฐานสูง หลวงพ่อทบ วัดชนแดน เพชรบูรณ์ปีพ.ศ.2505 "เทพเจ้าแห่งลุ่มน้ำป่าสัก" ท่านเป็นพระเกจิอาจารย์ที่ชาวเมืองเพชรบูรณ์ให้ความเลื่อมใสศรัทธาเป็นอย่างมาก เป็นที่ทราบกันดีว่า วัตถุมงคลของหลวงพ่อทบมีพุทธคุณเด่นแคล้วคลาด มหาอุตม์ ตลอดจนเมตตามหานิยม
    ✨รูปหล่อโบราณฐานสูง หลวงพ่อทบ วัดชนแดน เพชรบูรณ์ปีพ.ศ.2505 "เทพเจ้าแห่งลุ่มน้ำป่าสัก" ท่านเป็นพระเกจิอาจารย์ที่ชาวเมืองเพชรบูรณ์ให้ความเลื่อมใสศรัทธาเป็นอย่างมาก เป็นที่ทราบกันดีว่า วัตถุมงคลของหลวงพ่อทบมีพุทธคุณเด่นแคล้วคลาด มหาอุตม์ ตลอดจนเมตตามหานิยม
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 386 มุมมอง 6 0 รีวิว
  • ‘ภราดร’ เผยให้เจ้าหน้าที่ตรวจสอบแล้ว ไม่มีใครขว้างกระป๋องนมในห้องประชุมสภา แต่หล่นลงมาจากด้านบน ระบุวันหมดอายุปี 2020 คาดคนงานกินทิ้งไว้ตั้งแต่ช่วงก่อสร้าง ช่วงปืดสมัยประชุมเคยขึ้นไปตรวจสอบเพื่อปรับปรุงระบบเสียง พบมีช่องที่กระป๋องหล่นลงมาได้

    วันนี้ (15 ม.ค. 68) การประชุมสภาผู้แทนราษฎร ครั้งที่ 8 (สมัยสามัญประจำปีครั้งที่สอง) ที่มีนายภราดร ปริศนานันทกุล รองประธานสภาผู้แทนราษฎร คนที่ 2 ทำหน้าที่ประธานในที่ประชุม นายวิรัช พิมพะนิตย์ สส.กาฬสินธุ์ พรรคเพื่อไทย ลุกขึ้นหารือกรณีกระป๋องนมหล่นในห้องประชุมสภาฯ เมื่อวานนี้ (14 ม.ค. 68) เพราะทำให้รู้สึกว่าสภาฯ อันทรงเกียรติไม่ปลอดภัย ภายหลังสื่อหลายสำนักลงข่าว “ใครขว้างกระป๋องนม หล่นกลางวง สส.เพื่อไทย” ตนเองไม่รู้ว่ามีคนขว้างหรือหล่นมาจากตรงไหน จากที่ดูไม่น่าจะหล่นมาจากข้างบน จึงขอให้ประธานสภาฯ ช่วยหาข้อเท็จจริง หากมีการขว้างกระป๋องนมลงมาจริงอาจจะเป็นอันตรายต่อเพื่อนสมาชิก หาก สส.หรือ สว.เป็นคนขว้าง เขาจะต้องได้รับผิด เพราะทำให้การประชุมป่วน

    “หากหล่นมาจากฟ้า ผมจะขอเป็นวัตถุมงคลนำไปปลุกเสก ด้วยความเคารพอยากให้หาข้อเท็จจริง หากเป็นแผ่นหลุดลงมา ผมว่ามันเจ็บกว่ากระป๋องนม” นายวิรัช กล่าว

    คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >>https://mgronline.com/politics/detail/9680000004357

    #MGROnline #กระป๋องนม #ห้องประชุมสภา
    ‘ภราดร’ เผยให้เจ้าหน้าที่ตรวจสอบแล้ว ไม่มีใครขว้างกระป๋องนมในห้องประชุมสภา แต่หล่นลงมาจากด้านบน ระบุวันหมดอายุปี 2020 คาดคนงานกินทิ้งไว้ตั้งแต่ช่วงก่อสร้าง ช่วงปืดสมัยประชุมเคยขึ้นไปตรวจสอบเพื่อปรับปรุงระบบเสียง พบมีช่องที่กระป๋องหล่นลงมาได้ • วันนี้ (15 ม.ค. 68) การประชุมสภาผู้แทนราษฎร ครั้งที่ 8 (สมัยสามัญประจำปีครั้งที่สอง) ที่มีนายภราดร ปริศนานันทกุล รองประธานสภาผู้แทนราษฎร คนที่ 2 ทำหน้าที่ประธานในที่ประชุม นายวิรัช พิมพะนิตย์ สส.กาฬสินธุ์ พรรคเพื่อไทย ลุกขึ้นหารือกรณีกระป๋องนมหล่นในห้องประชุมสภาฯ เมื่อวานนี้ (14 ม.ค. 68) เพราะทำให้รู้สึกว่าสภาฯ อันทรงเกียรติไม่ปลอดภัย ภายหลังสื่อหลายสำนักลงข่าว “ใครขว้างกระป๋องนม หล่นกลางวง สส.เพื่อไทย” ตนเองไม่รู้ว่ามีคนขว้างหรือหล่นมาจากตรงไหน จากที่ดูไม่น่าจะหล่นมาจากข้างบน จึงขอให้ประธานสภาฯ ช่วยหาข้อเท็จจริง หากมีการขว้างกระป๋องนมลงมาจริงอาจจะเป็นอันตรายต่อเพื่อนสมาชิก หาก สส.หรือ สว.เป็นคนขว้าง เขาจะต้องได้รับผิด เพราะทำให้การประชุมป่วน • “หากหล่นมาจากฟ้า ผมจะขอเป็นวัตถุมงคลนำไปปลุกเสก ด้วยความเคารพอยากให้หาข้อเท็จจริง หากเป็นแผ่นหลุดลงมา ผมว่ามันเจ็บกว่ากระป๋องนม” นายวิรัช กล่าว • คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >>https://mgronline.com/politics/detail/9680000004357 • #MGROnline #กระป๋องนม #ห้องประชุมสภา
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 132 มุมมอง 0 รีวิว
  • วัตถุมงคล...ถ้าเอาสิ่งที่ไม่มงคลมาผสม..แล้วมันยังใช่วัตถุมงคลอยู่ไหม? พระบ้านนอกท่านนึงที่สมถะ เขาฝากถาม.
    วัตถุมงคล...ถ้าเอาสิ่งที่ไม่มงคลมาผสม..แล้วมันยังใช่วัตถุมงคลอยู่ไหม? พระบ้านนอกท่านนึงที่สมถะ เขาฝากถาม.
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 74 มุมมอง 0 รีวิว
  • กลุ่มลูกศิษย์ท่านเยอะจริง...มองๆ วัตถุมงคลของท่านไว้บ้างนะ หลวงพ่อจรัญ วัดอัมพวัน สิงห์บุรี
    กลุ่มลูกศิษย์ท่านเยอะจริง...มองๆ วัตถุมงคลของท่านไว้บ้างนะ หลวงพ่อจรัญ วัดอัมพวัน สิงห์บุรี
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 114 มุมมอง 0 รีวิว
  • ว่านจำปาศักดิ์ ของดีจาก สปป.ลาว ประวัติผู้สร้าง ไม่แน่ชัด และมีการสร้างหลายวาระ พบเจอตามถ้ำ ใน แขวงจำปาศักดิ์ และทางภาคเหนือ และอีสาน ของไทย..บางคนว่า ฤาษีสร้าง บางคนว่า พระธุดงค์ผู้แก่กล้าสร้าง..และมีการสร้างหลายยุค ตอนพระธาตุพนมล้ม ก็มีพระว่านรวมอยู่ด้วยจำนวนหนึ่ง..ผิว มีหลายวรรณณะ ดำ แดง น้ำตาล เข้มอ่อน ศิลปะเป็นแบบล้านช้าง อายุหลายร้อยปี..ใครดูศิลปะพระบูชาออก แยกง่ายเลย..ในยุคสงครามอินโดจีน มีพระจำนวนนึงไหลเข้ามาในไทย และเหล่าทหารเอาติดตัวไปจำนวนมาก ประสบการณ์มากมาย หรือที่เรียก ทหารผีนั่นละ..นักเลงพระยุคเก่า ล้วนเอามาติดตัว แต่ด้วยความที่พระมีขนาดใหญ่ บางคนก็ไม่ค่อยใช้.เกจิดังหลุงยุค ปี 2485 ล้วนเอาพระซ่านจำปาศักดิ์ตำใส่ลงในวัตถุมงคลของท่านเอง..ก็มาก...วิธีดู ว่า ยุคไหน ก็ดูศิลปะ แบบล้านช้าง ดูความแห้ง แบบในภาพ กลายเป็นไม้ไปแล้ว..เก๊ทำไม่ได้ มันต้องผ่านกาลเวลาหลายร้อยปี..และส่วนใหญ่ บิดซ้าย แหว่งขวา คือ หาฟอร์มพระสวย แบบในภาพ ยากหน่อย.ท่านที่ยังไม่มี..และแบบพุทธคุณเชื่อขนมกันได้...ก็ควร..มี
    ว่านจำปาศักดิ์ ของดีจาก สปป.ลาว ประวัติผู้สร้าง ไม่แน่ชัด และมีการสร้างหลายวาระ พบเจอตามถ้ำ ใน แขวงจำปาศักดิ์ และทางภาคเหนือ และอีสาน ของไทย..บางคนว่า ฤาษีสร้าง บางคนว่า พระธุดงค์ผู้แก่กล้าสร้าง..และมีการสร้างหลายยุค ตอนพระธาตุพนมล้ม ก็มีพระว่านรวมอยู่ด้วยจำนวนหนึ่ง..ผิว มีหลายวรรณณะ ดำ แดง น้ำตาล เข้มอ่อน ศิลปะเป็นแบบล้านช้าง อายุหลายร้อยปี..ใครดูศิลปะพระบูชาออก แยกง่ายเลย..ในยุคสงครามอินโดจีน มีพระจำนวนนึงไหลเข้ามาในไทย และเหล่าทหารเอาติดตัวไปจำนวนมาก ประสบการณ์มากมาย หรือที่เรียก ทหารผีนั่นละ..นักเลงพระยุคเก่า ล้วนเอามาติดตัว แต่ด้วยความที่พระมีขนาดใหญ่ บางคนก็ไม่ค่อยใช้.เกจิดังหลุงยุค ปี 2485 ล้วนเอาพระซ่านจำปาศักดิ์ตำใส่ลงในวัตถุมงคลของท่านเอง..ก็มาก...วิธีดู ว่า ยุคไหน ก็ดูศิลปะ แบบล้านช้าง ดูความแห้ง แบบในภาพ กลายเป็นไม้ไปแล้ว..เก๊ทำไม่ได้ มันต้องผ่านกาลเวลาหลายร้อยปี..และส่วนใหญ่ บิดซ้าย แหว่งขวา คือ หาฟอร์มพระสวย แบบในภาพ ยากหน่อย.ท่านที่ยังไม่มี..และแบบพุทธคุณเชื่อขนมกันได้...ก็ควร..มี
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 220 มุมมอง 0 รีวิว
  • ว่านจำปาศักดิ์ ของดีจาก สปป.ลาว ประวัติผู้สร้าง ไม่แน่ชัด และมีการสร้างหลายวาระ พบเจอตามถ้ำ ใน แขวงจำปาศักดิ์ และทางภาคเหนือ และอีสาน ของไทย..บางคนว่า ฤาษีสร้าง บางคนว่า พระธุดงค์ผู้แก่กล้าสร้าง..และมีการสร้างหลายยุค ตอนพระธาตุพนมล้ม ก็มีพระว่านรวมอยู่ด้วยจำนวนหนึ่ง..ผิว มีหลายวรรณณะ ดำ แดง น้ำตาล เข้มอ่อน ศิลปะเป็นแบบล้านช้าง อายุหลายร้อยปี..ใครดูศิลปะพระบูชาออก แยกง่ายเลย..ในยุคสงครามอินโดจีน มีพระจำนวนนึงไหลเข้ามาในไทย และเหล่าทหารเอาติดตัวไปจำนวนมาก ประสบการณ์มากมาย หรือที่เรียก ทหารผีนั่นละ..นักเลงพระยุคเก่า ล้วนเอามาติดตัว แต่ด้วยความที่พระมีขนาดใหญ่ บางคนก็ไม่ค่อยใช้.เกจิดังหลุงยุค ปี 2485 ล้วนเอาพระซ่านจำปาศักดิ์ตำใส่ลงในวัตถุมงคลของท่านเอง..ก็มาก...วิธีดู ว่า ยุคไหน ก็ดูศิลปะ แบบล้านช้าง ดูความแห้ง แบบในภาพ กลายเป็นไม้ไปแล้ว..เก๊ทำไม่ได้ มันต้องผ่านกาลเวลาหลายร้อยปี..และส่วนใหญ่ บิดซ้าย แหว่งขวา คือ หาฟอร์มพระสวย แบบในภาพ ยากหน่อย.ท่านที่ยังไม่มี..และแบบพุทธคุณเชื่อขนมกันได้...ก็ควร..มี
    ว่านจำปาศักดิ์ ของดีจาก สปป.ลาว ประวัติผู้สร้าง ไม่แน่ชัด และมีการสร้างหลายวาระ พบเจอตามถ้ำ ใน แขวงจำปาศักดิ์ และทางภาคเหนือ และอีสาน ของไทย..บางคนว่า ฤาษีสร้าง บางคนว่า พระธุดงค์ผู้แก่กล้าสร้าง..และมีการสร้างหลายยุค ตอนพระธาตุพนมล้ม ก็มีพระว่านรวมอยู่ด้วยจำนวนหนึ่ง..ผิว มีหลายวรรณณะ ดำ แดง น้ำตาล เข้มอ่อน ศิลปะเป็นแบบล้านช้าง อายุหลายร้อยปี..ใครดูศิลปะพระบูชาออก แยกง่ายเลย..ในยุคสงครามอินโดจีน มีพระจำนวนนึงไหลเข้ามาในไทย และเหล่าทหารเอาติดตัวไปจำนวนมาก ประสบการณ์มากมาย หรือที่เรียก ทหารผีนั่นละ..นักเลงพระยุคเก่า ล้วนเอามาติดตัว แต่ด้วยความที่พระมีขนาดใหญ่ บางคนก็ไม่ค่อยใช้.เกจิดังหลุงยุค ปี 2485 ล้วนเอาพระซ่านจำปาศักดิ์ตำใส่ลงในวัตถุมงคลของท่านเอง..ก็มาก...วิธีดู ว่า ยุคไหน ก็ดูศิลปะ แบบล้านช้าง ดูความแห้ง แบบในภาพ กลายเป็นไม้ไปแล้ว..เก๊ทำไม่ได้ มันต้องผ่านกาลเวลาหลายร้อยปี..และส่วนใหญ่ บิดซ้าย แหว่งขวา คือ หาฟอร์มพระสวย แบบในภาพ ยากหน่อย.ท่านที่ยังไม่มี..และแบบพุทธคุณเชื่อขนมกันได้...ก็ควร..มี
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 214 มุมมอง 0 รีวิว
  • ว่านจำปาศักดิ์ ของดีจาก สปป.ลาว ประวัติผู้สร้าง ไม่แน่ชัด และมีการสร้างหลายวาระ พบเจอตามถ้ำ ใน แขวงจำปาศักดิ์ และทางภาคเหนือ และอีสาน ของไทย..บางคนว่า ฤาษีสร้าง บางคนว่า พระธุดงค์ผู้แก่กล้าสร้าง..และมีการสร้างหลายยุค ตอนพระธาตุพนมล้ม ก็มีพระว่านรวมอยู่ด้วยจำนวนหนึ่ง..ผิว มีหลายวรรณณะ ดำ แดง น้ำตาล เข้มอ่อน ศิลปะเป็นแบบล้านช้าง อายุหลายร้อยปี..ใครดูศิลปะพระบูชาออก แยกง่ายเลย..ในยุคสงครามอินโดจีน มีพระจำนวนนึงไหลเข้ามาในไทย และเหล่าทหารเอาติดตัวไปจำนวนมาก ประสบการณ์มากมาย หรือที่เรียก ทหารผีนั่นละ..นักเลงพระยุคเก่า ล้วนเอามาติดตัว แต่ด้วยความที่พระมีขนาดใหญ่ บางคนก็ไม่ค่อยใช้.เกจิดังหลุงยุค ปี 2485 ล้วนเอาพระซ่านจำปาศักดิ์ตำใส่ลงในวัตถุมงคลของท่านเอง..ก็มาก...วิธีดู ว่า ยุคไหน ก็ดูศิลปะ แบบล้านช้าง ดูความแห้ง แบบในภาพ กลายเป็นไม้ไปแล้ว..เก๊ทำไม่ได้ มันต้องผ่านกาลเวลาหลายร้อยปี..และส่วนใหญ่ บิดซ้าย แหว่งขวา คือ หาฟอร์มพระสวย แบบในภาพ ยากหน่อย.ท่านที่ยังไม่มี..และแบบพุทธคุณเชื่อขนมกันได้...ก็ควร..มี
    ว่านจำปาศักดิ์ ของดีจาก สปป.ลาว ประวัติผู้สร้าง ไม่แน่ชัด และมีการสร้างหลายวาระ พบเจอตามถ้ำ ใน แขวงจำปาศักดิ์ และทางภาคเหนือ และอีสาน ของไทย..บางคนว่า ฤาษีสร้าง บางคนว่า พระธุดงค์ผู้แก่กล้าสร้าง..และมีการสร้างหลายยุค ตอนพระธาตุพนมล้ม ก็มีพระว่านรวมอยู่ด้วยจำนวนหนึ่ง..ผิว มีหลายวรรณณะ ดำ แดง น้ำตาล เข้มอ่อน ศิลปะเป็นแบบล้านช้าง อายุหลายร้อยปี..ใครดูศิลปะพระบูชาออก แยกง่ายเลย..ในยุคสงครามอินโดจีน มีพระจำนวนนึงไหลเข้ามาในไทย และเหล่าทหารเอาติดตัวไปจำนวนมาก ประสบการณ์มากมาย หรือที่เรียก ทหารผีนั่นละ..นักเลงพระยุคเก่า ล้วนเอามาติดตัว แต่ด้วยความที่พระมีขนาดใหญ่ บางคนก็ไม่ค่อยใช้.เกจิดังหลุงยุค ปี 2485 ล้วนเอาพระซ่านจำปาศักดิ์ตำใส่ลงในวัตถุมงคลของท่านเอง..ก็มาก...วิธีดู ว่า ยุคไหน ก็ดูศิลปะ แบบล้านช้าง ดูความแห้ง แบบในภาพ กลายเป็นไม้ไปแล้ว..เก๊ทำไม่ได้ มันต้องผ่านกาลเวลาหลายร้อยปี..และส่วนใหญ่ บิดซ้าย แหว่งขวา คือ หาฟอร์มพระสวย แบบในภาพ ยากหน่อย.ท่านที่ยังไม่มี..และแบบพุทธคุณเชื่อขนมกันได้...ก็ควร..มี
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 210 มุมมอง 0 รีวิว
  • ว่านจำปาศักดิ์ ของดีจาก สปป.ลาว ประวัติผู้สร้าง ไม่แน่ชัด และมีการสร้างหลายวาระ พบเจอตามถ้ำ ใน แขวงจำปาศักดิ์ และทางภาคเหนือ และอีสาน ของไทย..บางคนว่า ฤาษีสร้าง บางคนว่า พระธุดงค์ผู้แก่กล้าสร้าง..และมีการสร้างหลายยุค ตอนพระธาตุพนมล้ม ก็มีพระว่านรวมอยู่ด้วยจำนวนหนึ่ง..ผิว มีหลายวรรณณะ ดำ แดง น้ำตาล เข้มอ่อน ศิลปะเป็นแบบล้านช้าง อายุหลายร้อยปี..ใครดูศิลปะพระบูชาออก แยกง่ายเลย..ในยุคสงครามอินโดจีน มีพระจำนวนนึงไหลเข้ามาในไทย และเหล่าทหารเอาติดตัวไปจำนวนมาก ประสบการณ์มากมาย หรือที่เรียก ทหารผีนั่นละ..นักเลงพระยุคเก่า ล้วนเอามาติดตัว แต่ด้วยความที่พระมีขนาดใหญ่ บางคนก็ไม่ค่อยใช้.เกจิดังหลุงยุค ปี 2485 ล้วนเอาพระซ่านจำปาศักดิ์ตำใส่ลงในวัตถุมงคลของท่านเอง..ก็มาก...วิธีดู ว่า ยุคไหน ก็ดูศิลปะ แบบล้านช้าง ดูความแห้ง แบบในภาพ กลายเป็นไม้ไปแล้ว..เก๊ทำไม่ได้ มันต้องผ่านกาลเวลาหลายร้อยปี..และส่วนใหญ่ บิดซ้าย แหว่งขวา คือ หาฟอร์มพระสวย แบบในภาพ ยากหน่อย.ท่านที่ยังไม่มี..และแบบพุทธคุณเชื่อขนมกันได้...ก็ควร..มี
    ว่านจำปาศักดิ์ ของดีจาก สปป.ลาว ประวัติผู้สร้าง ไม่แน่ชัด และมีการสร้างหลายวาระ พบเจอตามถ้ำ ใน แขวงจำปาศักดิ์ และทางภาคเหนือ และอีสาน ของไทย..บางคนว่า ฤาษีสร้าง บางคนว่า พระธุดงค์ผู้แก่กล้าสร้าง..และมีการสร้างหลายยุค ตอนพระธาตุพนมล้ม ก็มีพระว่านรวมอยู่ด้วยจำนวนหนึ่ง..ผิว มีหลายวรรณณะ ดำ แดง น้ำตาล เข้มอ่อน ศิลปะเป็นแบบล้านช้าง อายุหลายร้อยปี..ใครดูศิลปะพระบูชาออก แยกง่ายเลย..ในยุคสงครามอินโดจีน มีพระจำนวนนึงไหลเข้ามาในไทย และเหล่าทหารเอาติดตัวไปจำนวนมาก ประสบการณ์มากมาย หรือที่เรียก ทหารผีนั่นละ..นักเลงพระยุคเก่า ล้วนเอามาติดตัว แต่ด้วยความที่พระมีขนาดใหญ่ บางคนก็ไม่ค่อยใช้.เกจิดังหลุงยุค ปี 2485 ล้วนเอาพระซ่านจำปาศักดิ์ตำใส่ลงในวัตถุมงคลของท่านเอง..ก็มาก...วิธีดู ว่า ยุคไหน ก็ดูศิลปะ แบบล้านช้าง ดูความแห้ง แบบในภาพ กลายเป็นไม้ไปแล้ว..เก๊ทำไม่ได้ มันต้องผ่านกาลเวลาหลายร้อยปี..และส่วนใหญ่ บิดซ้าย แหว่งขวา คือ หาฟอร์มพระสวย แบบในภาพ ยากหน่อย.ท่านที่ยังไม่มี..และแบบพุทธคุณเชื่อขนมกันได้...ก็ควร..มี
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 205 มุมมอง 0 รีวิว
  • #แค่บูชาก็รวยได้เหมาะสำหรับคนขี้เกียจ# สร้างเพจ ขายวัตถุมงคล อวดอ้างพุทธคุณอยู่สุดขอบฟ้าโน่น บอกตรงๆ ว่าเห็นแล้ว ขยะแขยง..มันไม่จริงหรอก ไม่ว่าทางโลกหรือทางธรรม ...( ขี้เกียจแล้วรวย) คงมีแต่แค่ไอ้พวก ที่มันทำมาขาย นั่นละ รวย...ทฤษฎีวิธีการหาเงินมากมายทั่วโลก หรือวิธีปฏิบัติ ของคนรุ่นเก่า รวมถึง รุ่นใหม่ด้วย...ทิ้งหมดเลยหรือ...!! เพียงแค่บูชาวัตถุมงคล...ก็รวยได้ สำเร็จได้....ไอ้พวกไบ้หวยอีก..ดูสิฉันรวย ฉันมีโน่นนี่ เพราะบูชาสิ่งนี้.....โถๆ ..มั่งมีขึ้นมา เพราะการขายสิ่งนี้กระมัง...น่าจะถูกต้องกว่า..ถ้าเจอเพจ หรือ อะไรก็ตาม อวดอ้างสรรพคุณแนวนี้...แนะนำให้เลื่อนผ่าน...พุทธคุณพระเครื่องมีจริงแน่นอน...ในทางโภคทรัพย์ผู้เขียนก็เชื่อว่า มี ...แต่มันคงเป็นการส่งเสริมในด้านอื่น ที่ช่วยเรา เช่น มีคนเมตตา รักใคร่ มีกัลยาณมิตรดีๆ เข้ามา มีคนอุปถัมป์ให้โอกาส...เป็นต้น...แต่ไอ้แบบ แค่บูชา ขี้เกียจก็รวยได้ ...มัน ทุเรศจริงๆ.......
    #แค่บูชาก็รวยได้เหมาะสำหรับคนขี้เกียจ# สร้างเพจ ขายวัตถุมงคล อวดอ้างพุทธคุณอยู่สุดขอบฟ้าโน่น บอกตรงๆ ว่าเห็นแล้ว ขยะแขยง..มันไม่จริงหรอก ไม่ว่าทางโลกหรือทางธรรม ...( ขี้เกียจแล้วรวย) คงมีแต่แค่ไอ้พวก ที่มันทำมาขาย นั่นละ รวย...ทฤษฎีวิธีการหาเงินมากมายทั่วโลก หรือวิธีปฏิบัติ ของคนรุ่นเก่า รวมถึง รุ่นใหม่ด้วย...ทิ้งหมดเลยหรือ...!! เพียงแค่บูชาวัตถุมงคล...ก็รวยได้ สำเร็จได้....ไอ้พวกไบ้หวยอีก..ดูสิฉันรวย ฉันมีโน่นนี่ เพราะบูชาสิ่งนี้.....โถๆ ..มั่งมีขึ้นมา เพราะการขายสิ่งนี้กระมัง...น่าจะถูกต้องกว่า..ถ้าเจอเพจ หรือ อะไรก็ตาม อวดอ้างสรรพคุณแนวนี้...แนะนำให้เลื่อนผ่าน...พุทธคุณพระเครื่องมีจริงแน่นอน...ในทางโภคทรัพย์ผู้เขียนก็เชื่อว่า มี ...แต่มันคงเป็นการส่งเสริมในด้านอื่น ที่ช่วยเรา เช่น มีคนเมตตา รักใคร่ มีกัลยาณมิตรดีๆ เข้ามา มีคนอุปถัมป์ให้โอกาส...เป็นต้น...แต่ไอ้แบบ แค่บูชา ขี้เกียจก็รวยได้ ...มัน ทุเรศจริงๆ.......
    Love
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 314 มุมมอง 0 รีวิว
  • #แค่บูชาก็รวยได้เหมาะสำหรับคนขี้เกียจ# สร้างเพจ ขายวัตถุมงคล อวดอ้างพุทธคุณอยู่สุดขอบฟ้าโน่น บอกตรงๆ ว่าเห็นแล้ว ขยะแขยง..มันไม่จริงหรอก ไม่ว่าทางโลกหรือทางธรรม ...( ขี้เกียจแล้วรวย) คงมีแต่แค่ไอ้พวก ที่มันทำมาขาย นั่นละ รวย...ทฤษฎีวิธีการหาเงินมากมายทั่วโลก หรือวิธีปฏิบัติ ของคนรุ่นเก่า รวมถึง รุ่นใหม่ด้วย...ทิ้งหมดเลยหรือ...!! เพียงแค่บูชาวัตถุมงคล...ก็รวยได้ สำเร็จได้....ไอ้พวกไบ้หวยอีก..ดูสิฉันรวย ฉันมีโน่นนี่ เพราะบูชาสิ่งนี้.....โถๆ ..มั่งมีขึ้นมา เพราะการขายสิ่งนี้กระมัง...น่าจะถูกต้องกว่า..ถ้าเจอเพจ หรือ อะไรก็ตาม อวดอ้างสรรพคุณแนวนี้...แนะนำให้เลื่อนผ่าน...พุทธคุณพระเครื่องมีจริงแน่นอน...ในทางโภคทรัพย์ผู้เขียนก็เชื่อว่า มี ...แต่มันคงเป็นการส่งเสริมในด้านอื่น ที่ช่วยเรา เช่น มีคนเมตตา รักใคร่ มีกัลยาณมิตรดีๆ เข้ามา มีคนอุปถัมป์ให้โอกาส...เป็นต้น...แต่ไอ้แบบ แค่บูชา ขี้เกียจก็รวยได้ ...มัน ทุเรศจริงๆ.......
    #แค่บูชาก็รวยได้เหมาะสำหรับคนขี้เกียจ# สร้างเพจ ขายวัตถุมงคล อวดอ้างพุทธคุณอยู่สุดขอบฟ้าโน่น บอกตรงๆ ว่าเห็นแล้ว ขยะแขยง..มันไม่จริงหรอก ไม่ว่าทางโลกหรือทางธรรม ...( ขี้เกียจแล้วรวย) คงมีแต่แค่ไอ้พวก ที่มันทำมาขาย นั่นละ รวย...ทฤษฎีวิธีการหาเงินมากมายทั่วโลก หรือวิธีปฏิบัติ ของคนรุ่นเก่า รวมถึง รุ่นใหม่ด้วย...ทิ้งหมดเลยหรือ...!! เพียงแค่บูชาวัตถุมงคล...ก็รวยได้ สำเร็จได้....ไอ้พวกไบ้หวยอีก..ดูสิฉันรวย ฉันมีโน่นนี่ เพราะบูชาสิ่งนี้.....โถๆ ..มั่งมีขึ้นมา เพราะการขายสิ่งนี้กระมัง...น่าจะถูกต้องกว่า..ถ้าเจอเพจ หรือ อะไรก็ตาม อวดอ้างสรรพคุณแนวนี้...แนะนำให้เลื่อนผ่าน...พุทธคุณพระเครื่องมีจริงแน่นอน...ในทางโภคทรัพย์ผู้เขียนก็เชื่อว่า มี ...แต่มันคงเป็นการส่งเสริมในด้านอื่น ที่ช่วยเรา เช่น มีคนเมตตา รักใคร่ มีกัลยาณมิตรดีๆ เข้ามา มีคนอุปถัมป์ให้โอกาส...เป็นต้น...แต่ไอ้แบบ แค่บูชา ขี้เกียจก็รวยได้ ...มัน ทุเรศจริงๆ.......
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 304 มุมมอง 0 รีวิว
  • ลองยิงวัตถุมงคล คุณลุงผู้เขียนเบ่าให้ฟังว่า สมัยย้อนหลังไป 50 ปี ..คือ เสกเสร็จได้รับปุ๊ป ลองยิงกันหลังวัดนั่นเลย...มีทั้งแบบ ออก ไม่ออก และออก แต่ไม่โดน แม้จะยิงระยะ แค่ 2 ฟุต. นัยว่าดีทาง แคล้วคลาด..และการลองยิงก็มีต่อเนื่องมาตลอด..แต่ส่วนใหญ่ กระจาย...ทีนี้ พอมีรูปแบบธุรกิจมามากเข้า...กลุ่มสายตรงเขาเสียหาย..วิธีนี้เลยค่อยหายไป...น้าชายผู้เขียน เคยโดนยิง 3 นัด ไม่เข้า 2 เป็นรอยไหม้ เสื้อขาด ที่ลำตัว และเข้า 1 นัด ที่ขา...ห้อยองค์เดียวเลย หลวงพ่อแดง วัดทุ่งคอก สุพรรณบุรี..อ๋อ ย้อนนิด ที่จ่อยิงแล้วไม่โดน คือ เหรียญหลวงปู่สีมั่น วัดห้วยลาด สงขลา ปี 09 เป็นพระเข้าทรงแบบหลวงปู่ทวด คณะลุงของผู้เขียนเป็นผู้ลองด้วยตนเอง.เพราะอยู่ร่วมพิธี.ด้วย.มีเรื่องเบ่าเยอะเลย พุทธคุณ ประสบการณ์ ...แต่เรื่องที่ฟังต่อๆกันมา โดยนิสัยส่วนตัว ไม่ค่อยนำข้อมูลนั้นมาถ่ายทอดต่อ เพราะไม่รู้ว่า มันคือ การตลาดไหม ต้องเอาแบบจากคนที่ประสบมาจริงๆ ...
    ลองยิงวัตถุมงคล คุณลุงผู้เขียนเบ่าให้ฟังว่า สมัยย้อนหลังไป 50 ปี ..คือ เสกเสร็จได้รับปุ๊ป ลองยิงกันหลังวัดนั่นเลย...มีทั้งแบบ ออก ไม่ออก และออก แต่ไม่โดน แม้จะยิงระยะ แค่ 2 ฟุต. นัยว่าดีทาง แคล้วคลาด..และการลองยิงก็มีต่อเนื่องมาตลอด..แต่ส่วนใหญ่ กระจาย...ทีนี้ พอมีรูปแบบธุรกิจมามากเข้า...กลุ่มสายตรงเขาเสียหาย..วิธีนี้เลยค่อยหายไป...น้าชายผู้เขียน เคยโดนยิง 3 นัด ไม่เข้า 2 เป็นรอยไหม้ เสื้อขาด ที่ลำตัว และเข้า 1 นัด ที่ขา...ห้อยองค์เดียวเลย หลวงพ่อแดง วัดทุ่งคอก สุพรรณบุรี..อ๋อ ย้อนนิด ที่จ่อยิงแล้วไม่โดน คือ เหรียญหลวงปู่สีมั่น วัดห้วยลาด สงขลา ปี 09 เป็นพระเข้าทรงแบบหลวงปู่ทวด คณะลุงของผู้เขียนเป็นผู้ลองด้วยตนเอง.เพราะอยู่ร่วมพิธี.ด้วย.มีเรื่องเบ่าเยอะเลย พุทธคุณ ประสบการณ์ ...แต่เรื่องที่ฟังต่อๆกันมา โดยนิสัยส่วนตัว ไม่ค่อยนำข้อมูลนั้นมาถ่ายทอดต่อ เพราะไม่รู้ว่า มันคือ การตลาดไหม ต้องเอาแบบจากคนที่ประสบมาจริงๆ ...
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 362 มุมมอง 0 รีวิว
  • พระนเรศวร หลวงพ่อจรัญ วัดอัมพวัน สิงห์บุรี เป็นอีกท่านที่กราบได้สนิทใจ ท่านเป็นสายปฏิบัติ วัตถุมงคลของท่านไปทาง บุญยฤทธิ์ ไม่ใช่แนว อิทธิฤทธิ์ ตีฟันแทงยิงไม่เข้า ..คนเลยไม่ค่อยกล่าวถึง..อนุมานได้ว่า วัตถุมงคลของท่าน ไปทาง เมตตา ร่มเย็น แคล้วคลาด แบบของหลวงปู่โต๊ะ..วัตถุมงคลรุ่น ท่านประมวล รุจนเสรี เป็นผู้สร้างสมัยเป็น อธิบดีกรมการปกครอง..ปลุกเสก 2 วาระ วาระแรก สมเด็จพระสังฆราชญาณสังวร และมาปลุกเสกรอบ 2 ที่วัดอัมพวัน สิงห์บุรี..แต่นับเป็นวัตถุมงคลของหลวงพ่อจรัญ.อีกรุ่นนึง เพราะส่วนนึงได้ให้ท่านไว้ เอาไปแจก ผู้คนก็ได้รับจากท่านมากมาย...และมีประสบการณ์ด้วย......หาอ่านใน google ค้นหาคำว่า เหรียญพระนเรศวรหลวงพ่อจรัญ..เป็นที่น่าเสียดาย มีคนเล่าให้ผู้เขียนฟังหลายครั้ง ว่า กลุ่มสายตรงในเฟส มีการกีดกันคนขายขาจร โพสไปก็ไม่ค่อยอนุมัติ จะขายแต่ของคนพวกเขา กลุ่มเขา ออกตัวก่อนฟังเขาเล่ามา จริงเท็จไม่ยืนยันข้อมูล.. .
    พระนเรศวร หลวงพ่อจรัญ วัดอัมพวัน สิงห์บุรี เป็นอีกท่านที่กราบได้สนิทใจ ท่านเป็นสายปฏิบัติ วัตถุมงคลของท่านไปทาง บุญยฤทธิ์ ไม่ใช่แนว อิทธิฤทธิ์ ตีฟันแทงยิงไม่เข้า ..คนเลยไม่ค่อยกล่าวถึง..อนุมานได้ว่า วัตถุมงคลของท่าน ไปทาง เมตตา ร่มเย็น แคล้วคลาด แบบของหลวงปู่โต๊ะ..วัตถุมงคลรุ่น ท่านประมวล รุจนเสรี เป็นผู้สร้างสมัยเป็น อธิบดีกรมการปกครอง..ปลุกเสก 2 วาระ วาระแรก สมเด็จพระสังฆราชญาณสังวร และมาปลุกเสกรอบ 2 ที่วัดอัมพวัน สิงห์บุรี..แต่นับเป็นวัตถุมงคลของหลวงพ่อจรัญ.อีกรุ่นนึง เพราะส่วนนึงได้ให้ท่านไว้ เอาไปแจก ผู้คนก็ได้รับจากท่านมากมาย...และมีประสบการณ์ด้วย......หาอ่านใน google ค้นหาคำว่า เหรียญพระนเรศวรหลวงพ่อจรัญ..เป็นที่น่าเสียดาย มีคนเล่าให้ผู้เขียนฟังหลายครั้ง ว่า กลุ่มสายตรงในเฟส มีการกีดกันคนขายขาจร โพสไปก็ไม่ค่อยอนุมัติ จะขายแต่ของคนพวกเขา กลุ่มเขา ออกตัวก่อนฟังเขาเล่ามา จริงเท็จไม่ยืนยันข้อมูล.. .
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 415 มุมมอง 0 รีวิว
  • เหรียญบาตรน้ำมนต์ หลวงปู่ชอบ ฐานสโม ปี2536 มีเรื่องเล่าจากลูกศิษย์ว่า เมื่อครั้งรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาลวังสะพุง หลังจากที่ท่านหยอกล้อกับหมอและพยาบาลว่าขอกลับวัดไปพักฟื้น เพราะอยู่ที่โรงพยาบาลมีผีมาขอส่วนบุญเยอะ จนหมอและพยาบาลเกิดอาการขนหัวลุก ร้องขอวัตถุมงคลจากท่าน ท่านจึงให้เอาเหรียญบาตรน้ำมนต์มาแจกเพื่อติดตัวกันผีกัน
    เหรียญบาตรน้ำมนต์ หลวงปู่ชอบ ฐานสโม ปี2536 มีเรื่องเล่าจากลูกศิษย์ว่า เมื่อครั้งรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาลวังสะพุง หลังจากที่ท่านหยอกล้อกับหมอและพยาบาลว่าขอกลับวัดไปพักฟื้น เพราะอยู่ที่โรงพยาบาลมีผีมาขอส่วนบุญเยอะ จนหมอและพยาบาลเกิดอาการขนหัวลุก ร้องขอวัตถุมงคลจากท่าน ท่านจึงให้เอาเหรียญบาตรน้ำมนต์มาแจกเพื่อติดตัวกันผีกัน
    1 ความคิดเห็น 1 การแบ่งปัน 934 มุมมอง 38 0 รีวิว
  • คนจีน (บางส่วน) มีความเชื่อว่า ถ้าเกจิอาจารย์ที่ยังมีชีวิตอยู่พลังจิตของท่าน จะเขื่อมต่อกับวัตถุมงคลของท่านได้...ถ้าท่านใด ยังไม่มีพระในดวงใจ ที่ปฏิบัติดี ก็แนะนำครับ
    คนจีน (บางส่วน) มีความเชื่อว่า ถ้าเกจิอาจารย์ที่ยังมีชีวิตอยู่พลังจิตของท่าน จะเขื่อมต่อกับวัตถุมงคลของท่านได้...ถ้าท่านใด ยังไม่มีพระในดวงใจ ที่ปฏิบัติดี ก็แนะนำครับ
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 205 มุมมอง 0 รีวิว
  • ✨พระผงรูปเหมือนหลวงตามหาบัว ญาณสัมปันโน วัดป่าบ้านตาด อุดรธานี พิมพ์ยืน ด้านหลังมีเกศา และ จีวรของหลวงตา

    หลวงตามหาบัว เป็นศิษย์องค์สำคัญในพระอาจารย์มั่น ภูริทัตโต

    คุณอุดมศิลป์ ลูกศิษย์หลวงตามหาบัว ได้นำมาให้คุณสนธิ ลิ้มทองกุล ซึ่งก็เป็นลูกศิษย์ของหลวงตาเช่นกัน

    คุณอุดมศิลป์ เล่าว่า เมื่อครั้งที่ไปอินเดียได้เก็บรวบรวมดินจากสถานที่สำคัญที่เกี่ยวข้องกับองค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้า เช่น พุทธคยา ค้นศรีมหาโพธิ์ ฯลฯ

    หลังจากกลับมาไทยได้นำเอาดินเหล่านี้ไปไว้ที่วัดอโศการามของท่านพ่อลี ปรากฎว่า ดินที่รวบรวมมานั้นเปลี่ยนเป็นสีเขียวสวยมากจึงนำมาเป็นมวลสารจัดสร้างวัตถุมงคลเป็นพระผงรูปเหมือนหลวงตามหาบัวพิมพ์ยืนและนั่งสมาธิ เมื่อสร้างเสร็จแล้วนำมาขอให้หลวงตามหาบัวอฐิษฐานจิตปลุกเสก ซึ่งหลวงตาเมตตาอฐิษฐานนานถึง20นาที

    ต่อมาคุณอุดมศิลป์ได้นำพระบางส่วนถวายหลวงปู่ลี กุสลธโร วัดภูผาแดง หนองวัวซอ อุดรธานีศิษย์ของหลวงตามหาบัว ซึ่งท่านพอได้รับก็เก็บรักษาพระรุ่นนี้เอาไว้ในกุฏิของท่านอย่างดี ไม่ได้นำมาแจกจ่ายให้ใครเลย

    จนกระทั่งนานแค่ไหนไม่มีใครทราบ หลวงปู่ลีได้นำออกมามอบให้ลูกศิษย์คนหนึ่ง ซึ่งพอได้รับพระรุ่นนี้อาราธนาขึ้นคอก็ปรากฎเกิดเรื่องราวปาฎิหารย์โดยไม่คาดคิด ฟันแทงไม่เข้า หลังจากลูกศิษย์รายนี้ถูกชาย3คนที่ใช้มีดดาบเป็นอาวุธฟันแทงไม่เข้า และ สามารถแย่งอาวุธมาได้อีกต่างหากโดยเจ้าตัวไม่เป็นอันตรายแม้แต่น้อย

    ความสวยงามของพุทธศิลป์องค์นี้จะเห็นผิวพระมีคราบสีของดินที่ขึ้นเองตามธรรมชาติตรงจีวรของหลวงตาซึ่งแตกต่างจากพระองค์อื่นๆในรุ่นนี้



    ✨พระผงรูปเหมือนหลวงตามหาบัว ญาณสัมปันโน วัดป่าบ้านตาด อุดรธานี พิมพ์ยืน ด้านหลังมีเกศา และ จีวรของหลวงตา หลวงตามหาบัว เป็นศิษย์องค์สำคัญในพระอาจารย์มั่น ภูริทัตโต คุณอุดมศิลป์ ลูกศิษย์หลวงตามหาบัว ได้นำมาให้คุณสนธิ ลิ้มทองกุล ซึ่งก็เป็นลูกศิษย์ของหลวงตาเช่นกัน คุณอุดมศิลป์ เล่าว่า เมื่อครั้งที่ไปอินเดียได้เก็บรวบรวมดินจากสถานที่สำคัญที่เกี่ยวข้องกับองค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้า เช่น พุทธคยา ค้นศรีมหาโพธิ์ ฯลฯ หลังจากกลับมาไทยได้นำเอาดินเหล่านี้ไปไว้ที่วัดอโศการามของท่านพ่อลี ปรากฎว่า ดินที่รวบรวมมานั้นเปลี่ยนเป็นสีเขียวสวยมากจึงนำมาเป็นมวลสารจัดสร้างวัตถุมงคลเป็นพระผงรูปเหมือนหลวงตามหาบัวพิมพ์ยืนและนั่งสมาธิ เมื่อสร้างเสร็จแล้วนำมาขอให้หลวงตามหาบัวอฐิษฐานจิตปลุกเสก ซึ่งหลวงตาเมตตาอฐิษฐานนานถึง20นาที ต่อมาคุณอุดมศิลป์ได้นำพระบางส่วนถวายหลวงปู่ลี กุสลธโร วัดภูผาแดง หนองวัวซอ อุดรธานีศิษย์ของหลวงตามหาบัว ซึ่งท่านพอได้รับก็เก็บรักษาพระรุ่นนี้เอาไว้ในกุฏิของท่านอย่างดี ไม่ได้นำมาแจกจ่ายให้ใครเลย จนกระทั่งนานแค่ไหนไม่มีใครทราบ หลวงปู่ลีได้นำออกมามอบให้ลูกศิษย์คนหนึ่ง ซึ่งพอได้รับพระรุ่นนี้อาราธนาขึ้นคอก็ปรากฎเกิดเรื่องราวปาฎิหารย์โดยไม่คาดคิด ฟันแทงไม่เข้า หลังจากลูกศิษย์รายนี้ถูกชาย3คนที่ใช้มีดดาบเป็นอาวุธฟันแทงไม่เข้า และ สามารถแย่งอาวุธมาได้อีกต่างหากโดยเจ้าตัวไม่เป็นอันตรายแม้แต่น้อย ความสวยงามของพุทธศิลป์องค์นี้จะเห็นผิวพระมีคราบสีของดินที่ขึ้นเองตามธรรมชาติตรงจีวรของหลวงตาซึ่งแตกต่างจากพระองค์อื่นๆในรุ่นนี้
    Like
    Love
    2
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 502 มุมมอง 0 รีวิว
  • เห็นสิ่งนึง...ผม "คลื่นไส้" มากกว่าเห็นคนขายพระเก๊อีก....พระเก๊ ทำให้เซียนมีคุณค่าขึ้นมา...ถ้าไม่มีของเก๊ จะมีเซียนไปทำไม?
    ... หลายคนต้นทุนทางสังคมน้อยกว่าเขา ความรู้ ทุนทรัพย์ ขายกำไร วันต่อวัน 2_300 หาเลี้ยงครอบครัว ...ผมเข้าใจ และรับได้....ถ้าขายของเก๊ในราคาวัดใจ ...ถ้าแบบขายของเก๊แล้วรับประกันสิ..น่าด่า...
    ...กลับมาสิ่งที่ "คลื่นไส้" มากที่สุด...คือ สร้างเพจ ..รับการสนับสนุน (เสียเงินบูสเพจ) ...ขายพระใหม่ พระแท้ ออกวัด ที่เพิ่งสร้างไม่นาน.....แต่ live อวดสรรพคุณ อยู่ปลายฟ้าโน่น.....บวกราคาไป จากออกวัด 300 ขาย 699 ยัน พันกว่าบาท.....สร้างนิทาน เรื่องราว อิทธิปาฏิหาริย์สารพัด...ทำนอง แค่มีติดตัว ขี้เกียจ...ก็รวยได้ (อันนี้เข้าขั้นทุเรศ) ......บางเพจ สร้างเอง เสกเอง มีไปขอถ่ายรูปกับเกจิดังๆมาประกอบทำโฆษณา....ทุนเหรียญละ ปั๊ม20_30 ขาย 6-700 .....ไม่ต้องจัดพิธีบวงสรวงใดๆ บางคนอ้างว่า เข้า 10 พิธี 100 พิธี...ใครจะรู้....บางคนเข้าพิธีจริง...คือ แอบเอาลังไปวาง...ในพิธี..มีทั้งขออนุญาตและไม่ขอ....จนเสร็จพิธี...ตามหาเจ้าของลังไม่เจอ...ก็มีกันบ่อยๆ......
    ...เจ้าพ่อเจ้าแม่ ไบ้หวย (บางคน) ก็สร้างความร่ำรวย ด้วยแนวทางนี้ ...คือ ขายวัตถุมงคล...และมาในแนวเดียวกัน...คือ พุทธคุณ อยู่ปลายฟ้าโน่น.....
    เห็นสิ่งนึง...ผม "คลื่นไส้" มากกว่าเห็นคนขายพระเก๊อีก....พระเก๊ ทำให้เซียนมีคุณค่าขึ้นมา...ถ้าไม่มีของเก๊ จะมีเซียนไปทำไม? ... หลายคนต้นทุนทางสังคมน้อยกว่าเขา ความรู้ ทุนทรัพย์ ขายกำไร วันต่อวัน 2_300 หาเลี้ยงครอบครัว ...ผมเข้าใจ และรับได้....ถ้าขายของเก๊ในราคาวัดใจ ...ถ้าแบบขายของเก๊แล้วรับประกันสิ..น่าด่า... ...กลับมาสิ่งที่ "คลื่นไส้" มากที่สุด...คือ สร้างเพจ ..รับการสนับสนุน (เสียเงินบูสเพจ) ...ขายพระใหม่ พระแท้ ออกวัด ที่เพิ่งสร้างไม่นาน.....แต่ live อวดสรรพคุณ อยู่ปลายฟ้าโน่น.....บวกราคาไป จากออกวัด 300 ขาย 699 ยัน พันกว่าบาท.....สร้างนิทาน เรื่องราว อิทธิปาฏิหาริย์สารพัด...ทำนอง แค่มีติดตัว ขี้เกียจ...ก็รวยได้ (อันนี้เข้าขั้นทุเรศ) ......บางเพจ สร้างเอง เสกเอง มีไปขอถ่ายรูปกับเกจิดังๆมาประกอบทำโฆษณา....ทุนเหรียญละ ปั๊ม20_30 ขาย 6-700 .....ไม่ต้องจัดพิธีบวงสรวงใดๆ บางคนอ้างว่า เข้า 10 พิธี 100 พิธี...ใครจะรู้....บางคนเข้าพิธีจริง...คือ แอบเอาลังไปวาง...ในพิธี..มีทั้งขออนุญาตและไม่ขอ....จนเสร็จพิธี...ตามหาเจ้าของลังไม่เจอ...ก็มีกันบ่อยๆ...... ...เจ้าพ่อเจ้าแม่ ไบ้หวย (บางคน) ก็สร้างความร่ำรวย ด้วยแนวทางนี้ ...คือ ขายวัตถุมงคล...และมาในแนวเดียวกัน...คือ พุทธคุณ อยู่ปลายฟ้าโน่น.....
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 288 มุมมอง 0 รีวิว
  • สวัสดีครับ

    ผม "อู๋" สุวิชชา ขอเปิด "ห้องพระ" ยินดีต้อนรับทุกท่านครับ

    การเปิดเพจ"ห้องพระ"ขึ้นมาใน"Thaitime" ผมได้แรงบันดาลใจและการสนับสนุนจากคุณสนธิ ลิ้มทองกุล ผู้ซึ่งเป็นทั้งอาจารย์และเจ้านาย ผู้มีธรรมนำหน้าและมีองค์ความรู้เกี่ยวกับพระอริยสงฆ์ พ่อแม่ครูบาอาจารย์ โดยเฉพาะ"พระสายกรรมฐาน" หรือ พระป่า สายพระอาจารย์มั่น ภูริทัตโต อย่างลึกซึ้ง

    ผมรู้สึกทึ่งที่คุณสนธิจดจำธรรมคำสอน ปฎิปทา และ ชื่อฉายาของพ่อแม่ครูบาอาจารย์ได้แม่นจำมาก ทุกครั้งที่คุณสนธิเมตตาให้พระเครื่องผมมาแล้วบอกเล่าด้วยความเลื่อมใสศรัทธายิ่งทำใหรู้สึกตัวเองมีความรู้น้อยนิดมา มาก

    ผมจึงบอกกับตัวเองว่าผมจะต้องเรียนรู้เรื่องพระเครื่องให้รู้เรื่องบ้าง เพื่อจะได้คุยและซักถามคุณสนธิได้สักนิดหน่อยก็ยังดี

    ตลอด3ปีที่ผ่านมานี้ผมจึงชอบที่จะเรียนรู้และศึกษารวมไปถึงมีโอกาสสะสมพระเครื่องอยู่บ้างครับ

    ห้องพระห้องนี้จะเป็นห้องของทุกคน สามารถเข้ามาได้เสมอครับ จะด้วยวัตถุประสงค์ใด เข้ามาพูดคุยกัน ศึกษาเรียนรู้พระเครื่อง หรือ วัตถุมงคล เครื่องรางของขลัง แลกเปลี่ยนประสบการณ์ แบ่งปัน บูชา รวมไปถึงการเปิดประมูลไปด้วยกันนะครับ

    แล้วเจอกันทุกๆวันครับ
    สวัสดีครับ ผม "อู๋" สุวิชชา ขอเปิด "ห้องพระ" ยินดีต้อนรับทุกท่านครับ การเปิดเพจ"ห้องพระ"ขึ้นมาใน"Thaitime" ผมได้แรงบันดาลใจและการสนับสนุนจากคุณสนธิ ลิ้มทองกุล ผู้ซึ่งเป็นทั้งอาจารย์และเจ้านาย ผู้มีธรรมนำหน้าและมีองค์ความรู้เกี่ยวกับพระอริยสงฆ์ พ่อแม่ครูบาอาจารย์ โดยเฉพาะ"พระสายกรรมฐาน" หรือ พระป่า สายพระอาจารย์มั่น ภูริทัตโต อย่างลึกซึ้ง ผมรู้สึกทึ่งที่คุณสนธิจดจำธรรมคำสอน ปฎิปทา และ ชื่อฉายาของพ่อแม่ครูบาอาจารย์ได้แม่นจำมาก ทุกครั้งที่คุณสนธิเมตตาให้พระเครื่องผมมาแล้วบอกเล่าด้วยความเลื่อมใสศรัทธายิ่งทำใหรู้สึกตัวเองมีความรู้น้อยนิดมา มาก ผมจึงบอกกับตัวเองว่าผมจะต้องเรียนรู้เรื่องพระเครื่องให้รู้เรื่องบ้าง เพื่อจะได้คุยและซักถามคุณสนธิได้สักนิดหน่อยก็ยังดี ตลอด3ปีที่ผ่านมานี้ผมจึงชอบที่จะเรียนรู้และศึกษารวมไปถึงมีโอกาสสะสมพระเครื่องอยู่บ้างครับ ห้องพระห้องนี้จะเป็นห้องของทุกคน สามารถเข้ามาได้เสมอครับ จะด้วยวัตถุประสงค์ใด เข้ามาพูดคุยกัน ศึกษาเรียนรู้พระเครื่อง หรือ วัตถุมงคล เครื่องรางของขลัง แลกเปลี่ยนประสบการณ์ แบ่งปัน บูชา รวมไปถึงการเปิดประมูลไปด้วยกันนะครับ แล้วเจอกันทุกๆวันครับ
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 772 มุมมอง 0 รีวิว
  • แจ้งจับหมอดูฮวงจุ้ย หลังยายวัย 77 ปี ถูกหมอดูฮวงจุ้ยหลอกทำพิธี สูญ 66 ล้าน ทั้งโรยผงกระดูกผี แก้คุณไสย ลั่น หลงคำพูดจา ลั่น “ทำกับคนแก่ได้อย่างไร เงินที่เอาไปหมดจนเกลี้ยงบัญชี“

    วันนี้ (4 พ.ย.) เพจ “บิ๊กเกรียน” ได้โพสต์ภาพเหตุการณ์ที่คุณยายวัย 77 ปี ท่านหนึ่ง ถูกหลอก ดูฮวงจุ้ย และ ค่าเช่าวัตถุมงคล รวมทั้งค่าทำพิธีเป็นเงินสูงถึง 66 ล้าน โดยโพสต์ระบุว่า หมอดูฮวงจุ้ยช่องดังป้ายยาคุณยายกับลูกสาวรวม66ล้านบาทเกลี้ยงบัญชี โดยคุณยายวัย 77 ปีเห็น หมอดู ฮวงจุ้ย ในทีวีดิจิทัล ช่องดัง หลงเชื่อ เลยติดต่อให้มาดูฮวงจุ้ย ที่บ้าน เมื่อเดือน กุมภาพันธ์ 2567 แค่เรียกมาดูแต่คุณยายกับลูกสาวเหมือนถูกป้ายยา โดนค่าต่างๆ เพื่อใช้ ดูฮวงจุ้ย และ ค่า วัตถุมงคล ค่าทำพิธี ครั้งแรกรวมแล้ว 1.3 ล้านบาท

    จากนั้น จ่ายยิบจ่ายย่อย หมอดูฮวงจุ้ย อ้างเป็นค่า ค่าทำพิธี 9 แสน ค่าภาษีอากร นำเข้า 6 แสน ค่าพระผงกระดูกผี 4.4 ล้าน ค่านิมนต์ ค่าพระทำพิธี 6 หมื่น ค่าพิธีล่มศาล 2 ล้าน ค่าซื้อที่ดิน สุสาน 4 แสน ค่าสิงห์ 2 ตัว 1.2 ล้าน โดยที่แพงสุด ค่าหินแกะสลักศักดิ์ นำเข้าจากเมื่องจีน 38 ล้านบาท แต่ไม่เห็นของ ซึ่งตลอดเดือนกุมภาพันธ์ถึงตุลาคม ยอมรวม จ่ายไป 66 ล้านบาท

    โดยคุณยาย เผยว่ามาทุกครั้ง ต้องโอนเงินจ่ายทุกครั้ง อ้างต้องปรับเปลี่ยน ฮวงจุ้ย แก้ คุณไสย ทำพิธีต่างๆ พอทวงถาม ว่าพิธีจะเริ่มเมื่อไร ของเซ่นไหว้ วัตถุ มงคลที่สั่งไปจะมาวันไหน กลับสร้างความไม่พอใจ ให้หมอดูฮวงจุ้นช่องดัง เกิดอารมณ์ เกรี้ยวกราด จึงรู้ว่า โดนหลอกแล้ว

    คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >>
    https://mgronline.com/onlinesection/detail/9670000106138

    #MGROnline #ตี่ลี่ฮวงจุ้ย #หมอดูฮวงจุ้ย
    แจ้งจับหมอดูฮวงจุ้ย หลังยายวัย 77 ปี ถูกหมอดูฮวงจุ้ยหลอกทำพิธี สูญ 66 ล้าน ทั้งโรยผงกระดูกผี แก้คุณไสย ลั่น หลงคำพูดจา ลั่น “ทำกับคนแก่ได้อย่างไร เงินที่เอาไปหมดจนเกลี้ยงบัญชี“ • วันนี้ (4 พ.ย.) เพจ “บิ๊กเกรียน” ได้โพสต์ภาพเหตุการณ์ที่คุณยายวัย 77 ปี ท่านหนึ่ง ถูกหลอก ดูฮวงจุ้ย และ ค่าเช่าวัตถุมงคล รวมทั้งค่าทำพิธีเป็นเงินสูงถึง 66 ล้าน โดยโพสต์ระบุว่า หมอดูฮวงจุ้ยช่องดังป้ายยาคุณยายกับลูกสาวรวม66ล้านบาทเกลี้ยงบัญชี โดยคุณยายวัย 77 ปีเห็น หมอดู ฮวงจุ้ย ในทีวีดิจิทัล ช่องดัง หลงเชื่อ เลยติดต่อให้มาดูฮวงจุ้ย ที่บ้าน เมื่อเดือน กุมภาพันธ์ 2567 แค่เรียกมาดูแต่คุณยายกับลูกสาวเหมือนถูกป้ายยา โดนค่าต่างๆ เพื่อใช้ ดูฮวงจุ้ย และ ค่า วัตถุมงคล ค่าทำพิธี ครั้งแรกรวมแล้ว 1.3 ล้านบาท • จากนั้น จ่ายยิบจ่ายย่อย หมอดูฮวงจุ้ย อ้างเป็นค่า ค่าทำพิธี 9 แสน ค่าภาษีอากร นำเข้า 6 แสน ค่าพระผงกระดูกผี 4.4 ล้าน ค่านิมนต์ ค่าพระทำพิธี 6 หมื่น ค่าพิธีล่มศาล 2 ล้าน ค่าซื้อที่ดิน สุสาน 4 แสน ค่าสิงห์ 2 ตัว 1.2 ล้าน โดยที่แพงสุด ค่าหินแกะสลักศักดิ์ นำเข้าจากเมื่องจีน 38 ล้านบาท แต่ไม่เห็นของ ซึ่งตลอดเดือนกุมภาพันธ์ถึงตุลาคม ยอมรวม จ่ายไป 66 ล้านบาท • โดยคุณยาย เผยว่ามาทุกครั้ง ต้องโอนเงินจ่ายทุกครั้ง อ้างต้องปรับเปลี่ยน ฮวงจุ้ย แก้ คุณไสย ทำพิธีต่างๆ พอทวงถาม ว่าพิธีจะเริ่มเมื่อไร ของเซ่นไหว้ วัตถุ มงคลที่สั่งไปจะมาวันไหน กลับสร้างความไม่พอใจ ให้หมอดูฮวงจุ้นช่องดัง เกิดอารมณ์ เกรี้ยวกราด จึงรู้ว่า โดนหลอกแล้ว • คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >> https://mgronline.com/onlinesection/detail/9670000106138 • #MGROnline #ตี่ลี่ฮวงจุ้ย #หมอดูฮวงจุ้ย
    Like
    2
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 392 มุมมอง 0 รีวิว
  • ทำการตลาดวัตถุมงคล (พระแท้สร้างใหม่) ก็อวยคุณวิเศษเข้าไป เน้นเรื่องรวยๆ ถูกหวยเข้าไว้....ได้ผลเสมอมา ...จำข่าวที่วัดนึงสร้างความเชื่อที่ว่า เงิน ซื้อบุญ ซื้อทางไปสวรรค์ได้...ยังทำสำเร็จมาแล้ว...แบบมโหฬาร.ได้ไหม? .
    ทำการตลาดวัตถุมงคล (พระแท้สร้างใหม่) ก็อวยคุณวิเศษเข้าไป เน้นเรื่องรวยๆ ถูกหวยเข้าไว้....ได้ผลเสมอมา ...จำข่าวที่วัดนึงสร้างความเชื่อที่ว่า เงิน ซื้อบุญ ซื้อทางไปสวรรค์ได้...ยังทำสำเร็จมาแล้ว...แบบมโหฬาร.ได้ไหม? .
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 141 มุมมอง 0 รีวิว
  • EP 2 . อีกท่านนึง หลวงพ่อฤาษีลิงดำ ท่านให้ข้างบน เสก ...คือ อาราธนาคุณพระพุทธเจ้า และเทพเทวาทั้งหลาย....มาช่วย..
    ...อีกท่าน หลวงปู่โต๊ะ คนที่เคยอยู่ร่วมพิธี ปลุกเสกหมู่ เล่าว่า เกจิรูปอื่น เสก 10-15 นาที ก็ลุกไป...บางคนนั่งยุกยิกอยู่ไม่สุข....แต่หลวงปู่โต๊ะนั่งหลับตา...ไม่แม้แต่จะขยับตัวแม้เพียงเล็กน้อย...และอยู่จนจบพิธี....ทุกครั้ง.
    ..ความเห็นส่วนตัวของผู้เขียน..ต่อให้ท่องคาถา 100 บท...จิตไม่นิ่ง ก็ไม่เป็นสมาธิ ...เมื่อไม่เป็นสมาธิ ก็ไม่มีพลังอะไร.....เหมือนท่อง ก. _ ฮ ...คงเพียงเท่านั้น...
    ..ยังมีเกจิยุคเก่าอีกมาก ที่เก่ง และมีพลังจิตกล้าแข็ง วัตถุมงคลของท่านเหล่านั้นจึงมีประสบการณ์ (แต่ให้ผลต่างกัน อยู่ที่บุญกรรม ของแต่ละคน)
    EP 2 . อีกท่านนึง หลวงพ่อฤาษีลิงดำ ท่านให้ข้างบน เสก ...คือ อาราธนาคุณพระพุทธเจ้า และเทพเทวาทั้งหลาย....มาช่วย.. ...อีกท่าน หลวงปู่โต๊ะ คนที่เคยอยู่ร่วมพิธี ปลุกเสกหมู่ เล่าว่า เกจิรูปอื่น เสก 10-15 นาที ก็ลุกไป...บางคนนั่งยุกยิกอยู่ไม่สุข....แต่หลวงปู่โต๊ะนั่งหลับตา...ไม่แม้แต่จะขยับตัวแม้เพียงเล็กน้อย...และอยู่จนจบพิธี....ทุกครั้ง. ..ความเห็นส่วนตัวของผู้เขียน..ต่อให้ท่องคาถา 100 บท...จิตไม่นิ่ง ก็ไม่เป็นสมาธิ ...เมื่อไม่เป็นสมาธิ ก็ไม่มีพลังอะไร.....เหมือนท่อง ก. _ ฮ ...คงเพียงเท่านั้น... ..ยังมีเกจิยุคเก่าอีกมาก ที่เก่ง และมีพลังจิตกล้าแข็ง วัตถุมงคลของท่านเหล่านั้นจึงมีประสบการณ์ (แต่ให้ผลต่างกัน อยู่ที่บุญกรรม ของแต่ละคน)
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 208 มุมมอง 0 รีวิว
  • ไม่ว่าบทสวด คาถาใด ถ้าจิตไม่เป็นสมาธิ (นิ่งพอ) ไม่สามารถให้ผลอะไรได้เลย..พลังจิตของมนุษย์ หรือแม้แต่เกจิอาจารย์เก่งๆในอดีต...มันไม่ได้ทรงอยู่ตลอดเวลา..เหมือนไฟฟ้ากระแสตรง....แต่มันเหมือนไฟฟ้ากระแสสลับ...มีขึ้น มีลง...
    ...แล้ววัตถุมงคล ที่เกจิเสก ศักดิ์สิทธิ์เพราะอะไรให้ผลมากกว่า ..คาถา หรือพลังจิต..ต้องบอกว่า คาถามันจะสัมฤทธิ์ผลได้ คือ ต้องมีพลังจิต ที่ผลักดัน หรือ ประจุ เข้าไป....
    ..ในอดีต มีผู้อยู่ในเหตุการณ์ ของเกจิดัง 2 ท่าน คือ ท่านเจ้าคุณ นร และ หลวงปู่แหวน.เล่าให้ฟังว่า..ท่านใช้เวลาไม่เกิน 5 นาที..และไม่ได้เสกคาถาอะไรเลย..ท่านอฐิษฐานจิตแค่ว่า ให้วัตถุมงคลนี้ มีความเป็นมงคล ปกป้องคุ้มครอง แคล้วคลาดปลอดภัย...ง่ายๆแค่นั้นเอง.....แต่วัตถุมงคลของท่านก็มีประสบการณ์มากมาย...
    #มีต่อ Ep2🦚
    ไม่ว่าบทสวด คาถาใด ถ้าจิตไม่เป็นสมาธิ (นิ่งพอ) ไม่สามารถให้ผลอะไรได้เลย..พลังจิตของมนุษย์ หรือแม้แต่เกจิอาจารย์เก่งๆในอดีต...มันไม่ได้ทรงอยู่ตลอดเวลา..เหมือนไฟฟ้ากระแสตรง....แต่มันเหมือนไฟฟ้ากระแสสลับ...มีขึ้น มีลง... ...แล้ววัตถุมงคล ที่เกจิเสก ศักดิ์สิทธิ์เพราะอะไรให้ผลมากกว่า ..คาถา หรือพลังจิต..ต้องบอกว่า คาถามันจะสัมฤทธิ์ผลได้ คือ ต้องมีพลังจิต ที่ผลักดัน หรือ ประจุ เข้าไป.... ..ในอดีต มีผู้อยู่ในเหตุการณ์ ของเกจิดัง 2 ท่าน คือ ท่านเจ้าคุณ นร และ หลวงปู่แหวน.เล่าให้ฟังว่า..ท่านใช้เวลาไม่เกิน 5 นาที..และไม่ได้เสกคาถาอะไรเลย..ท่านอฐิษฐานจิตแค่ว่า ให้วัตถุมงคลนี้ มีความเป็นมงคล ปกป้องคุ้มครอง แคล้วคลาดปลอดภัย...ง่ายๆแค่นั้นเอง.....แต่วัตถุมงคลของท่านก็มีประสบการณ์มากมาย... #มีต่อ Ep2🦚
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 157 มุมมอง 0 รีวิว
  • ภิกษุสงฆ์เว้นขาดจากการเลี้ยงชีพด้วยเดรัจฉานวิชาได้หรือไม่

    ภิกษุเว้นขาดจากการเลี้ยงชีพ โดยทางผิดด้วยติรัจฉานวิชา เช่นอย่างที่
    สมณพราหมณ์ผู้เจริญบางจำพวกฉันโภชนะที่เขาให้ด้วยศรัทธาแล้ว ยังเลี้ยงชีพโดยทางผิดด้วย
    ติรัจฉานวิชา เห็นปานนี้ คือ ทำพิธีบนบาน ทำพิธีแก้บน ร่ายมนต์ขับผี สอนมนต์ป้องกัน
    บ้านเรือน ทำกะเทยให้กลับเป็นชาย ทำชายให้กลายเป็นกะเทย ทำพิธีปลูกเรือน ทำพิธี
    บวงสรวงพื้นที่ พ่นน้ำมนต์ รดน้ำมนต์ ทำพิธีบูชาไฟ ปรุงยาสำรอก ปรุงยาถ่าย ปรุงยา
    ถ่ายโทษเบื้องบน ปรุงยาถ่ายโทษเบื้องล่าง ปรุงยาแก้ปวดศีรษะ หุงน้ำมันหยอดหู ปรุงยาตา
    ปรุงยานัตถุ์ ปรุงยาทากัด ปรุงยาทาสมาน ป้ายยาตา ทำการผ่าตัด รักษาเด็ก ใส่ยา ชะแผล
    แม้ข้อนี้ก็เป็นศีลของเธอประการหนึ่ง.

    พระไตรปิฎก ฉบับหลวง – สีลขันธวรรค . ที .๙/๖๖/๑๒๐

    อธิบายเพิ่มเติม

    โดยเฉพาะในเรื่องของหมอดู หรือว่าเรื่องอื่น ๆ ซึ่งองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าใช้คำว่า หากินด้วยเดรัจฉานวิชา ถือว่าไม่ใช่สาวกขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ไม่ว่าจะเป็นเสกน้ำมนต์ พ่นน้ำหมาก สร้างวัตถุมงคล ทำนายทายทักอะไรก็ดี จัดอยู่ในประเภทนี้ทั้งนั้น แล้วถ้าท่านทั้งหลายถามว่า “ในเมื่อเป็นเช่นนั้น แล้ววัดท่าขนุนยังสร้างวัตถุมงคลไปทำอะไร ?” ก็ขอตอบว่า “เพราะว่ากูไม่โง่..!”

    องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าท่านใช้คำว่า หากินด้วยเดรัจฉานวิชา แปลว่า ทำเป็นอาชีพ ในเมื่อเราไม่ทำเป็นอาชีพ ก็ไม่ได้หากินด้วยเดรัจฉานวิชา เพราะฉะนั้น..ไม่ว่าเราจะทำอะไร ก็ต้องพิจารณาให้ชัดเจน เพราะว่าสิ่งที่องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าตรัสเอาไว้นั้น พระองค์ท่านทำไปก็เพื่อความบริสุทธิ์ผุดผ่อง น่าเลื่อมใสของพระพุทธศาสนา เผื่อว่าจะฉลาดขึ้น…! อย่าลืมว่าพระพุทธเจ้าตรัสว่า เลี้ยงชีวิตด้วยวิธีการนั้น ๆ สำหรับท่านที่ไม่ได้เลี้ยงชีวิตด้วยวิธีการนั้น ๆ แต่ทำเพื่อสงเคราะห์ญาติโยมก็ทำไปสิครับ..!

    พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร.
    เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน
    วันพฤหัสบดีที่ ๑๑ เมษายน พุทธศักราช ๒๕๖๗
    ภิกษุสงฆ์เว้นขาดจากการเลี้ยงชีพด้วยเดรัจฉานวิชาได้หรือไม่ ภิกษุเว้นขาดจากการเลี้ยงชีพ โดยทางผิดด้วยติรัจฉานวิชา เช่นอย่างที่ สมณพราหมณ์ผู้เจริญบางจำพวกฉันโภชนะที่เขาให้ด้วยศรัทธาแล้ว ยังเลี้ยงชีพโดยทางผิดด้วย ติรัจฉานวิชา เห็นปานนี้ คือ ทำพิธีบนบาน ทำพิธีแก้บน ร่ายมนต์ขับผี สอนมนต์ป้องกัน บ้านเรือน ทำกะเทยให้กลับเป็นชาย ทำชายให้กลายเป็นกะเทย ทำพิธีปลูกเรือน ทำพิธี บวงสรวงพื้นที่ พ่นน้ำมนต์ รดน้ำมนต์ ทำพิธีบูชาไฟ ปรุงยาสำรอก ปรุงยาถ่าย ปรุงยา ถ่ายโทษเบื้องบน ปรุงยาถ่ายโทษเบื้องล่าง ปรุงยาแก้ปวดศีรษะ หุงน้ำมันหยอดหู ปรุงยาตา ปรุงยานัตถุ์ ปรุงยาทากัด ปรุงยาทาสมาน ป้ายยาตา ทำการผ่าตัด รักษาเด็ก ใส่ยา ชะแผล แม้ข้อนี้ก็เป็นศีลของเธอประการหนึ่ง. พระไตรปิฎก ฉบับหลวง – สีลขันธวรรค . ที .๙/๖๖/๑๒๐ อธิบายเพิ่มเติม โดยเฉพาะในเรื่องของหมอดู หรือว่าเรื่องอื่น ๆ ซึ่งองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าใช้คำว่า หากินด้วยเดรัจฉานวิชา ถือว่าไม่ใช่สาวกขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ไม่ว่าจะเป็นเสกน้ำมนต์ พ่นน้ำหมาก สร้างวัตถุมงคล ทำนายทายทักอะไรก็ดี จัดอยู่ในประเภทนี้ทั้งนั้น แล้วถ้าท่านทั้งหลายถามว่า “ในเมื่อเป็นเช่นนั้น แล้ววัดท่าขนุนยังสร้างวัตถุมงคลไปทำอะไร ?” ก็ขอตอบว่า “เพราะว่ากูไม่โง่..!” องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าท่านใช้คำว่า หากินด้วยเดรัจฉานวิชา แปลว่า ทำเป็นอาชีพ ในเมื่อเราไม่ทำเป็นอาชีพ ก็ไม่ได้หากินด้วยเดรัจฉานวิชา เพราะฉะนั้น..ไม่ว่าเราจะทำอะไร ก็ต้องพิจารณาให้ชัดเจน เพราะว่าสิ่งที่องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าตรัสเอาไว้นั้น พระองค์ท่านทำไปก็เพื่อความบริสุทธิ์ผุดผ่อง น่าเลื่อมใสของพระพุทธศาสนา เผื่อว่าจะฉลาดขึ้น…! อย่าลืมว่าพระพุทธเจ้าตรัสว่า เลี้ยงชีวิตด้วยวิธีการนั้น ๆ สำหรับท่านที่ไม่ได้เลี้ยงชีวิตด้วยวิธีการนั้น ๆ แต่ทำเพื่อสงเคราะห์ญาติโยมก็ทำไปสิครับ..! พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร. เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันพฤหัสบดีที่ ๑๑ เมษายน พุทธศักราช ๒๕๖๗
    Love
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 432 มุมมอง 0 รีวิว
  • ภิกษุสงฆ์เว้นขาดจากการเลี้ยงชีพด้วยเดรัจฉานวิชาได้หรือไม่

    ภิกษุเว้นขาดจากการเลี้ยงชีพ โดยทางผิดด้วยติรัจฉานวิชา เช่นอย่างที่
    สมณพราหมณ์ผู้เจริญบางจำพวกฉันโภชนะที่เขาให้ด้วยศรัทธาแล้ว ยังเลี้ยงชีพโดยทางผิดด้วย
    ติรัจฉานวิชา เห็นปานนี้ คือ ทำพิธีบนบาน ทำพิธีแก้บน ร่ายมนต์ขับผี สอนมนต์ป้องกัน
    บ้านเรือน ทำกะเทยให้กลับเป็นชาย ทำชายให้กลายเป็นกะเทย ทำพิธีปลูกเรือน ทำพิธี
    บวงสรวงพื้นที่ พ่นน้ำมนต์ รดน้ำมนต์ ทำพิธีบูชาไฟ ปรุงยาสำรอก ปรุงยาถ่าย ปรุงยา
    ถ่ายโทษเบื้องบน ปรุงยาถ่ายโทษเบื้องล่าง ปรุงยาแก้ปวดศีรษะ หุงน้ำมันหยอดหู ปรุงยาตา
    ปรุงยานัตถุ์ ปรุงยาทากัด ปรุงยาทาสมาน ป้ายยาตา ทำการผ่าตัด รักษาเด็ก ใส่ยา ชะแผล
    แม้ข้อนี้ก็เป็นศีลของเธอประการหนึ่ง.

    พระไตรปิฎก ฉบับหลวง – สีลขันธวรรค . ที .๙/๖๖/๑๒๐

    อธิบายเพิ่มเติม

    โดยเฉพาะในเรื่องของหมอดู หรือว่าเรื่องอื่น ๆ ซึ่งองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าใช้คำว่า หากินด้วยเดรัจฉานวิชา ถือว่าไม่ใช่สาวกขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ไม่ว่าจะเป็นเสกน้ำมนต์ พ่นน้ำหมาก สร้างวัตถุมงคล ทำนายทายทักอะไรก็ดี จัดอยู่ในประเภทนี้ทั้งนั้น แล้วถ้าท่านทั้งหลายถามว่า “ในเมื่อเป็นเช่นนั้น แล้ววัดท่าขนุนยังสร้างวัตถุมงคลไปทำอะไร ?” ก็ขอตอบว่า “เพราะว่ากูไม่โง่..!”

    องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าท่านใช้คำว่า หากินด้วยเดรัจฉานวิชา แปลว่า ทำเป็นอาชีพ ในเมื่อเราไม่ทำเป็นอาชีพ ก็ไม่ได้หากินด้วยเดรัจฉานวิชา เพราะฉะนั้น..ไม่ว่าเราจะทำอะไร ก็ต้องพิจารณาให้ชัดเจน เพราะว่าสิ่งที่องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าตรัสเอาไว้นั้น พระองค์ท่านทำไปก็เพื่อความบริสุทธิ์ผุดผ่อง น่าเลื่อมใสของพระพุทธศาสนา เผื่อว่าจะฉลาดขึ้น…! อย่าลืมว่าพระพุทธเจ้าตรัสว่า เลี้ยงชีวิตด้วยวิธีการนั้น ๆ สำหรับท่านที่ไม่ได้เลี้ยงชีวิตด้วยวิธีการนั้น ๆ แต่ทำเพื่อสงเคราะห์ญาติโยมก็ทำไปสิครับ..!

    พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร.
    เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน
    วันพฤหัสบดีที่ ๑๑ เมษายน พุทธศักราช ๒๕๖๗
    ภิกษุสงฆ์เว้นขาดจากการเลี้ยงชีพด้วยเดรัจฉานวิชาได้หรือไม่ ภิกษุเว้นขาดจากการเลี้ยงชีพ โดยทางผิดด้วยติรัจฉานวิชา เช่นอย่างที่ สมณพราหมณ์ผู้เจริญบางจำพวกฉันโภชนะที่เขาให้ด้วยศรัทธาแล้ว ยังเลี้ยงชีพโดยทางผิดด้วย ติรัจฉานวิชา เห็นปานนี้ คือ ทำพิธีบนบาน ทำพิธีแก้บน ร่ายมนต์ขับผี สอนมนต์ป้องกัน บ้านเรือน ทำกะเทยให้กลับเป็นชาย ทำชายให้กลายเป็นกะเทย ทำพิธีปลูกเรือน ทำพิธี บวงสรวงพื้นที่ พ่นน้ำมนต์ รดน้ำมนต์ ทำพิธีบูชาไฟ ปรุงยาสำรอก ปรุงยาถ่าย ปรุงยา ถ่ายโทษเบื้องบน ปรุงยาถ่ายโทษเบื้องล่าง ปรุงยาแก้ปวดศีรษะ หุงน้ำมันหยอดหู ปรุงยาตา ปรุงยานัตถุ์ ปรุงยาทากัด ปรุงยาทาสมาน ป้ายยาตา ทำการผ่าตัด รักษาเด็ก ใส่ยา ชะแผล แม้ข้อนี้ก็เป็นศีลของเธอประการหนึ่ง. พระไตรปิฎก ฉบับหลวง – สีลขันธวรรค . ที .๙/๖๖/๑๒๐ อธิบายเพิ่มเติม โดยเฉพาะในเรื่องของหมอดู หรือว่าเรื่องอื่น ๆ ซึ่งองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าใช้คำว่า หากินด้วยเดรัจฉานวิชา ถือว่าไม่ใช่สาวกขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ไม่ว่าจะเป็นเสกน้ำมนต์ พ่นน้ำหมาก สร้างวัตถุมงคล ทำนายทายทักอะไรก็ดี จัดอยู่ในประเภทนี้ทั้งนั้น แล้วถ้าท่านทั้งหลายถามว่า “ในเมื่อเป็นเช่นนั้น แล้ววัดท่าขนุนยังสร้างวัตถุมงคลไปทำอะไร ?” ก็ขอตอบว่า “เพราะว่ากูไม่โง่..!” องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าท่านใช้คำว่า หากินด้วยเดรัจฉานวิชา แปลว่า ทำเป็นอาชีพ ในเมื่อเราไม่ทำเป็นอาชีพ ก็ไม่ได้หากินด้วยเดรัจฉานวิชา เพราะฉะนั้น..ไม่ว่าเราจะทำอะไร ก็ต้องพิจารณาให้ชัดเจน เพราะว่าสิ่งที่องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าตรัสเอาไว้นั้น พระองค์ท่านทำไปก็เพื่อความบริสุทธิ์ผุดผ่อง น่าเลื่อมใสของพระพุทธศาสนา เผื่อว่าจะฉลาดขึ้น…! อย่าลืมว่าพระพุทธเจ้าตรัสว่า เลี้ยงชีวิตด้วยวิธีการนั้น ๆ สำหรับท่านที่ไม่ได้เลี้ยงชีวิตด้วยวิธีการนั้น ๆ แต่ทำเพื่อสงเคราะห์ญาติโยมก็ทำไปสิครับ..! พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร. เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันพฤหัสบดีที่ ๑๑ เมษายน พุทธศักราช ๒๕๖๗
    0 ความคิดเห็น 1 การแบ่งปัน 619 มุมมอง 0 รีวิว
  • บาป 18 ประการ คนตื่นธรรม
    กรณีคนตื่นธรรม สอนธรรมออนไลน์ในสื่อโซเชียล มีลักษณะการใช้คำพูดหยาบคาย ด้อยค่าด่ากราด ไม่ประนีประนอมเพื่อให้คนเข้าถึงธรรมะที่แท้จริง ตื่นรู้จากอวิชชา เดรัจฉานวิชา ปลุกเสก ได้สร้างบาป 18 ประการขึ้น คือในการสอนธรรม มีข้อผิดพลาดที่เป็นปัญหาควรต้องพิจารณาและปรับปรุง เพราะกระทบต่อภาพลักษณ์ของพุทธสาสนา และสร้างสัทธรรมปฏิรูปขึ้นแก่ชาวพุทธ เป็นบาปใหญ่หลวง

    1. ใช้วจีทุจริต ไม่เป็นสัมมาวาจา ไม่เป็นวาจาสุภาษิต (ตามแนวทางมรรค ๘)
    มีการใช้คำพูดด่า ดูถูก กดข่มผู้ฟัง เช่น มึงมันโง่ ไอ้ปัญญาอ่อน มึงปัญญาอ่อนไง โดยกล่าวอ้างว่า ธรรมแท้ไม่มีประนีประนอม ในหลักของมรรคมีองค์ ๘ ครอบคลุมอยู่ในทุกเรื่องของการกระทำ จึงจะถือว่าเป็นการปฏิบัติตามคำสอนในพระพุทธศาสนา การสอนโดยใช้วาจาไม่เป็นสัมมาวาจานั้น เป็นวจีทุจริต เป็นบาป ผิดหลักมรรคมีองค์ ๘

    2. สอนขัดแย้งกันเอง ยกธรรมตีธรรม เพราะไม่รอบรู้ไม่เข้าใจหลักเหตุผล มักจะเอาธรรมข้อใดข้อหนึ่งยกขึ้นมา ตีธรรมะข้ออื่นในชุดธรรมเดียวกัน หรือชุดอื่น เพื่อสร้างภาพว่าตนรู้ทั่วถึงธรรมวินัยดี อันไหนธรรมแท้ ธรรมถูก เช่น การกล่าวว่าการรู้อดีต รู้อนาคต ไม่ได้ทำให้เข้าใจปัจจุบัน ไม่มีประโยชน์
    ถือเป็นดูหมิ่นด้อยค่า คำสอน วิชชา 3 มี ปุพเพนิวาสนุสสติญาณ จุตูปปาตญาณ อาสวักขยญาณ โดยคำลักษณะนี้เป็นการบอกว่า ญาณ 2 อย่างข้างต้นไม่มีความสำคัญ ในขณะที่ปุพเพนิวาสานุสสติญาณ การระลึกรู้อดีตชาติของพระพุทธเจ้า ได้เป็นการประจักษ์แจ้งการเวียนว่ายตายเกิดในสังสารวัฏฏ์ ทำให้รู้จุตูปปาตญาณ รู้ผลของการกระทำกรรม และนำสู่อาสวักขยญาณ ปัญญารู้ทำอาสวะกิเลสให้หมดสิ้นได้ และข้อธรรมอื่นก็คล้ายกัน ไม่รู้จักเหตุผล พุทธเจ้าแสดงธรรมเป็นชุดเหตุผล เป็นลำดับ

    3. พุทธคุณไม่มีอยู่จริง นอกจากพระบริสุทธิคุณ ปัญญาคุณ มหากรุณาคุณ
    ความจริงคุณของพระพุทธเจ้ามีหลายประการ ทั้งนวหรคุณ 9 อย่าง อะระหํ(เป็นพระอรหันต์) สัมมาสัมพุทโธ(ตรัสรู้ด้วยพระองค์เอง) วิชชาจรณสัมปันโน (เป็นผู้ถึงพร้อมด้วยวิชชาและจรณะ) เป็นต้น พุทธานุภาพที่เกิดจากอานุภาพบารมีที่สั่งสมแสดงออกอำนวยผล ในหลายลักษณะ ให้เกิดความสวัสดีแก่ผู้นับถือบูชา เช่น การปกป้องคุ้มครองพระภิกษุที่ไปปฏิบัติอยู่ในสถานที่ห่างไกล มักจะปูลาดอาสนะไว้ เมื่อมีภัย หรือเกิดอกุศลวิตก หวาดกลัว เพียงระลึกถึงพระพุทธเจ้า พระองค์จะเสด็จมาปลอบ สอนธรรม ทำให้พระภิกษุไม่หวาดกลัวที่จะเดินทางไปอยู่ในที่ไกลๆ เพราะพลังแห่งพุทธะคุ้มครอง แม้ในยุคปัจจุบันพุทธเจ้าปรินิพพานแล้ว ก็ยังมีพลังพุทธคุณหรือพุทธานุภาพปกป้องคุ้มครองชาวพุทธอยู่ ความเชื่อเหล่านี้จะมีผลได้ต้องปฏิบัติธรรมจนเข้าถึงธรรมระดับหนึ่งจึงจะสามารถพิสูจน์ได้ การเห็นสุดโต่งปฏิเสธความมีอยู่แห่งพุทธานุภาพจึงเป็นความเห็นผิด อันร้ายแรงอย่างหนึ่ง

    4.พระเครื่องไม่มีพุทธคุณ เป็นความเห็นผิด พุทธเจ้าประทานบทพระปริตรหลายวาระหลายบท เพื่อป้องกัน เพื่อรักษา ไม่เบียดเบียน อยู่สำราญ ของพระภิกษุ ภิกษุณี อุบาสก อุบาสิกา พุทธานุภาพหรือเขตอำนาจแห่งพุทธเจ้าแผ่ไปใน 3 เรื่อง คือ
    1)ชาติเขต แผ่ไปในหมื่นจักรวาล
    2)อาณาเขต คือ พุทธมนต์ หรือปริตร แผ่ไปในแสนโกฏิจักรวาล
    3)วิสัยเขต แผ่ไปไม่มีขอบเขต
    พุทธคุณหรือพุทธานุภาพ เกิดจากการสวดสาธยายมนต์ มีอำนาจแผ่ไปในแสนโกฏิจักรวาล ช่วยขจัดปัดเป่าอุปัทวันตราย โรคภัย เสนียดจัญไรต่างๆ ได้ มีการสืบทอดคำสอนมาช้านาน
    ดังข้อความว่า
    "ภิกษุทั้งหลาย เธอทั้งหลายจงเรียนมนต์เครื่องรักษาชื่ออาฏานาฏิยะจงเล่าเรียนมนต์เครื่องรักษาชื่ออาฏานาฏิยะ จงทรงจำมนต์เครื่องรักษาชื่ออาฏานาฏิยะไว้ ภิกษุทั้งหลาย มนต์เครื่องรักษาชื่ออาฏานาฏิยะนี้ ประกอบด้วยประโยชน์ เพื่อคุ้มครอง เพื่อรักษา เพื่อไม่เบียดเบียน เพื่ออยู่สำราญของภิกษุ ภิกษุณี อุบาสก อุบาสิกาทั้งหลาย”
    ข้อความนี้แสดงให้เห็นว่า บทปริตร หรือบทพุทธมนต์ มีพลังอำนาจ คุ้มครองป้องกันรักษา พระพุทธเจ้าจึงให้สวดสาธยาย และเมื่อนำมาใช้ในการสร้างพระพุทธรูป พระเครื่องต่างๆ ย่อมมีคุณตามที่พระพุทธเจ้าตรัส
    คำพูดปฏิเสธพุทธคุณ พุทธรูป สิ่งเคารพทางศาสนา ที่สืบทอดคติความเชื่อจารีตมาช้านานนับพันปี จึงเป็นการบ่อนทำลายความศรัทธาที่มีต่อ พระพุทธเจ้า สิ่งแทนพุทธเจ้า หรือคำสอนที่เกี่ยวกับพระพุทธเจ้า ไม่ให้ผู้คนมีศรัทธา โดยยกคำสอนเรื่องอริยสัจ มาด้อยค่าคำสอนว่าด้วยเรื่องศรัทธาต่อพระพุทธเจ้า จึงเป็นการทำลายศาสนา ไปพร้อมกัน อนาคตเด็กยุคใหม่เสพคำสอนนี้ จะไม่นับถือไม่ไหว้พระพุทธเจ้าและไม่เห็นความสำคัญ คุณค่าของพุทธรูปที่สร้างไว้ในฐานะเครื่องยึดเหนี่ยวที่เป็นรูปธรรมนำสุ่พุทธเจ้า รวมทั้งไม่เชื่อในพระพุทธเจ้า

    5. มิจฉาทิฐิ 10 สอนการบูชาที่ไร้ผล สายลัทธิวัดนา สอนไม่ให้กราบไหว้บูชาพระพุทธรูป องค์แทนพุทธเจ้าสร้างขึ้นเพื่อระลึกถึงพุทธเจ้า เป็นจารีตนิยมที่ถือมาช้านาน เชื่อมโยงคำสอนในพระไตรปิฎก ขุททกนิกาย วิมานวัตถุ ปีตวิมานวัตถุ
    “ติฏฺฐนฺเต นิพฺพุเต จาปิ, สเม จิตฺเต สมํ ผลํ;
    เจโตปณิธิเหตุ หิ, สตฺตา คจฺฉนฺติ สุคฺคตึ.
    "พระพุทธเจ้า จะทรงพระชนม์อยู่ หรือแม้จะนิพพานไปแล้วก็ตาม
    ถ้าจิตเสมอกัน ผลก็เสมอกัน สัตว์ทั้งหลายไปสู่สวรรค์ เพราะความเลื่อมใสตั้งมั่นแห่งจิตใจ
    การสอนไม่ให้ไหว้พุทธรูป นับเป็นมิจฉาทิฐิ ข้อที่ ๒ นัตถิ ยิตถัง และข้อที่ ๑๐ พระพุทธเจ้าไม่มีอยู่จริง ในชุดคำสอน มิจฉาทิฐิ ๑๐ ประการ เป็นการสร้างบาปทำลายคำสอน ความศรัทธาที่ชาวพุทธมีต่อพระพุทธเจ้า โดยอ้างว่าให้ยึดคำสอนสูงสุด อริยสัจสี่ เพื่อพ้นทุกข์

    6. คุณไสย ไสยเวทย์ ไม่มี. การปฏิเสธคำสอน ในเรื่องคุณไสย์ วิชาอาคม มนต์ มีพลังอำนาจอยู่จริง หรือไม่ เมื่อไม่สามารถหาคำตอบหรือพิสูจน์ได้ ก็ควรพิจารณาจากหลักฐานในพระไตรปิฎก มีที่ใดบ้าง ข้อความพุทธพจน์วินัยบัญญัติ ดังเรื่องต่อไปนี้
    ๑) พระภิกษุถูกผีสิง อมนุษย์สิง กินเลือดสด เนื้อสด ทรงอนุญาตให้พระภิกษุฉันเลือดและเนื้อสดได้ เพื่อเป็นเภสัช เมื่อฉันแล้วอมนุษย์จะออกไป แสดงให้เห็นว่าบทบัญญัติทางพระวินัย พระพุทธเจ้ายอมรับว่ามีผีหรืออมนุษย์สามารถสิงสู่คนได้ พระภิกษุถูกอมนุษย์สิงได้ และวิธีการรักษา ในครั้งนั้นตามอาการ คือเมื่ออมนุษย์มาสิงเพื่อกินเนื้อสด เลือดสด(ปอบ) ก็อนุญาตให้พระภิกษุกินได้ และไม่ถือว่าต้องอาบัติอะไร เพราะคนที่กิน ไม่ใช่พระ แต่เป็นอมนุษย์ หลักฐานนี้ยอมรับการมีอยู่ การสิงร่างคน ของอมนุษย์ เป็นความรู้ที่ควรต้องมี ไม่ปฏิเสธว่า ผี อมนุษย์ ไม่มี ไสยเวทย์ ไม่มี
    เรื่องเนื้อดิบและเลือดสด
    "อมนุษย์เคี้ยวกินเนื้อดิบและดื่มเลือดสด เพราะเหตุนั้น ภิกษุจึงชื่อว่าไม่ได้เคี้ยวกินเนื้อดิบและดื่มเลือดสดนั้น. อมนุษย์ ครั้นเคี้ยวกินและดื่มแล้วได้ออกไป เพราะเหตุนั้น พระธรรมสังคาหกาจารย์จึงกล่าวว่า อาพาธเกิดแต่อมนุษย์นั้นของเธอย่อมระงับ."
    วินัยปิฎก มหาวรรค ๕/๒๖๔๔๙.
    https://84000.org/tipitaka/read/m_siri.php?B=5&siri=8

    ๒) เรื่องภิกษุโดนยาแฝดดื่มน้ำที่ละลายจากดินติดผาลไถ
    สมัยนั้น ภิกษุรูปหนึ่งอาพาธโดนยาแฝด ภิกษุทั้งหลายจึงนำเรื่องนี้ ไปกราบทูลพระผู้มีพระภาคให้ทรงทราบพระผู้มีพระภาครับสั่งว่า “ภิกษุทั้งหลาย เราอนุญาตให้ดื่มน้ำที่เขาละลายดิน รอยไถติดผาล”
    (วินัยปิฎกมหาวรรค. ๕/๒๖๙/๖๑.)

    วิธีการรักษาโรคต่างๆ มีปรากฏอยู่ในตุวฏกสุตตนิทเทสขุททกนิกาย มหานิเทศ ได้กล่าวถึงวิธีการบำบัดโรคไว้ 5 อย่างด้วยกัน คือ
    (๑) การบำบัดด้วยการเสกเป่า (๒) การบำบัดด้วย (๓) การผ่าตัด (๔) การบำบัดด้วยยา (๕) การรักษาที่เกี่ยวข้องกับทางภูตผีหรือไสยศาสตร์ และการบำบัดโรคเด็ก (กุมารเวช)

    7.ปฏิเสธการสวดมนต์ สาธยายมนต์ พระปริตร ว่าไม่มีคุณค่า ไม่ได้ช่วยอะไร
    เป็นการปฏิเสธคำของพระพุทธเจ้า ที่อนุญาตให้พุทธบริษัท ๔ เรียน และสวดสาธยายปริตร ดังข้อความว่า "ภิกษุทั้งหลาย เธอทั้งหลายจงเรียนมนต์เครื่องรักษาชื่ออาฏานาฏิยะจงเล่าเรียนมนต์เครื่องรักษาชื่ออาฏานาฏิยะ จงทรงจำมนต์เครื่องรักษาชื่ออาฏานาฏิยะไว้ ภิกษุทั้งหลาย มนต์เครื่องรักษาชื่ออาฏานาฏิยะนี้ ประกอบด้วยประโยชน์เพื่อคุ้มครอง เพื่อรักษา เพื่อไม่เบียดเบียน เพื่ออยู่สำราญของภิกษุ ภิกษุณี อุบาสก อุบาสิกาทั้งหลาย”
    (ที.มหา. ๑๑/๒๙๕/๒๖๔.)

    8. เรียนไม่ถึง ตีความเอง ไม่ศึกษาเครื่องมือการศึกษาพระไตรปิฎก คือไวยากรณ์ภาษาบาลี คนตื่นธรรมเป็นศิษย์สำนักวัดนาจึงใช้ทิฏฐิของตน อัตโนมัติ ตัดสินธรรมตามชอบใจ ซึ่งเป็นหลักสำคัญที่สำนักนี้ใช้การตีความแบบนี้มาช้านาน
    โดยใช้หลักการยึดเอาพระไตรปิฎกเฉพาะบางส่วน ที่เห็นว่าเป็นคำพุทธวจนะแท้ จากพระโอษฐ์ โดยใช้ตรรกะง่ายๆ หาข้อความในพระสูตรที่มีคำว่า "ภิกฺขเว ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย" เป็นต้น
    จึงจะเชื่อว่าเป็นคำสอนของพระพุทธเจ้า ส่วนคำสอนอื่นที่ไม่มีข้อความตรัสแบบนี้ จะตีความว่าไม่ใช่คำสอน เป็นคำแต่งเติม แต่งใหม่จึงมีส่วนคำสอนที่ถูกสำนักนี้ตัดออกไป เช่น เรื่องสวดปริตร หรือสิกบท 150 ข้อ การตัดสินความเป็นพุทธพจน์แท้ แบบนี้นับเป็นการตีความผิดพลาดอย่างมาก ได้สร้างบาปใหญ่ให้เกิดในสังฆมณฑลมา 20 กว่าปี ศิษย์สำนักนี้เผยแผ่ธรรม ตามการตีความแบบนี้จึงได้เกิด วิวาทะ ปะทะกับชาวพุทธส่วนใหญ่ ถกเถียงกันเรื่อง เดรัจฉานวิชา การทำน้ำมนต์ ปลุกเสก สิกขาบทวินัย ทำให้เกิดความแตกแยก ไม่มีหน่วยงานใดเข้ามาแก้ปัญหา ยังคงเป็นปัญหาจนทุกวันนี้ คนตื่นธรรมถือเป็นผลผลิตของวัดนาที่ได้สร้างบาปให้แก่พุทธสาสนา ด้วยการศึกษาเอง ตีความเอง ข่มชาวพุทธ

    9.ศึกษาธรรมวินัยเอง ไม่มีครูอาจารย์ผู้สอน ทำให้ตีความธรรมวินัยผิดพลาด ขัดแย้งกับคำสอนหลายเรื่อง เป็นมิจฉาทิฐิ ในการเล่าเรียนธรรมพระไตรปิฎก พระพุทธเจ้าทรงบัญญัติวิธีการศึกษาพระธรรมวินัยไว้ในสัทธิวิหาริกวัตรว่า
    “อุปชฺฌาเยน, ภิกฺขเว, สทฺธิวิหาริโก สงฺคเหตพฺโพ อนุคฺคเหตพฺโพ อุทฺเทเสน ปริปุจฺฉาย โอวาเทน อนุสาสนิยา.
    ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย อุปัชฌาย์ ต้องสงเคราะห์ อนุเคราะห์ สัทธิวิหาริก(พระลูกศิษย์) ด้วยอุทเทส(พระบาลี) ปริปุจฉา(การทวนสอบอรรถกถา) โอวาท และอนุสาสนีย์
    วินัยปิฎก มหาวรรค.๔/๖๗/๘๘
    https://84000.org/tipitaka/read/m_siri.php?B=4&siri=20
    หลักการนี้ย้ำชัดว่า ในการศึกษาคำสอน ต้องทำอยู่ภายใต้การดูแลของผู้เชี่ยวชาญ ที่รอบรู้ในพระธรรมวินัย ไม่สามารถศึกษาเองได้ คนตื่นธรรมหรือสำนักวัดนา ใช้วิธีการอ่านศึกษาธรรมเอง จึงได้เกิดความเห็นผิดขึ้นหลายประการ เรื่องการตีความคำสอนผิดพลาด

    10.ขาดคุณสมบัติของผู้สอนธรรม ๗ ประการ ที่จำเป็นของผู้สอนธรรม ตามพุทธพจน์ที่ตรัสไว้ในอังคุตรนิกาย สัตตกนิบาตว่า
    “ปิโย ครุ ภาวนีโย, วตฺตา จ วจนกฺขโม;
    คมฺภีรญฺจ กถํ กตฺตา, โน จฏฺาเน นิโยชโก .
    ๑. เป็นที่รักเป็นที่พอใจ ๒. เป็นที่เคารพ ๓. เป็นที่ยกย่อง
    ๔. เป็นนักพูด ๕. เป็นผู้อดทนต่อถ้อยคำ ๖. เป็นผู้พูดถ้อยคำลึกซึ้งได้
    ๗. ไม่ชักนำในอฐานะ
    ภิกษุทั้งหลาย มิตรประกอบด้วยองค์ ๗ ประการนี้แล เป็นผู้ควรเสพ ควรคบ
    ควรเข้าไปนั่งใกล้ แม้จะถูกขับไล่ก็ตาม
    อธิบายความ
    1.ปิโย เป็นที่รักเป็นที่พอใจ ในที่นี้หมายถึงมีลักษณะแห่งกัลยาณมิตร ๘ ประการ คือ (๑) มีศรัทธา คือ เชื่อการตรัสรู้ของพระตถาคต เชื่อกรรมและผลของกรรม (๒) มีศีล คือ เป็นที่รัก เป็นที่เคารพ เป็นที่นับถือของสัตว์ทั้งหลาย (๓) มีสุตะ คือ กล่าวถ้อยคำที่ลึกซึ้งที่สัมปยุตด้วยสัจจะและปฏิจจสมุปบาท (๔) มีจาคะ คือปรารถนาน้อย สันโดษ ชอบสงัด ไม่คลุกคลีด้วยหมู่ (๕) มีความเพียร คือ ปรารภความเพียรในการปฏิบัติเพื่อเกื้อกูลแก่ตนและเกื้อกูลแก่ผู้อื่น (๖) มีสติ คือ มีสติตั้งมั่น (๗) มีสมาธิ คือ มีจิตตั้งมั่นไม่ฟุ้งซ่าน(๘) มีปัญญา คือ รู้อย่างไม่วิปริต ใช้สติพิจารณาคติแห่งกุศลธรรมและอกุศลธรรม รู้สิ่งที่เกื้อกูลและสิ่งไม่เกื้อกูลแห่งสัตว์ทั้งหลายด้วยปัญญาตามความเป็นจริง มีจิตเป็นหนึ่งในอารมณ์นั้นด้วยสมาธิ เว้นสิ่งที่ไม่เกื้อกูล ประกอบสิ่งที่เกื้อกูลด้วยความเพียร (องฺ.สตฺตก.ฏีกา ๓/๓๗-๔๓/๒๐๓)
    2.ครุ เป็นที่เคารพ สูงส่งหนักแน่นดุจหินผา
    3.ภาวนีโย เป็นที่ยกย่อง น่าเจริญใจ
    4.วัตตา เป็นนักพูด(ผู้สอน) หมายถึงเป็นผู้ฉลาดในการใช้คำพูด (องฺ.สตฺตก.อ. ๓/๓๗/๑๗๙)
    5. วจนักขโม อดทนต่อถ้อยคำ หมายถึงปฏิบัติตามโอวาทที่ท่านให้แล้ว (องฺ.สตฺตก.อ. ๓/๓๗/๑๗๙)
    6. คัมภีรัญ จะ กถัง กัตตา ถ้อยคำลึกซึ้ง หมายถึงเรื่องเกี่ยวกับฌาน วิปัสสนา มรรค ผล และนิพพาน (องฺ.สตฺตก.อ. ๓/๓๗/๑๗๙)
    7. โน จัฏฐาเน นิโยชะโก ไม่ชักนำในอฐานะ หมายถึงป้องกันไม่ให้ทำในสิ่งที่ไม่เป็นประโยชน์เกื้อกูล มีคติเป็นทุกข์ แต่ชักชวนให้ทำสิ่งที่เป็นประโยชน์เกื้อกูลมีคติเป็นสุข (เทียบ องฺ.สตฺตก.ฏีกา ๓/๓๗/๒๐๓)

    11. ไม่จำแนกแยกแยะ ให้ชัดเจน เหมาะรวม เช่น การสวดมนต์ เจริญพุทธมนต์ ปริตร การอธิษฐานจิตปลุกเสกพระเครื่องวัตถุมงคล กับเดรัจฉานวิชา เอามายำรวมกัน เป็นของที่ห้าม

    12.ไม่ให้บูชานับถือ สิ่งอื่นนอกเหนือจากพระรัตนตรัย หรือคำสอน บูชาเทวดา ยมยักษ์ ต่างๆ
    ในรายละเอียดเรื่องนี้ พระพุทธเจ้าแสดงอานิสงส์ของการบูชาเจดีย์ ที่เป็นเหตุแห่งความเจริญไว้ ในมหาปรินิพพานสูตร ตอนราชอปริหานิยธรรม ทีฆนิกาย มหาวรรค ข้อที่ ๖ ว่า
    “อานนท์ เธอได้ยินไหมว่า ‘พวกเจ้าวัชชี สักการะ เคารพ นับถือ บูชา
    เจดีย์ในแคว้นวัชชีของชาววัชชี ทั้งในเมืองและนอกเมือง และไม่ละเลยการบูชาอันชอบธรรม ที่เคยให้เคยกระทำต่อเจดีย์เหล่านั้นให้เสื่อมสูญไป”
    “อานนท์ พวกเจ้าวัชชีพึงหวังได้แต่ความเจริญอย่างเดียว ไม่มีความเสื่อมเลยตราบเท่าที่พวกเจ้าวัชชียังสักการะ เคารพ นับถือ บูชาเจดีย์ในแคว้นวัชชีของชาววัชชีทั้งในเมืองและนอกเมือง และไม่ละเลยการบูชาอันชอบธรรมที่เคยให้เคยกระทำ ต่อเจดีย์เหล่านั้นให้เสื่อมสูญไป”
    (ที.มหา.10/134/78.)
    https://84000.org/tipitaka/read/m_siri.php?B=10&siri=3
    คำว่า เจดีย์ ที่ชาววัชชีบูชา หมายถึง ต้นไม้ใหญ่ ที่มียักษ์สิงสถิตย์ ยักษ์เป็นเทวดาชั้นจาตุม ยกฺข ภาษาบาลีแปลว่า ผู้ที่เขาบูชา เมื่อบุคคลบูชาต้นไม้ใหญ่ หรือยักษ์ ย่อมมีความเจริญ ยักษ์คือเทวดาย่อมปกปักษ์รักษา สอดคล้องกับคำสอนเรื่อง เทวตานุสสติ ในพระพุทธศาสนา ไม่ขัดแย้งกัน
    ย่อมเป็นหลักการยืนยันว่า พระพุทธเจ้ายอมรับว่า มีสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่มีพลังอำนาจอำนวยผลให้ผู้คนนับถือบูชา การบูชาเทวดา หรือต้นไม้ใหญ่ ก็มีผลนำความเจริญมาสู่ได้ เป็นหลักการย่อยในหลักการใหญ่ ที่ควรต้องรู้รอบและลึกชัดเจน จึงจะเข้าใจเรื่องนี้

    13. ไม่เข้าใจตัวบทพยัญชนะ ความหมายคำ
    ติรัจฉานวิชชา การสวดปริตร การใช้อิทธิปาฏิหาริย์ที่อนุญาต
    ติรจฺฉานวิชฺชา(อิต.) วิชาขวาง, วิชาขวาง ทางไปนิพพาน, ติรัจฉานวิชา คือความรู้ที่ไร้สาระ ความรู้ที่ไม่เป็นประโยชน์ วิชาที่ไม่ทำตนให้พ้นจากทุกข์ซึ่งพระพุทธเจ้า ทรงห้ามมิให้ภิกษุ - สามเณรศึกษา เช่น วิชาทำเสน่ห์ยาแฝดเป็นต้น.

    14. ไม่เข้าใจ แยกไม่ออกระหว่างการสวดปริตร กับการทำเดรัจฉานวิชา
    ทำให้ โจมตีพระที่สวดปริตร ทำน้ำมนต์ ปลุกเสก ในขณะที่เรื่องการทำวัตถุมงคล พุทธพานิชย์มีรายละเอียดหลายส่วน ต้องพิจารณาว่าพระสงฆ์รูปใดเข้าไปเกี่ยวข้องในลักษณะใดบ้าง ผิดพระวินัยข้อใด การสร้างพระพุทธรูป การสวดปริตร ปลุกเสก ไม่ได้ผิดหลักคำสอนทั้งในส่วนวินัยบัญญัติ หรือสัมมาอาชีวะแต่อย่างใด ส่วนการทำพานิชย์ที่เกี่ยวข้องเป็นหน้าที่ของฆราวาสดำเนินการด้วยมุ่งประโยชน์ทำนุบำรุงพระพุทธศาสนาสร้างถาวรวัตถุ ก็เป็นเรื่องที่สามารถทำได้ ไม่ใช่การหลอกลวงตามพระวินัย

    15. ไม่มีคารวธรรม คุณธรรม ศึกษาแบบลวกๆ ไม่เคารพในสิกขา การศึกษา ทำให้เข้าใจไม่ถูกต้อง นำสุ่การตีความธรรมวินัยผิด
    การศึกษาธรรมต้องมีความเคารพในสิกขา คือการศึกษาด้วยความเคารพ ข้อใดไม่เข้าใจก็ต้องไปสอบถาม กับอาจารย์ผู้รู้ จนเกิดความเข้าใจ การไม่แสวงหา ไม่ใฝ่หาผู้รู้มาสอบทานความรู้ที่ตนมีจึงเป็นการศึกษาโดยไม่เคารพในพระธรรม ซึ่งจะก่อให้เกิดปัญหาในเรื่องความเข้าใจไม่ถูกต้อง และเป็นปัญหาชาวพุทธเมื่อนำไปเผยแผ่
    (มี ต่อ 16-18)

    อย่าร่วมกันสร้างบาปให้กับพระพุทธศาสนา คำสอนในพระไตรปิฎกมีความลึกซึ้ง ต้องศึกษาอย่างเคารพ ระมัดระวัง อย่างเป็นระบบ มีกระบวนการ และชาวพุทธควรยึดหลักการในพระไตรปิฎก ไม่สนับสนุนกลุ่มคนที่ทำลายคำสอนด้วยการสอนผิด
    บาป 18 ประการ คนตื่นธรรม กรณีคนตื่นธรรม สอนธรรมออนไลน์ในสื่อโซเชียล มีลักษณะการใช้คำพูดหยาบคาย ด้อยค่าด่ากราด ไม่ประนีประนอมเพื่อให้คนเข้าถึงธรรมะที่แท้จริง ตื่นรู้จากอวิชชา เดรัจฉานวิชา ปลุกเสก ได้สร้างบาป 18 ประการขึ้น คือในการสอนธรรม มีข้อผิดพลาดที่เป็นปัญหาควรต้องพิจารณาและปรับปรุง เพราะกระทบต่อภาพลักษณ์ของพุทธสาสนา และสร้างสัทธรรมปฏิรูปขึ้นแก่ชาวพุทธ เป็นบาปใหญ่หลวง 1. ใช้วจีทุจริต ไม่เป็นสัมมาวาจา ไม่เป็นวาจาสุภาษิต (ตามแนวทางมรรค ๘) มีการใช้คำพูดด่า ดูถูก กดข่มผู้ฟัง เช่น มึงมันโง่ ไอ้ปัญญาอ่อน มึงปัญญาอ่อนไง โดยกล่าวอ้างว่า ธรรมแท้ไม่มีประนีประนอม ในหลักของมรรคมีองค์ ๘ ครอบคลุมอยู่ในทุกเรื่องของการกระทำ จึงจะถือว่าเป็นการปฏิบัติตามคำสอนในพระพุทธศาสนา การสอนโดยใช้วาจาไม่เป็นสัมมาวาจานั้น เป็นวจีทุจริต เป็นบาป ผิดหลักมรรคมีองค์ ๘ 2. สอนขัดแย้งกันเอง ยกธรรมตีธรรม เพราะไม่รอบรู้ไม่เข้าใจหลักเหตุผล มักจะเอาธรรมข้อใดข้อหนึ่งยกขึ้นมา ตีธรรมะข้ออื่นในชุดธรรมเดียวกัน หรือชุดอื่น เพื่อสร้างภาพว่าตนรู้ทั่วถึงธรรมวินัยดี อันไหนธรรมแท้ ธรรมถูก เช่น การกล่าวว่าการรู้อดีต รู้อนาคต ไม่ได้ทำให้เข้าใจปัจจุบัน ไม่มีประโยชน์ ถือเป็นดูหมิ่นด้อยค่า คำสอน วิชชา 3 มี ปุพเพนิวาสนุสสติญาณ จุตูปปาตญาณ อาสวักขยญาณ โดยคำลักษณะนี้เป็นการบอกว่า ญาณ 2 อย่างข้างต้นไม่มีความสำคัญ ในขณะที่ปุพเพนิวาสานุสสติญาณ การระลึกรู้อดีตชาติของพระพุทธเจ้า ได้เป็นการประจักษ์แจ้งการเวียนว่ายตายเกิดในสังสารวัฏฏ์ ทำให้รู้จุตูปปาตญาณ รู้ผลของการกระทำกรรม และนำสู่อาสวักขยญาณ ปัญญารู้ทำอาสวะกิเลสให้หมดสิ้นได้ และข้อธรรมอื่นก็คล้ายกัน ไม่รู้จักเหตุผล พุทธเจ้าแสดงธรรมเป็นชุดเหตุผล เป็นลำดับ 3. พุทธคุณไม่มีอยู่จริง นอกจากพระบริสุทธิคุณ ปัญญาคุณ มหากรุณาคุณ ความจริงคุณของพระพุทธเจ้ามีหลายประการ ทั้งนวหรคุณ 9 อย่าง อะระหํ(เป็นพระอรหันต์) สัมมาสัมพุทโธ(ตรัสรู้ด้วยพระองค์เอง) วิชชาจรณสัมปันโน (เป็นผู้ถึงพร้อมด้วยวิชชาและจรณะ) เป็นต้น พุทธานุภาพที่เกิดจากอานุภาพบารมีที่สั่งสมแสดงออกอำนวยผล ในหลายลักษณะ ให้เกิดความสวัสดีแก่ผู้นับถือบูชา เช่น การปกป้องคุ้มครองพระภิกษุที่ไปปฏิบัติอยู่ในสถานที่ห่างไกล มักจะปูลาดอาสนะไว้ เมื่อมีภัย หรือเกิดอกุศลวิตก หวาดกลัว เพียงระลึกถึงพระพุทธเจ้า พระองค์จะเสด็จมาปลอบ สอนธรรม ทำให้พระภิกษุไม่หวาดกลัวที่จะเดินทางไปอยู่ในที่ไกลๆ เพราะพลังแห่งพุทธะคุ้มครอง แม้ในยุคปัจจุบันพุทธเจ้าปรินิพพานแล้ว ก็ยังมีพลังพุทธคุณหรือพุทธานุภาพปกป้องคุ้มครองชาวพุทธอยู่ ความเชื่อเหล่านี้จะมีผลได้ต้องปฏิบัติธรรมจนเข้าถึงธรรมระดับหนึ่งจึงจะสามารถพิสูจน์ได้ การเห็นสุดโต่งปฏิเสธความมีอยู่แห่งพุทธานุภาพจึงเป็นความเห็นผิด อันร้ายแรงอย่างหนึ่ง 4.พระเครื่องไม่มีพุทธคุณ เป็นความเห็นผิด พุทธเจ้าประทานบทพระปริตรหลายวาระหลายบท เพื่อป้องกัน เพื่อรักษา ไม่เบียดเบียน อยู่สำราญ ของพระภิกษุ ภิกษุณี อุบาสก อุบาสิกา พุทธานุภาพหรือเขตอำนาจแห่งพุทธเจ้าแผ่ไปใน 3 เรื่อง คือ 1)ชาติเขต แผ่ไปในหมื่นจักรวาล 2)อาณาเขต คือ พุทธมนต์ หรือปริตร แผ่ไปในแสนโกฏิจักรวาล 3)วิสัยเขต แผ่ไปไม่มีขอบเขต พุทธคุณหรือพุทธานุภาพ เกิดจากการสวดสาธยายมนต์ มีอำนาจแผ่ไปในแสนโกฏิจักรวาล ช่วยขจัดปัดเป่าอุปัทวันตราย โรคภัย เสนียดจัญไรต่างๆ ได้ มีการสืบทอดคำสอนมาช้านาน ดังข้อความว่า "ภิกษุทั้งหลาย เธอทั้งหลายจงเรียนมนต์เครื่องรักษาชื่ออาฏานาฏิยะจงเล่าเรียนมนต์เครื่องรักษาชื่ออาฏานาฏิยะ จงทรงจำมนต์เครื่องรักษาชื่ออาฏานาฏิยะไว้ ภิกษุทั้งหลาย มนต์เครื่องรักษาชื่ออาฏานาฏิยะนี้ ประกอบด้วยประโยชน์ เพื่อคุ้มครอง เพื่อรักษา เพื่อไม่เบียดเบียน เพื่ออยู่สำราญของภิกษุ ภิกษุณี อุบาสก อุบาสิกาทั้งหลาย” ข้อความนี้แสดงให้เห็นว่า บทปริตร หรือบทพุทธมนต์ มีพลังอำนาจ คุ้มครองป้องกันรักษา พระพุทธเจ้าจึงให้สวดสาธยาย และเมื่อนำมาใช้ในการสร้างพระพุทธรูป พระเครื่องต่างๆ ย่อมมีคุณตามที่พระพุทธเจ้าตรัส คำพูดปฏิเสธพุทธคุณ พุทธรูป สิ่งเคารพทางศาสนา ที่สืบทอดคติความเชื่อจารีตมาช้านานนับพันปี จึงเป็นการบ่อนทำลายความศรัทธาที่มีต่อ พระพุทธเจ้า สิ่งแทนพุทธเจ้า หรือคำสอนที่เกี่ยวกับพระพุทธเจ้า ไม่ให้ผู้คนมีศรัทธา โดยยกคำสอนเรื่องอริยสัจ มาด้อยค่าคำสอนว่าด้วยเรื่องศรัทธาต่อพระพุทธเจ้า จึงเป็นการทำลายศาสนา ไปพร้อมกัน อนาคตเด็กยุคใหม่เสพคำสอนนี้ จะไม่นับถือไม่ไหว้พระพุทธเจ้าและไม่เห็นความสำคัญ คุณค่าของพุทธรูปที่สร้างไว้ในฐานะเครื่องยึดเหนี่ยวที่เป็นรูปธรรมนำสุ่พุทธเจ้า รวมทั้งไม่เชื่อในพระพุทธเจ้า 5. มิจฉาทิฐิ 10 สอนการบูชาที่ไร้ผล สายลัทธิวัดนา สอนไม่ให้กราบไหว้บูชาพระพุทธรูป องค์แทนพุทธเจ้าสร้างขึ้นเพื่อระลึกถึงพุทธเจ้า เป็นจารีตนิยมที่ถือมาช้านาน เชื่อมโยงคำสอนในพระไตรปิฎก ขุททกนิกาย วิมานวัตถุ ปีตวิมานวัตถุ “ติฏฺฐนฺเต นิพฺพุเต จาปิ, สเม จิตฺเต สมํ ผลํ; เจโตปณิธิเหตุ หิ, สตฺตา คจฺฉนฺติ สุคฺคตึ. "พระพุทธเจ้า จะทรงพระชนม์อยู่ หรือแม้จะนิพพานไปแล้วก็ตาม ถ้าจิตเสมอกัน ผลก็เสมอกัน สัตว์ทั้งหลายไปสู่สวรรค์ เพราะความเลื่อมใสตั้งมั่นแห่งจิตใจ การสอนไม่ให้ไหว้พุทธรูป นับเป็นมิจฉาทิฐิ ข้อที่ ๒ นัตถิ ยิตถัง และข้อที่ ๑๐ พระพุทธเจ้าไม่มีอยู่จริง ในชุดคำสอน มิจฉาทิฐิ ๑๐ ประการ เป็นการสร้างบาปทำลายคำสอน ความศรัทธาที่ชาวพุทธมีต่อพระพุทธเจ้า โดยอ้างว่าให้ยึดคำสอนสูงสุด อริยสัจสี่ เพื่อพ้นทุกข์ 6. คุณไสย ไสยเวทย์ ไม่มี. การปฏิเสธคำสอน ในเรื่องคุณไสย์ วิชาอาคม มนต์ มีพลังอำนาจอยู่จริง หรือไม่ เมื่อไม่สามารถหาคำตอบหรือพิสูจน์ได้ ก็ควรพิจารณาจากหลักฐานในพระไตรปิฎก มีที่ใดบ้าง ข้อความพุทธพจน์วินัยบัญญัติ ดังเรื่องต่อไปนี้ ๑) พระภิกษุถูกผีสิง อมนุษย์สิง กินเลือดสด เนื้อสด ทรงอนุญาตให้พระภิกษุฉันเลือดและเนื้อสดได้ เพื่อเป็นเภสัช เมื่อฉันแล้วอมนุษย์จะออกไป แสดงให้เห็นว่าบทบัญญัติทางพระวินัย พระพุทธเจ้ายอมรับว่ามีผีหรืออมนุษย์สามารถสิงสู่คนได้ พระภิกษุถูกอมนุษย์สิงได้ และวิธีการรักษา ในครั้งนั้นตามอาการ คือเมื่ออมนุษย์มาสิงเพื่อกินเนื้อสด เลือดสด(ปอบ) ก็อนุญาตให้พระภิกษุกินได้ และไม่ถือว่าต้องอาบัติอะไร เพราะคนที่กิน ไม่ใช่พระ แต่เป็นอมนุษย์ หลักฐานนี้ยอมรับการมีอยู่ การสิงร่างคน ของอมนุษย์ เป็นความรู้ที่ควรต้องมี ไม่ปฏิเสธว่า ผี อมนุษย์ ไม่มี ไสยเวทย์ ไม่มี เรื่องเนื้อดิบและเลือดสด "อมนุษย์เคี้ยวกินเนื้อดิบและดื่มเลือดสด เพราะเหตุนั้น ภิกษุจึงชื่อว่าไม่ได้เคี้ยวกินเนื้อดิบและดื่มเลือดสดนั้น. อมนุษย์ ครั้นเคี้ยวกินและดื่มแล้วได้ออกไป เพราะเหตุนั้น พระธรรมสังคาหกาจารย์จึงกล่าวว่า อาพาธเกิดแต่อมนุษย์นั้นของเธอย่อมระงับ." วินัยปิฎก มหาวรรค ๕/๒๖๔๔๙. https://84000.org/tipitaka/read/m_siri.php?B=5&siri=8 ๒) เรื่องภิกษุโดนยาแฝดดื่มน้ำที่ละลายจากดินติดผาลไถ สมัยนั้น ภิกษุรูปหนึ่งอาพาธโดนยาแฝด ภิกษุทั้งหลายจึงนำเรื่องนี้ ไปกราบทูลพระผู้มีพระภาคให้ทรงทราบพระผู้มีพระภาครับสั่งว่า “ภิกษุทั้งหลาย เราอนุญาตให้ดื่มน้ำที่เขาละลายดิน รอยไถติดผาล” (วินัยปิฎกมหาวรรค. ๕/๒๖๙/๖๑.) วิธีการรักษาโรคต่างๆ มีปรากฏอยู่ในตุวฏกสุตตนิทเทสขุททกนิกาย มหานิเทศ ได้กล่าวถึงวิธีการบำบัดโรคไว้ 5 อย่างด้วยกัน คือ (๑) การบำบัดด้วยการเสกเป่า (๒) การบำบัดด้วย (๓) การผ่าตัด (๔) การบำบัดด้วยยา (๕) การรักษาที่เกี่ยวข้องกับทางภูตผีหรือไสยศาสตร์ และการบำบัดโรคเด็ก (กุมารเวช) 7.ปฏิเสธการสวดมนต์ สาธยายมนต์ พระปริตร ว่าไม่มีคุณค่า ไม่ได้ช่วยอะไร เป็นการปฏิเสธคำของพระพุทธเจ้า ที่อนุญาตให้พุทธบริษัท ๔ เรียน และสวดสาธยายปริตร ดังข้อความว่า "ภิกษุทั้งหลาย เธอทั้งหลายจงเรียนมนต์เครื่องรักษาชื่ออาฏานาฏิยะจงเล่าเรียนมนต์เครื่องรักษาชื่ออาฏานาฏิยะ จงทรงจำมนต์เครื่องรักษาชื่ออาฏานาฏิยะไว้ ภิกษุทั้งหลาย มนต์เครื่องรักษาชื่ออาฏานาฏิยะนี้ ประกอบด้วยประโยชน์เพื่อคุ้มครอง เพื่อรักษา เพื่อไม่เบียดเบียน เพื่ออยู่สำราญของภิกษุ ภิกษุณี อุบาสก อุบาสิกาทั้งหลาย” (ที.มหา. ๑๑/๒๙๕/๒๖๔.) 8. เรียนไม่ถึง ตีความเอง ไม่ศึกษาเครื่องมือการศึกษาพระไตรปิฎก คือไวยากรณ์ภาษาบาลี คนตื่นธรรมเป็นศิษย์สำนักวัดนาจึงใช้ทิฏฐิของตน อัตโนมัติ ตัดสินธรรมตามชอบใจ ซึ่งเป็นหลักสำคัญที่สำนักนี้ใช้การตีความแบบนี้มาช้านาน โดยใช้หลักการยึดเอาพระไตรปิฎกเฉพาะบางส่วน ที่เห็นว่าเป็นคำพุทธวจนะแท้ จากพระโอษฐ์ โดยใช้ตรรกะง่ายๆ หาข้อความในพระสูตรที่มีคำว่า "ภิกฺขเว ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย" เป็นต้น จึงจะเชื่อว่าเป็นคำสอนของพระพุทธเจ้า ส่วนคำสอนอื่นที่ไม่มีข้อความตรัสแบบนี้ จะตีความว่าไม่ใช่คำสอน เป็นคำแต่งเติม แต่งใหม่จึงมีส่วนคำสอนที่ถูกสำนักนี้ตัดออกไป เช่น เรื่องสวดปริตร หรือสิกบท 150 ข้อ การตัดสินความเป็นพุทธพจน์แท้ แบบนี้นับเป็นการตีความผิดพลาดอย่างมาก ได้สร้างบาปใหญ่ให้เกิดในสังฆมณฑลมา 20 กว่าปี ศิษย์สำนักนี้เผยแผ่ธรรม ตามการตีความแบบนี้จึงได้เกิด วิวาทะ ปะทะกับชาวพุทธส่วนใหญ่ ถกเถียงกันเรื่อง เดรัจฉานวิชา การทำน้ำมนต์ ปลุกเสก สิกขาบทวินัย ทำให้เกิดความแตกแยก ไม่มีหน่วยงานใดเข้ามาแก้ปัญหา ยังคงเป็นปัญหาจนทุกวันนี้ คนตื่นธรรมถือเป็นผลผลิตของวัดนาที่ได้สร้างบาปให้แก่พุทธสาสนา ด้วยการศึกษาเอง ตีความเอง ข่มชาวพุทธ 9.ศึกษาธรรมวินัยเอง ไม่มีครูอาจารย์ผู้สอน ทำให้ตีความธรรมวินัยผิดพลาด ขัดแย้งกับคำสอนหลายเรื่อง เป็นมิจฉาทิฐิ ในการเล่าเรียนธรรมพระไตรปิฎก พระพุทธเจ้าทรงบัญญัติวิธีการศึกษาพระธรรมวินัยไว้ในสัทธิวิหาริกวัตรว่า “อุปชฺฌาเยน, ภิกฺขเว, สทฺธิวิหาริโก สงฺคเหตพฺโพ อนุคฺคเหตพฺโพ อุทฺเทเสน ปริปุจฺฉาย โอวาเทน อนุสาสนิยา. ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย อุปัชฌาย์ ต้องสงเคราะห์ อนุเคราะห์ สัทธิวิหาริก(พระลูกศิษย์) ด้วยอุทเทส(พระบาลี) ปริปุจฉา(การทวนสอบอรรถกถา) โอวาท และอนุสาสนีย์ วินัยปิฎก มหาวรรค.๔/๖๗/๘๘ https://84000.org/tipitaka/read/m_siri.php?B=4&siri=20 หลักการนี้ย้ำชัดว่า ในการศึกษาคำสอน ต้องทำอยู่ภายใต้การดูแลของผู้เชี่ยวชาญ ที่รอบรู้ในพระธรรมวินัย ไม่สามารถศึกษาเองได้ คนตื่นธรรมหรือสำนักวัดนา ใช้วิธีการอ่านศึกษาธรรมเอง จึงได้เกิดความเห็นผิดขึ้นหลายประการ เรื่องการตีความคำสอนผิดพลาด 10.ขาดคุณสมบัติของผู้สอนธรรม ๗ ประการ ที่จำเป็นของผู้สอนธรรม ตามพุทธพจน์ที่ตรัสไว้ในอังคุตรนิกาย สัตตกนิบาตว่า “ปิโย ครุ ภาวนีโย, วตฺตา จ วจนกฺขโม; คมฺภีรญฺจ กถํ กตฺตา, โน จฏฺาเน นิโยชโก . ๑. เป็นที่รักเป็นที่พอใจ ๒. เป็นที่เคารพ ๓. เป็นที่ยกย่อง ๔. เป็นนักพูด ๕. เป็นผู้อดทนต่อถ้อยคำ ๖. เป็นผู้พูดถ้อยคำลึกซึ้งได้ ๗. ไม่ชักนำในอฐานะ ภิกษุทั้งหลาย มิตรประกอบด้วยองค์ ๗ ประการนี้แล เป็นผู้ควรเสพ ควรคบ ควรเข้าไปนั่งใกล้ แม้จะถูกขับไล่ก็ตาม อธิบายความ 1.ปิโย เป็นที่รักเป็นที่พอใจ ในที่นี้หมายถึงมีลักษณะแห่งกัลยาณมิตร ๘ ประการ คือ (๑) มีศรัทธา คือ เชื่อการตรัสรู้ของพระตถาคต เชื่อกรรมและผลของกรรม (๒) มีศีล คือ เป็นที่รัก เป็นที่เคารพ เป็นที่นับถือของสัตว์ทั้งหลาย (๓) มีสุตะ คือ กล่าวถ้อยคำที่ลึกซึ้งที่สัมปยุตด้วยสัจจะและปฏิจจสมุปบาท (๔) มีจาคะ คือปรารถนาน้อย สันโดษ ชอบสงัด ไม่คลุกคลีด้วยหมู่ (๕) มีความเพียร คือ ปรารภความเพียรในการปฏิบัติเพื่อเกื้อกูลแก่ตนและเกื้อกูลแก่ผู้อื่น (๖) มีสติ คือ มีสติตั้งมั่น (๗) มีสมาธิ คือ มีจิตตั้งมั่นไม่ฟุ้งซ่าน(๘) มีปัญญา คือ รู้อย่างไม่วิปริต ใช้สติพิจารณาคติแห่งกุศลธรรมและอกุศลธรรม รู้สิ่งที่เกื้อกูลและสิ่งไม่เกื้อกูลแห่งสัตว์ทั้งหลายด้วยปัญญาตามความเป็นจริง มีจิตเป็นหนึ่งในอารมณ์นั้นด้วยสมาธิ เว้นสิ่งที่ไม่เกื้อกูล ประกอบสิ่งที่เกื้อกูลด้วยความเพียร (องฺ.สตฺตก.ฏีกา ๓/๓๗-๔๓/๒๐๓) 2.ครุ เป็นที่เคารพ สูงส่งหนักแน่นดุจหินผา 3.ภาวนีโย เป็นที่ยกย่อง น่าเจริญใจ 4.วัตตา เป็นนักพูด(ผู้สอน) หมายถึงเป็นผู้ฉลาดในการใช้คำพูด (องฺ.สตฺตก.อ. ๓/๓๗/๑๗๙) 5. วจนักขโม อดทนต่อถ้อยคำ หมายถึงปฏิบัติตามโอวาทที่ท่านให้แล้ว (องฺ.สตฺตก.อ. ๓/๓๗/๑๗๙) 6. คัมภีรัญ จะ กถัง กัตตา ถ้อยคำลึกซึ้ง หมายถึงเรื่องเกี่ยวกับฌาน วิปัสสนา มรรค ผล และนิพพาน (องฺ.สตฺตก.อ. ๓/๓๗/๑๗๙) 7. โน จัฏฐาเน นิโยชะโก ไม่ชักนำในอฐานะ หมายถึงป้องกันไม่ให้ทำในสิ่งที่ไม่เป็นประโยชน์เกื้อกูล มีคติเป็นทุกข์ แต่ชักชวนให้ทำสิ่งที่เป็นประโยชน์เกื้อกูลมีคติเป็นสุข (เทียบ องฺ.สตฺตก.ฏีกา ๓/๓๗/๒๐๓) 11. ไม่จำแนกแยกแยะ ให้ชัดเจน เหมาะรวม เช่น การสวดมนต์ เจริญพุทธมนต์ ปริตร การอธิษฐานจิตปลุกเสกพระเครื่องวัตถุมงคล กับเดรัจฉานวิชา เอามายำรวมกัน เป็นของที่ห้าม 12.ไม่ให้บูชานับถือ สิ่งอื่นนอกเหนือจากพระรัตนตรัย หรือคำสอน บูชาเทวดา ยมยักษ์ ต่างๆ ในรายละเอียดเรื่องนี้ พระพุทธเจ้าแสดงอานิสงส์ของการบูชาเจดีย์ ที่เป็นเหตุแห่งความเจริญไว้ ในมหาปรินิพพานสูตร ตอนราชอปริหานิยธรรม ทีฆนิกาย มหาวรรค ข้อที่ ๖ ว่า “อานนท์ เธอได้ยินไหมว่า ‘พวกเจ้าวัชชี สักการะ เคารพ นับถือ บูชา เจดีย์ในแคว้นวัชชีของชาววัชชี ทั้งในเมืองและนอกเมือง และไม่ละเลยการบูชาอันชอบธรรม ที่เคยให้เคยกระทำต่อเจดีย์เหล่านั้นให้เสื่อมสูญไป” “อานนท์ พวกเจ้าวัชชีพึงหวังได้แต่ความเจริญอย่างเดียว ไม่มีความเสื่อมเลยตราบเท่าที่พวกเจ้าวัชชียังสักการะ เคารพ นับถือ บูชาเจดีย์ในแคว้นวัชชีของชาววัชชีทั้งในเมืองและนอกเมือง และไม่ละเลยการบูชาอันชอบธรรมที่เคยให้เคยกระทำ ต่อเจดีย์เหล่านั้นให้เสื่อมสูญไป” (ที.มหา.10/134/78.) https://84000.org/tipitaka/read/m_siri.php?B=10&siri=3 คำว่า เจดีย์ ที่ชาววัชชีบูชา หมายถึง ต้นไม้ใหญ่ ที่มียักษ์สิงสถิตย์ ยักษ์เป็นเทวดาชั้นจาตุม ยกฺข ภาษาบาลีแปลว่า ผู้ที่เขาบูชา เมื่อบุคคลบูชาต้นไม้ใหญ่ หรือยักษ์ ย่อมมีความเจริญ ยักษ์คือเทวดาย่อมปกปักษ์รักษา สอดคล้องกับคำสอนเรื่อง เทวตานุสสติ ในพระพุทธศาสนา ไม่ขัดแย้งกัน ย่อมเป็นหลักการยืนยันว่า พระพุทธเจ้ายอมรับว่า มีสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่มีพลังอำนาจอำนวยผลให้ผู้คนนับถือบูชา การบูชาเทวดา หรือต้นไม้ใหญ่ ก็มีผลนำความเจริญมาสู่ได้ เป็นหลักการย่อยในหลักการใหญ่ ที่ควรต้องรู้รอบและลึกชัดเจน จึงจะเข้าใจเรื่องนี้ 13. ไม่เข้าใจตัวบทพยัญชนะ ความหมายคำ ติรัจฉานวิชชา การสวดปริตร การใช้อิทธิปาฏิหาริย์ที่อนุญาต ติรจฺฉานวิชฺชา(อิต.) วิชาขวาง, วิชาขวาง ทางไปนิพพาน, ติรัจฉานวิชา คือความรู้ที่ไร้สาระ ความรู้ที่ไม่เป็นประโยชน์ วิชาที่ไม่ทำตนให้พ้นจากทุกข์ซึ่งพระพุทธเจ้า ทรงห้ามมิให้ภิกษุ - สามเณรศึกษา เช่น วิชาทำเสน่ห์ยาแฝดเป็นต้น. 14. ไม่เข้าใจ แยกไม่ออกระหว่างการสวดปริตร กับการทำเดรัจฉานวิชา ทำให้ โจมตีพระที่สวดปริตร ทำน้ำมนต์ ปลุกเสก ในขณะที่เรื่องการทำวัตถุมงคล พุทธพานิชย์มีรายละเอียดหลายส่วน ต้องพิจารณาว่าพระสงฆ์รูปใดเข้าไปเกี่ยวข้องในลักษณะใดบ้าง ผิดพระวินัยข้อใด การสร้างพระพุทธรูป การสวดปริตร ปลุกเสก ไม่ได้ผิดหลักคำสอนทั้งในส่วนวินัยบัญญัติ หรือสัมมาอาชีวะแต่อย่างใด ส่วนการทำพานิชย์ที่เกี่ยวข้องเป็นหน้าที่ของฆราวาสดำเนินการด้วยมุ่งประโยชน์ทำนุบำรุงพระพุทธศาสนาสร้างถาวรวัตถุ ก็เป็นเรื่องที่สามารถทำได้ ไม่ใช่การหลอกลวงตามพระวินัย 15. ไม่มีคารวธรรม คุณธรรม ศึกษาแบบลวกๆ ไม่เคารพในสิกขา การศึกษา ทำให้เข้าใจไม่ถูกต้อง นำสุ่การตีความธรรมวินัยผิด การศึกษาธรรมต้องมีความเคารพในสิกขา คือการศึกษาด้วยความเคารพ ข้อใดไม่เข้าใจก็ต้องไปสอบถาม กับอาจารย์ผู้รู้ จนเกิดความเข้าใจ การไม่แสวงหา ไม่ใฝ่หาผู้รู้มาสอบทานความรู้ที่ตนมีจึงเป็นการศึกษาโดยไม่เคารพในพระธรรม ซึ่งจะก่อให้เกิดปัญหาในเรื่องความเข้าใจไม่ถูกต้อง และเป็นปัญหาชาวพุทธเมื่อนำไปเผยแผ่ (มี ต่อ 16-18) อย่าร่วมกันสร้างบาปให้กับพระพุทธศาสนา คำสอนในพระไตรปิฎกมีความลึกซึ้ง ต้องศึกษาอย่างเคารพ ระมัดระวัง อย่างเป็นระบบ มีกระบวนการ และชาวพุทธควรยึดหลักการในพระไตรปิฎก ไม่สนับสนุนกลุ่มคนที่ทำลายคำสอนด้วยการสอนผิด
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 1032 มุมมอง 0 รีวิว
  • ก่อนนั้น จีนไปเหมาสัมปทานตู้ขายวัตถุมงคลของวัด ขายจีนด้วยกัน หลักร้อย ขายหลักหมื่น...ต่อมา เอาพระเก๊ยุคเก่าไปต้มพวกเดียวกัน...ล่าสุด เป็นผู้สร้างเองแล้ว ..พระใหม่ออกวัดแน่นอน ...ผลประโยชน์ให้วัดเท่าไรก็ว่ากันไป.....
    ตอนนี้บนพันทิพย์ มีร้านพระที่เป็นของคนจีนอยู่หลายร้าน ร้านกรอบทองคำ ตลับทองคำใส่พระก็มี...หลายร้าน...เนื่องจากกำลังซื้อคนไทยถดถอย...พวกจีนเห็นช่องว่างทำเงินจากสิ่งนี้ ก็มาปักหลักทำธุรกิจในสายนี้เพิ่มขึ้น.
    ก่อนนั้น จีนไปเหมาสัมปทานตู้ขายวัตถุมงคลของวัด ขายจีนด้วยกัน หลักร้อย ขายหลักหมื่น...ต่อมา เอาพระเก๊ยุคเก่าไปต้มพวกเดียวกัน...ล่าสุด เป็นผู้สร้างเองแล้ว ..พระใหม่ออกวัดแน่นอน ...ผลประโยชน์ให้วัดเท่าไรก็ว่ากันไป..... ตอนนี้บนพันทิพย์ มีร้านพระที่เป็นของคนจีนอยู่หลายร้าน ร้านกรอบทองคำ ตลับทองคำใส่พระก็มี...หลายร้าน...เนื่องจากกำลังซื้อคนไทยถดถอย...พวกจีนเห็นช่องว่างทำเงินจากสิ่งนี้ ก็มาปักหลักทำธุรกิจในสายนี้เพิ่มขึ้น.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 103 มุมมอง 0 รีวิว
Pages Boosts