• น้ำท่วมภาคใต้ อ่วมไทย-มาเลเซีย

    สภาพอากาศแปรปรวนในพื้นที่ภาคใต้ของไทย ส่งผลให้เกิดน้ำท่วมฉับพลันและน้ำป่าไหลหลากหลายพื้นที่ กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) สรุปสถานการณ์ระหว่างวันที่ 22 พ.ย. ถึง 2 ธ.ค. 2567 เกิดอุทกภัย 10 จังหวัด ได้แก่ ชุมพร สุราษฎร์ธานี นครศรีธรรมราช พัทลุง ตรัง สตูล สงขลา ปัตตานี ยะลา นราธิวาส รวม 87 อำเภอ 538 ตำบล 3,729 หมู่บ้าน ประชาชนได้รับผลกระทบ 664,173 ครัวเรือน มีผู้เสียชีวิต 25 ราย ปัจจุบันยังคงมีน้ำท่วม 6 จังหวัด ได้แก่ นครศรีธรรมราช พัทลุง สงขลา ปัตตานี ยะลา นราธิวาส

    นับเป็นอุทกภัยครั้งใหญ่ในรอบหลายปี ที่จังหวัดยะลา เทศบาลนครยะลาน้ำท่วมใหญ่ในรอบ 36 ปี นับจากก่อนหน้านี้เมื่อปี 2531 ส่วนเทศบาลนครหาดใหญ่ จ.สงขลา น้ำจากคลองอู่ตะเภาและคลองระบายน้ำภูมินารถดำริ หรือคลอง ร.1 เอ่อล้นเข้าท่วมพื้นที่โซนหาดใหญ่ใน เมื่อวันที่ 29 พ.ย. ก่อนกลับมาเป็นปกติเมื่อวันที่ 1 ธ.ค. แต่โซนเศรษฐกิจชั้นในของเมืองหาดใหญ่ปลอดภัย น้ำไม่ท่วม เพราะคลอง ร.1 โครงการพระราชดำริในหลวง รัชกาลที่ ๙ สร้างขึ้นหลังอุทกภัยปี 2543 ช่วยบรรเทาความเดือดร้อน

    แม้สถานการณ์ลุ่มน้ำปัจจุบันระดับน้ำลดลง แต่กรมอุตุนิยมวิทยาออกประกาศ ฝนตกหนักถึงหนักมากบริเวณภาคใต้ ลงวันที่ 2 ธ.ค. เวลา 17.00 น. ระบุว่า ในช่วงวันที่ 3-5 ธ.ค. หย่อมความกดอากาศต่ำบริเวณทะเลจีนใต้ตอนล่างจะเคลื่อนผ่านภาคใต้ตอนล่างและประเทศมาเลเซีย ลงสู่ทะเลอันดามันตอนล่างและช่องแคบมะละกา ประกอบกับมรสุมตะวันออกเฉียงเหนือที่พัดปคลุมอ่าวไทยและภาคใต้มีกำลังปานกลาง ทำให้ภาคใต้ตอนล่างมีฝนตกหนักถึงหนักมากบางแห่ง

    สภาพอากาศแปรปรวนยังส่งผลกระทบถึงประเทศมาเลเซีย มีน้ำท่วมเกิดขึ้นแล้ว 10 รัฐ เสียชีวิต 7 ราย โดยรัฐกลันตันมีผู้ประสบภัยน้ำท่วมมากที่สุด แม่น้ำสุไหงโกลกในเมืองรันเตาปันจังและตุมปัต ยังอยู่ในระดับที่อันตราย ส่วนทางด่วนสายเหนือ-ใต้ E1 เชื่อมระหว่างกรุงกัวลาลัมเปอร์กับด่านบูกิตกายูฮิตัม ไปยังประเทศไทย น้ำท่วมบริเวณกิโลเมตรที่ 32.1 ถึง 33.2 ช่วงด่านจิตรา ถึงด่านฮูตันกำปง ต้องเบี่ยงให้ผู้ใช้ทางไปใช้เส้นทางใกล้เคียง ส่วนทางรถไฟสายชายฝั่งทะเลตะวันออก หยุดการเดินรถเป็นส่วนใหญ่ โดยเฉพาะขบวนรถไฟเส้นทางตุมปัต-เจบี เซ็นทรัล

    นายกสมาคมโรงแรมไทย เสนอให้รัฐบาลออกมาตรการกระตุ้นการท่องเที่ยวอย่างต่อเนื่องช่วงโค้งสุดท้ายปี 2567 เพราะน้ำท่วมครั้งนี้มีการยกเลิกห้องพักล่วงหน้าทั้งกรุ๊ปทัวร์และเดินทางส่วนตัว รวมถึงการจองจัดงานสังสรรค์ หากสถานการณ์กลับสู่สภาวะปกติ นักท่องเที่ยวชาวมาเลเซียก็จะฟื้นตัวได้เร็ว เพราะขับรถข้ามด่านมาเที่ยวเอง

    #Newskit
    น้ำท่วมภาคใต้ อ่วมไทย-มาเลเซีย สภาพอากาศแปรปรวนในพื้นที่ภาคใต้ของไทย ส่งผลให้เกิดน้ำท่วมฉับพลันและน้ำป่าไหลหลากหลายพื้นที่ กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) สรุปสถานการณ์ระหว่างวันที่ 22 พ.ย. ถึง 2 ธ.ค. 2567 เกิดอุทกภัย 10 จังหวัด ได้แก่ ชุมพร สุราษฎร์ธานี นครศรีธรรมราช พัทลุง ตรัง สตูล สงขลา ปัตตานี ยะลา นราธิวาส รวม 87 อำเภอ 538 ตำบล 3,729 หมู่บ้าน ประชาชนได้รับผลกระทบ 664,173 ครัวเรือน มีผู้เสียชีวิต 25 ราย ปัจจุบันยังคงมีน้ำท่วม 6 จังหวัด ได้แก่ นครศรีธรรมราช พัทลุง สงขลา ปัตตานี ยะลา นราธิวาส นับเป็นอุทกภัยครั้งใหญ่ในรอบหลายปี ที่จังหวัดยะลา เทศบาลนครยะลาน้ำท่วมใหญ่ในรอบ 36 ปี นับจากก่อนหน้านี้เมื่อปี 2531 ส่วนเทศบาลนครหาดใหญ่ จ.สงขลา น้ำจากคลองอู่ตะเภาและคลองระบายน้ำภูมินารถดำริ หรือคลอง ร.1 เอ่อล้นเข้าท่วมพื้นที่โซนหาดใหญ่ใน เมื่อวันที่ 29 พ.ย. ก่อนกลับมาเป็นปกติเมื่อวันที่ 1 ธ.ค. แต่โซนเศรษฐกิจชั้นในของเมืองหาดใหญ่ปลอดภัย น้ำไม่ท่วม เพราะคลอง ร.1 โครงการพระราชดำริในหลวง รัชกาลที่ ๙ สร้างขึ้นหลังอุทกภัยปี 2543 ช่วยบรรเทาความเดือดร้อน แม้สถานการณ์ลุ่มน้ำปัจจุบันระดับน้ำลดลง แต่กรมอุตุนิยมวิทยาออกประกาศ ฝนตกหนักถึงหนักมากบริเวณภาคใต้ ลงวันที่ 2 ธ.ค. เวลา 17.00 น. ระบุว่า ในช่วงวันที่ 3-5 ธ.ค. หย่อมความกดอากาศต่ำบริเวณทะเลจีนใต้ตอนล่างจะเคลื่อนผ่านภาคใต้ตอนล่างและประเทศมาเลเซีย ลงสู่ทะเลอันดามันตอนล่างและช่องแคบมะละกา ประกอบกับมรสุมตะวันออกเฉียงเหนือที่พัดปคลุมอ่าวไทยและภาคใต้มีกำลังปานกลาง ทำให้ภาคใต้ตอนล่างมีฝนตกหนักถึงหนักมากบางแห่ง สภาพอากาศแปรปรวนยังส่งผลกระทบถึงประเทศมาเลเซีย มีน้ำท่วมเกิดขึ้นแล้ว 10 รัฐ เสียชีวิต 7 ราย โดยรัฐกลันตันมีผู้ประสบภัยน้ำท่วมมากที่สุด แม่น้ำสุไหงโกลกในเมืองรันเตาปันจังและตุมปัต ยังอยู่ในระดับที่อันตราย ส่วนทางด่วนสายเหนือ-ใต้ E1 เชื่อมระหว่างกรุงกัวลาลัมเปอร์กับด่านบูกิตกายูฮิตัม ไปยังประเทศไทย น้ำท่วมบริเวณกิโลเมตรที่ 32.1 ถึง 33.2 ช่วงด่านจิตรา ถึงด่านฮูตันกำปง ต้องเบี่ยงให้ผู้ใช้ทางไปใช้เส้นทางใกล้เคียง ส่วนทางรถไฟสายชายฝั่งทะเลตะวันออก หยุดการเดินรถเป็นส่วนใหญ่ โดยเฉพาะขบวนรถไฟเส้นทางตุมปัต-เจบี เซ็นทรัล นายกสมาคมโรงแรมไทย เสนอให้รัฐบาลออกมาตรการกระตุ้นการท่องเที่ยวอย่างต่อเนื่องช่วงโค้งสุดท้ายปี 2567 เพราะน้ำท่วมครั้งนี้มีการยกเลิกห้องพักล่วงหน้าทั้งกรุ๊ปทัวร์และเดินทางส่วนตัว รวมถึงการจองจัดงานสังสรรค์ หากสถานการณ์กลับสู่สภาวะปกติ นักท่องเที่ยวชาวมาเลเซียก็จะฟื้นตัวได้เร็ว เพราะขับรถข้ามด่านมาเที่ยวเอง #Newskit
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 660 มุมมอง 0 รีวิว
  • #ยะลา - ยะลาวิกฤตหนักดินสไลด์ถนนเส้น 410 ยะลา-เบตง จนท.เร่งเคลียร์เส้นทาง ขณะที่น้ำจากแม่น้ำปัตตานีข้ามสันเขื่อนเข้าเขตเทศบาลนครยะลา ทำให้พื้นที่ชุมชนเขตเศรษฐกิจได้รับผลกระทบเป็นวงกว้าง

    วันนี้ (29 พ.ย.) ความคืบหน้าสถานการณ์น้ำท่วมในพื้นที่จังหวัดยะลา ยังคงมีฝนตกลงมาอย่างหนักและต่อเนื่อง จนทำให้เกิดดินสไลด์ทับถนนสาย 410 ยะลา-เบตง เขตบ้านกระป๋องบ้านตาพะเยา ต.แม่หวาด อ.ธารโต จ.ยะลา เบื้องต้น เจ้าหน้าที่ตำรวจจาก สภ.แม่หวาด ร่วมกับหมวดการทาง ชุดคุ้มครองครูตำบล กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน ร่วมกันเร่งเคลียร์เส้นทางเพื่อให้รถสัญจรไปมาได้

    ขณะที่ในเขตเทศบาลนครยะลา ผู้สื่อข่าวได้เข้าไปในพื้นที่ชุมชนบ้านร่ม หมู่ที่ 1 ต.สะเตง อ.เมืองยะลา จ.ยะลา ใกล้กับ ต.ท่าสาป ซึ่งติดกับแม่น้ำปัตตานี พบมีสภาพน้ำไหลหลากข้ามแนวสันเขื่อนชุมชนบ้านร่ม เขตเทศบาลนครยะลา มวลน้ำจากแม่น้ำปัตตานีได้ล้นพนังกั้นน้ำเข้ามาในพื้นที่หมู่บ้าน ทำให้น้ำท่วมขยายเป็นวงกว้างในพื้นที่ของ ชุมชน 5 แยกสะเตง ชุมชนสาย 15 ต.สะเตง อ.เมืองยะลา ก่อนเข้าไปภายในตัวเมืองยะลา

    ซึ่งมวลน้ำจากแม่น้ำปัตตานีที่เพิ่มสูงอย่างต่อเนื่องคาดว่าเป็นปริมาณน้ำฝนตกสะสมจากพื้นที่ อ.บันนังสตา อ.กรงปินัง เนื่องจากมีรายงานว่า ทั้ง 2 อำเภอมีฝนตกหนักอย่างต่อเนื่องเช่นกัน ซึ่งมวลน้ำทั้งหมดไหลลงสู่แม่น้ำปัตตานี โดยทางน้ำได้ไหลผ่าน อ.เมืองยะลา สู่เขื่อนชลประทานปัตตานี แต่ด้วยระดับน้ำที่ท่วมอยู่ในพื้นที่ ต.ท่าสาป ต.ยุโป เป็นพื้นที่ติดแม่น้ำปัตตานีอยู่แล้ว จึงทำให้มวลน้ำมารวมกันจนระดับน้ำท่วมสูงขึ้นจนล้นพนังกันน้ำ

    คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >>
    https://mgronline.com/south/detail/9670000114947

    #MGROnline #สถานการณ์น้ำท่วม #จังหวัดยะลา
    #ยะลา - ยะลาวิกฤตหนักดินสไลด์ถนนเส้น 410 ยะลา-เบตง จนท.เร่งเคลียร์เส้นทาง ขณะที่น้ำจากแม่น้ำปัตตานีข้ามสันเขื่อนเข้าเขตเทศบาลนครยะลา ทำให้พื้นที่ชุมชนเขตเศรษฐกิจได้รับผลกระทบเป็นวงกว้าง • วันนี้ (29 พ.ย.) ความคืบหน้าสถานการณ์น้ำท่วมในพื้นที่จังหวัดยะลา ยังคงมีฝนตกลงมาอย่างหนักและต่อเนื่อง จนทำให้เกิดดินสไลด์ทับถนนสาย 410 ยะลา-เบตง เขตบ้านกระป๋องบ้านตาพะเยา ต.แม่หวาด อ.ธารโต จ.ยะลา เบื้องต้น เจ้าหน้าที่ตำรวจจาก สภ.แม่หวาด ร่วมกับหมวดการทาง ชุดคุ้มครองครูตำบล กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน ร่วมกันเร่งเคลียร์เส้นทางเพื่อให้รถสัญจรไปมาได้ • ขณะที่ในเขตเทศบาลนครยะลา ผู้สื่อข่าวได้เข้าไปในพื้นที่ชุมชนบ้านร่ม หมู่ที่ 1 ต.สะเตง อ.เมืองยะลา จ.ยะลา ใกล้กับ ต.ท่าสาป ซึ่งติดกับแม่น้ำปัตตานี พบมีสภาพน้ำไหลหลากข้ามแนวสันเขื่อนชุมชนบ้านร่ม เขตเทศบาลนครยะลา มวลน้ำจากแม่น้ำปัตตานีได้ล้นพนังกั้นน้ำเข้ามาในพื้นที่หมู่บ้าน ทำให้น้ำท่วมขยายเป็นวงกว้างในพื้นที่ของ ชุมชน 5 แยกสะเตง ชุมชนสาย 15 ต.สะเตง อ.เมืองยะลา ก่อนเข้าไปภายในตัวเมืองยะลา • ซึ่งมวลน้ำจากแม่น้ำปัตตานีที่เพิ่มสูงอย่างต่อเนื่องคาดว่าเป็นปริมาณน้ำฝนตกสะสมจากพื้นที่ อ.บันนังสตา อ.กรงปินัง เนื่องจากมีรายงานว่า ทั้ง 2 อำเภอมีฝนตกหนักอย่างต่อเนื่องเช่นกัน ซึ่งมวลน้ำทั้งหมดไหลลงสู่แม่น้ำปัตตานี โดยทางน้ำได้ไหลผ่าน อ.เมืองยะลา สู่เขื่อนชลประทานปัตตานี แต่ด้วยระดับน้ำที่ท่วมอยู่ในพื้นที่ ต.ท่าสาป ต.ยุโป เป็นพื้นที่ติดแม่น้ำปัตตานีอยู่แล้ว จึงทำให้มวลน้ำมารวมกันจนระดับน้ำท่วมสูงขึ้นจนล้นพนังกันน้ำ • คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >> https://mgronline.com/south/detail/9670000114947 • #MGROnline #สถานการณ์น้ำท่วม #จังหวัดยะลา
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 291 มุมมอง 0 รีวิว
  • ยะลา - ยะลาฝนกระหน่ำวันที่ 2 กระทบ 5 อำเภอ ประชาชนเดือดร้อนแล้ว 107,741 คน ขณะที่น้ำโอบล้อมตัวเมืองตัดขาดการเดินทางออกนอกจังหวัด ด้าน ผบช.ภาค 9 ลงพื้นที่มอบอาหารน้ำดื่มช่วยเหลือในเบื้องต้น

    วันนี้ (28 พ.ย.) สถานการณ์อุทกภัยจังหวัดยะลา สืบเนื่องจากปริมาณฝนตกหนักถึงหนักมากมาอย่างต่อเนื่อง ตั้งแต่วันที่ 26 พฤศจิกายน 2567 ปริมาณฝนสะสม 2 วัน อยู่ที่ 579.8 มิลลิเมตร ทำให้เกิดสถานการณ์น้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก น้ำลันตลิ่ง และดินโคลนถล่มในหลายพื้นที่จังหวัดยะลา ล่าสุด ยังมีฝนตกลงมาอย่างหนักและต่อเนื่อง โดยพื้นที่ตำบลรอบนอกในเขตตัวเมืองยะลา ทั้ง 10 ตำบล มีน้ำท่วมโอบล้อมเมืองในเขตเทศบาลนครยะลา ซึ่งขณะนี้มีประชาชนได้รับผลกระทบแล้ว 5 อำเภอ

    คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >>
    https://mgronline.com/south/detail/9670000114539

    #MGROnline #สถานการณ์อุทกภัย #จังหวัดยะลา #ฝนตกหนัก #ปริมาณฝนสะสม #น้ำท่วมฉับพลัน #น้ำป่าไหลหลาก #น้ำลันตลิ่ง #ดินโคลนถล่ม
    ยะลา - ยะลาฝนกระหน่ำวันที่ 2 กระทบ 5 อำเภอ ประชาชนเดือดร้อนแล้ว 107,741 คน ขณะที่น้ำโอบล้อมตัวเมืองตัดขาดการเดินทางออกนอกจังหวัด ด้าน ผบช.ภาค 9 ลงพื้นที่มอบอาหารน้ำดื่มช่วยเหลือในเบื้องต้น • วันนี้ (28 พ.ย.) สถานการณ์อุทกภัยจังหวัดยะลา สืบเนื่องจากปริมาณฝนตกหนักถึงหนักมากมาอย่างต่อเนื่อง ตั้งแต่วันที่ 26 พฤศจิกายน 2567 ปริมาณฝนสะสม 2 วัน อยู่ที่ 579.8 มิลลิเมตร ทำให้เกิดสถานการณ์น้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก น้ำลันตลิ่ง และดินโคลนถล่มในหลายพื้นที่จังหวัดยะลา ล่าสุด ยังมีฝนตกลงมาอย่างหนักและต่อเนื่อง โดยพื้นที่ตำบลรอบนอกในเขตตัวเมืองยะลา ทั้ง 10 ตำบล มีน้ำท่วมโอบล้อมเมืองในเขตเทศบาลนครยะลา ซึ่งขณะนี้มีประชาชนได้รับผลกระทบแล้ว 5 อำเภอ • คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >> https://mgronline.com/south/detail/9670000114539 • #MGROnline #สถานการณ์อุทกภัย #จังหวัดยะลา #ฝนตกหนัก #ปริมาณฝนสะสม #น้ำท่วมฉับพลัน #น้ำป่าไหลหลาก #น้ำลันตลิ่ง #ดินโคลนถล่ม
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 328 มุมมอง 0 รีวิว
  • เขตรักษาพันธ์สัตว์ป่าฮาลา – บาลา

    พื้นที่อนุรักษ์แห่งใหม่ของประเทศไทย ได้รับการจัดตั้งอย่างเป็นทางการเมื่อ พ.ศ. 2539 เป็นแนวชายแดนไทย-มาเลเซีย มีพื้นที่ 270,725 ไร่ ครอบคลุมพื้นที่เขาสันกาลาคีรี ป่าฮาลาและป่าบาลาเป็นผืนป่าดงดิบที่ไม่ต่อเนื่องกัน แต่ได้รับประกาศเป็นเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าเดียวกัน คือ ป่าฮาลา ในเขตอำเภอเบตง จังหวัดยะลา และอำเภอจะแนะ จังหวัดนราธิวาส แต่ส่วนที่เปิดให้ประชาชนเข้าไปศึกษาธรรมชาติจะเป็นพื้นที่ป่าบาลาที่ครอบคลุม อำเภอแว้ง และอำเภอสุคิริน จังหวัดนราธิวาส มีพันธุ์ไม้ต่างๆ ที่หาชมได้ยาก เช่น ต้นยวน ต้นยูคาลิบตัส ต้นสยา เป็นไม้เด่นของป่าฮาลา-บาลา เพราะเป็นแหล่งทำรังที่สำคัญของนกเงือก ยังมีสัตว์ป่าหายากหลายชนิด เช่น ชะนีดำใหญ่ หรือ เซียมัง นอกจากนั้นยังมีกบทูด ซึ่งเป็นกบขนาดใหญ่ที่สุดในประเทศไทย

    ผู้ที่มีความประสงค์เข้าพื้นที่เพื่อศึกษาธรรมชาติ ต้องทำหนังสือแจ้งความประสงค์ล่วงหน้าที่เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าฮาลา-บาลา ตู้ ปณ. 3 อำเภอแว้ง จังหวัดนราธิวาส หรือฝ่ายกิจการเขตรักษาพันธุ์ สำนักอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติ กรมอุทยานแห่งชาติสัตว์ป่าและพันธุ์พืชกรุงเทพฯ โทร 0-2561-0777 ต่อ 1615 ในวันเวลาราชการ หรือเข้าชมเว็บไซต์ที่ www.dnp.go.th

    การเดินทาง สามารถขับไปตามทางหลวงหมายเลข 4057 มุ่งหน้าไปอำเภอแว้ง จนถึงบ้านบูเก๊ะตา จะมีป้ายบอกทางให้ขับต่ไปทางเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าฮาลา-บาลา
    เขตรักษาพันธ์สัตว์ป่าฮาลา – บาลา พื้นที่อนุรักษ์แห่งใหม่ของประเทศไทย ได้รับการจัดตั้งอย่างเป็นทางการเมื่อ พ.ศ. 2539 เป็นแนวชายแดนไทย-มาเลเซีย มีพื้นที่ 270,725 ไร่ ครอบคลุมพื้นที่เขาสันกาลาคีรี ป่าฮาลาและป่าบาลาเป็นผืนป่าดงดิบที่ไม่ต่อเนื่องกัน แต่ได้รับประกาศเป็นเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าเดียวกัน คือ ป่าฮาลา ในเขตอำเภอเบตง จังหวัดยะลา และอำเภอจะแนะ จังหวัดนราธิวาส แต่ส่วนที่เปิดให้ประชาชนเข้าไปศึกษาธรรมชาติจะเป็นพื้นที่ป่าบาลาที่ครอบคลุม อำเภอแว้ง และอำเภอสุคิริน จังหวัดนราธิวาส มีพันธุ์ไม้ต่างๆ ที่หาชมได้ยาก เช่น ต้นยวน ต้นยูคาลิบตัส ต้นสยา เป็นไม้เด่นของป่าฮาลา-บาลา เพราะเป็นแหล่งทำรังที่สำคัญของนกเงือก ยังมีสัตว์ป่าหายากหลายชนิด เช่น ชะนีดำใหญ่ หรือ เซียมัง นอกจากนั้นยังมีกบทูด ซึ่งเป็นกบขนาดใหญ่ที่สุดในประเทศไทย ผู้ที่มีความประสงค์เข้าพื้นที่เพื่อศึกษาธรรมชาติ ต้องทำหนังสือแจ้งความประสงค์ล่วงหน้าที่เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าฮาลา-บาลา ตู้ ปณ. 3 อำเภอแว้ง จังหวัดนราธิวาส หรือฝ่ายกิจการเขตรักษาพันธุ์ สำนักอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติ กรมอุทยานแห่งชาติสัตว์ป่าและพันธุ์พืชกรุงเทพฯ โทร 0-2561-0777 ต่อ 1615 ในวันเวลาราชการ หรือเข้าชมเว็บไซต์ที่ www.dnp.go.th การเดินทาง สามารถขับไปตามทางหลวงหมายเลข 4057 มุ่งหน้าไปอำเภอแว้ง จนถึงบ้านบูเก๊ะตา จะมีป้ายบอกทางให้ขับต่ไปทางเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าฮาลา-บาลา
    Like
    Love
    2
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 292 มุมมอง 0 รีวิว
  • เขื่อนบางลาง จ.ยะลา
    ตั้งอยู่ที่บ้านบางลาง ตำบลเขื่อนบางลาง เป็นโครงการไฟฟ้าพลังน้ำอเนกประสงค์แห่งแรกในภาคใต้ที่สร้างปิดกั้นแม่น้ำปัตตานี เป็นเขื่อนแบบหินทิ้งแกนดินเหนียว สูง 85 เมตร สันเขื่อนยาว 422 เมตร สามารถเก็บกักน้ำได้ 1,420 ล้านลูกบาศก์เมตร พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร รัชกาลที่ 9 ได้เสด็จพระราชดำเนินไปทรงประกอบพิธีเปิดเขื่อนบางลาง เมื่อวันที่ 27 กันยายน พ.ศ. 2524 บริเวณเหนือเขื่อนมีจุดชมทิวทัศน์ ซึ่งมองเห็นทัศนียภาพของเขื่อน อ่างเก็บน้ำ และทิวเขาโดยรอบได้สวยงาม

    ในคราวที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเสด็จพระราชดำเนินไปทอดพระเนตรการก่อสร้างเขื่อนบางลางเมื่อปี 2521 ได้ทรงมีพระราชดำริให้ กฟผ. พิจารณานำน้ำที่ล้นจากฝายลงสู่อ่างเก็บน้ำเขื่อนบางลางมาใช้ประโยชน์ในการผลิตไฟฟ้าพลังน้ำขนาดเล็ก เพื่อเป็นการพัฒนาแหล่งน้ำในท้องถิ่นที่เกิดประโยชน์เต็มที่

    กฟผ. ได้สนองพระราชดำริโดยก่อสร้างโรงไฟฟ้าใต้ภูเขาแห่งแรกของประเทศไทยที่หมู่ บ้านสันติ 1 ตำบลเจาะ อำเภอบันนังสตา จังหวัดยะลา เมื่อปี 2524 ติดตั้งเครื่องกำเนิดไฟฟ้าขนาด 1.275 เมกะวัตต์ จำนวน 1 เครื่อง และท่อส่งน้ำ ยาว 1800 เมตร สามารถจ่ายกระแสไฟฟ้าได้ในเดือนตุลาคม 2525 ให้พลังงานไฟฟ้าปีละประมาณ 6 ล้านกิโลวัตต์ชั่วโมง

    โรงไฟฟ้าพลังน้ำบ้านสันติ มีการควบคุมการเดินเครื่องเป็นแบบระบบอัตโนมัติสามารถสั่งการและควบคุมการ เดินเครื่องได้โดยตรงจากโรงไฟฟ้าเขื่อนบางลาง จึงเป็นโรงไฟฟ้าขนาดเล็กที่ต้องใช้เทคโนโลยีชั้นสูงเข้ามาช่วย ซึ่งดำเนินการโดยวิศวกรและช่างชาวไทยทั้งสิ้น
    นอกจากการผลิตไฟฟ้าแล้ว อ่างเก็บน้ำเหนือเขื่อนบางลาง ยังมีประโยชน์ไว้สำหรับในพื้นที่เพาะปลูกของ จังหวัดยะลา และปัตตานีด้วย รวมถึงช่วยบรรเทาน้ำท่วมในบริเวณตอนล่างของลุ่มน้ำปัตตานีได้เป็นอย่างดี อีกทั้งเป็นแหล่งประมงน้ำจืดที่สำคัญในภาคใต้อีกด้วย

    ที่นี่มีวิวสวยงามอย่างมาก เพราะอุดมสมบูรณ์ไปด้วยธรรมชาติ โดยเราสามารถล่องแพ หรือ นั่งเรือชมวิวของป่าฮาลาที่อยู่ใกล้เขื่อน และชมเกาะแก่งเหนือ เขื่อนบางลาง ได้แบบชิลๆ ได้สัมผัสธรรมชาติของป่าฮาลา ที่อุดมไปด้วยพันธุ์ไม้แปลกๆน่าศึกษาอีกด้วย
    #เที่ยวยะลา
    #คิดถึงธรรมชาติ

    เขื่อนบางลาง จ.ยะลา ตั้งอยู่ที่บ้านบางลาง ตำบลเขื่อนบางลาง เป็นโครงการไฟฟ้าพลังน้ำอเนกประสงค์แห่งแรกในภาคใต้ที่สร้างปิดกั้นแม่น้ำปัตตานี เป็นเขื่อนแบบหินทิ้งแกนดินเหนียว สูง 85 เมตร สันเขื่อนยาว 422 เมตร สามารถเก็บกักน้ำได้ 1,420 ล้านลูกบาศก์เมตร พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร รัชกาลที่ 9 ได้เสด็จพระราชดำเนินไปทรงประกอบพิธีเปิดเขื่อนบางลาง เมื่อวันที่ 27 กันยายน พ.ศ. 2524 บริเวณเหนือเขื่อนมีจุดชมทิวทัศน์ ซึ่งมองเห็นทัศนียภาพของเขื่อน อ่างเก็บน้ำ และทิวเขาโดยรอบได้สวยงาม ในคราวที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเสด็จพระราชดำเนินไปทอดพระเนตรการก่อสร้างเขื่อนบางลางเมื่อปี 2521 ได้ทรงมีพระราชดำริให้ กฟผ. พิจารณานำน้ำที่ล้นจากฝายลงสู่อ่างเก็บน้ำเขื่อนบางลางมาใช้ประโยชน์ในการผลิตไฟฟ้าพลังน้ำขนาดเล็ก เพื่อเป็นการพัฒนาแหล่งน้ำในท้องถิ่นที่เกิดประโยชน์เต็มที่ กฟผ. ได้สนองพระราชดำริโดยก่อสร้างโรงไฟฟ้าใต้ภูเขาแห่งแรกของประเทศไทยที่หมู่ บ้านสันติ 1 ตำบลเจาะ อำเภอบันนังสตา จังหวัดยะลา เมื่อปี 2524 ติดตั้งเครื่องกำเนิดไฟฟ้าขนาด 1.275 เมกะวัตต์ จำนวน 1 เครื่อง และท่อส่งน้ำ ยาว 1800 เมตร สามารถจ่ายกระแสไฟฟ้าได้ในเดือนตุลาคม 2525 ให้พลังงานไฟฟ้าปีละประมาณ 6 ล้านกิโลวัตต์ชั่วโมง โรงไฟฟ้าพลังน้ำบ้านสันติ มีการควบคุมการเดินเครื่องเป็นแบบระบบอัตโนมัติสามารถสั่งการและควบคุมการ เดินเครื่องได้โดยตรงจากโรงไฟฟ้าเขื่อนบางลาง จึงเป็นโรงไฟฟ้าขนาดเล็กที่ต้องใช้เทคโนโลยีชั้นสูงเข้ามาช่วย ซึ่งดำเนินการโดยวิศวกรและช่างชาวไทยทั้งสิ้น นอกจากการผลิตไฟฟ้าแล้ว อ่างเก็บน้ำเหนือเขื่อนบางลาง ยังมีประโยชน์ไว้สำหรับในพื้นที่เพาะปลูกของ จังหวัดยะลา และปัตตานีด้วย รวมถึงช่วยบรรเทาน้ำท่วมในบริเวณตอนล่างของลุ่มน้ำปัตตานีได้เป็นอย่างดี อีกทั้งเป็นแหล่งประมงน้ำจืดที่สำคัญในภาคใต้อีกด้วย ที่นี่มีวิวสวยงามอย่างมาก เพราะอุดมสมบูรณ์ไปด้วยธรรมชาติ โดยเราสามารถล่องแพ หรือ นั่งเรือชมวิวของป่าฮาลาที่อยู่ใกล้เขื่อน และชมเกาะแก่งเหนือ เขื่อนบางลาง ได้แบบชิลๆ ได้สัมผัสธรรมชาติของป่าฮาลา ที่อุดมไปด้วยพันธุ์ไม้แปลกๆน่าศึกษาอีกด้วย #เที่ยวยะลา #คิดถึงธรรมชาติ
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 274 มุมมอง 0 รีวิว
  • ศูนย์ศึกษาธรรมชาติป่าชายเลนยะหริ่ง จังหวัดยะลา

    ตั้งอยู่บริเวณริมคลองยามู ในเขตป่าสงวนแห่งชาติป่าชายเลนยะหริ่ง ที่นี่นักท่องเที่ยวจะเต็มอิ่มไปกับเส้นทางเดินศึกษาธรรมชาติป่าชายเลน ทั้งไม้ยืนต้น ไม้พุ่ม ไม้เถา ไม้พื้นล่าง และอีกหลากหลายสายพันธุ์ บางจุดมีระเบียงไว้สำหรับนั่งพัก มีศาลาพักผ่อน หอชมนก เอาไว้ให้ชื่นชมทัศนียภาพแบบเต็มตา ตลอดจนการล่องเรือชมธรรมชาติป่าชายเลนตามลำคลองต่าง ๆ ได้แก่ คลองบางปู คลองกลาง และคลองกอ ที่ยังคงความสมบูรณ์ของธรรมชาติ สอดประสานไปกับวิถีชีวิตชาวบ้านอย่างลงตัว

    ป่าชายเลนยะหริ่งมีพื้นที่โครงการรวม 500 ไร่ ศูนย์ฯ แห่งนี้มีทางเดินศึกษาธรรมชาติป่าชายเลยเป็นสะพานที่สร้างด้วยไม้ตะเคียนทอง (Hopea Odorata) เป็นระยะทางยาวโดยรอบ 1,250 เมตร ตลอดเส้นทางเดินโดยรอบจะเห็นกลุ่มไม้ในสังคมป่าชายเลนทั้งไม้ยืนต้น ไม้พุ่ม ไม้เถา และไม้พื้นล่าง ซึ่งพันธุ์ไม้แต่ละชนิดสามารถขึ้นได้ในบริเวณที่มีลักษณะแตกต่างกัน โดยเฉพาะบริเวณที่อยู่ระหว่างระดับน้ำทะเลต่ำสุดและระดับน้ำทะเลสูงสุด เช่น กลุ่มไม้ถั่วขาว กลุ่มไม้ตะบูนดำ กลุ่มไม้ตาตุ่มทะเล ฝาดดอกขาว เหงือกปลาหมอดอกขาว เป็นต้น ตามเส้นทางจะมีระเบียงพัก และมีซุ้มสื่อความหมายอธิบายเกี่ยวกับป่าชายเลน พร้อมมีรูปภาพประกอบและยังมีสะพานทางเดินไม้ยกระดับ

    ศาลาพักผ่อน และหอชมนก เพื่อชมทัศนียภาพเหนือยอดของพันธุ์ไม้ป่าชายเลน ซึ่งหอนี้มีความสูงถึง 13 เมตร นอกเหนือจากการเดินศึกษาป่าชายเลนตามเส้นทางเดิน แล้วยังมีการล่องเรือชมป่า ชายเลนซึ่งจัดเป็นกิจกรรมหนึ่งของศูนย์ฯ นักท่องเที่ยวสามารถนั่งเรือชมธรรมชาติป่าชายเลน ตามลำคลองน้อยใหญ่ซึ่งแบ่ง เป็น 3 สายคือคลองบางปู คลองกลาง คลองกอและ ตลอดสองฝั่งคลองจะเห็นป่าชายเลนที่สมบูรณ์ ความอุดมสมบูรณ์ของสัตว์น้ำ นกนานาชนิด วิถีชีวิตของชาวบ้านกับป่าชายเลนและความสวยงามของสวนป่าโกงกาง
    ศูนย์ศึกษาธรรมชาติป่าชายเลนยะหริ่ง จังหวัดยะลา ตั้งอยู่บริเวณริมคลองยามู ในเขตป่าสงวนแห่งชาติป่าชายเลนยะหริ่ง ที่นี่นักท่องเที่ยวจะเต็มอิ่มไปกับเส้นทางเดินศึกษาธรรมชาติป่าชายเลน ทั้งไม้ยืนต้น ไม้พุ่ม ไม้เถา ไม้พื้นล่าง และอีกหลากหลายสายพันธุ์ บางจุดมีระเบียงไว้สำหรับนั่งพัก มีศาลาพักผ่อน หอชมนก เอาไว้ให้ชื่นชมทัศนียภาพแบบเต็มตา ตลอดจนการล่องเรือชมธรรมชาติป่าชายเลนตามลำคลองต่าง ๆ ได้แก่ คลองบางปู คลองกลาง และคลองกอ ที่ยังคงความสมบูรณ์ของธรรมชาติ สอดประสานไปกับวิถีชีวิตชาวบ้านอย่างลงตัว ป่าชายเลนยะหริ่งมีพื้นที่โครงการรวม 500 ไร่ ศูนย์ฯ แห่งนี้มีทางเดินศึกษาธรรมชาติป่าชายเลยเป็นสะพานที่สร้างด้วยไม้ตะเคียนทอง (Hopea Odorata) เป็นระยะทางยาวโดยรอบ 1,250 เมตร ตลอดเส้นทางเดินโดยรอบจะเห็นกลุ่มไม้ในสังคมป่าชายเลนทั้งไม้ยืนต้น ไม้พุ่ม ไม้เถา และไม้พื้นล่าง ซึ่งพันธุ์ไม้แต่ละชนิดสามารถขึ้นได้ในบริเวณที่มีลักษณะแตกต่างกัน โดยเฉพาะบริเวณที่อยู่ระหว่างระดับน้ำทะเลต่ำสุดและระดับน้ำทะเลสูงสุด เช่น กลุ่มไม้ถั่วขาว กลุ่มไม้ตะบูนดำ กลุ่มไม้ตาตุ่มทะเล ฝาดดอกขาว เหงือกปลาหมอดอกขาว เป็นต้น ตามเส้นทางจะมีระเบียงพัก และมีซุ้มสื่อความหมายอธิบายเกี่ยวกับป่าชายเลน พร้อมมีรูปภาพประกอบและยังมีสะพานทางเดินไม้ยกระดับ ศาลาพักผ่อน และหอชมนก เพื่อชมทัศนียภาพเหนือยอดของพันธุ์ไม้ป่าชายเลน ซึ่งหอนี้มีความสูงถึง 13 เมตร นอกเหนือจากการเดินศึกษาป่าชายเลนตามเส้นทางเดิน แล้วยังมีการล่องเรือชมป่า ชายเลนซึ่งจัดเป็นกิจกรรมหนึ่งของศูนย์ฯ นักท่องเที่ยวสามารถนั่งเรือชมธรรมชาติป่าชายเลน ตามลำคลองน้อยใหญ่ซึ่งแบ่ง เป็น 3 สายคือคลองบางปู คลองกลาง คลองกอและ ตลอดสองฝั่งคลองจะเห็นป่าชายเลนที่สมบูรณ์ ความอุดมสมบูรณ์ของสัตว์น้ำ นกนานาชนิด วิถีชีวิตของชาวบ้านกับป่าชายเลนและความสวยงามของสวนป่าโกงกาง
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 147 มุมมอง 0 รีวิว
  • ☆สกายวอล์คทะเลหมอกอัยเยอร์เวง"
    อำเภอเบตง จังหวัดยะลา

    ☆ด้วยความสวยงามของทะเลหมอกอัยเยอร์เวง จึงมีโครงการสร้าง Sky Walk ทะเลหมอกอัยเยอร์เวงขึ้นมา เป็นระเบียงกระจกยาวที่สุดในโลก บนพื้นทางเดินที่ยาวจากฐาน 63 เมตร และบริเวณปลายระเบียงเป็นพื้นกระจำใส ตั้งอยู่บนระดับความสูงกว่า 2,038 ฟุต สามารถเดินออกไปในส่วนที่ยื่นเข้าไปในหน้าผา มองเห็นวิวโดยรอบได้แบบ 360 องศา และมองเห็นวิวทะลุลงไปเบื้องล่างใต้เท้าเราได้เลย

    ☆ค่าใช่จ่าย
    ●รถมอเตอร์ไซค์ หรือ รถสองแถว
    ■ขาขึ้น คนละ 30 บาท
    ■ขาลง คนละ 20 บาท
    ●ค่าขึ้นชมสกายวอล์คทะเลหมอกอัยเยอร์เวง คนละ 40 บาท
    ●ค่าถุงเท้าคู่ละ 30 บาท
    ☆รวม 120 บาท

    ◇ไปถึงให้รับบัตรคิว รอเรียกให้จ่ายค่าขึ้นชม และ จ่ายค่าถุงเท้า รอเรียกตามคิว ครั้งละ 50 ท่าน
    ●ขึ้นไปแล้ว ไม่จำกัดเวลา
    ♡สกายวอล์คทะเลหมอกอัยเยอร์เวง
    เปิด 5:30 - 16:00 น.
    ■■■■■■■■■■■
    #thaitimes #thaitimesเที่ยวไทย #thaitimesมะนาวก้าวเดิน #thaitimesmanowjourney
    #สกายวอล์คทะเลหมอกอัยเยอร์เวง
    #เบตง #ยะลา
    ☆สกายวอล์คทะเลหมอกอัยเยอร์เวง" อำเภอเบตง จังหวัดยะลา ☆ด้วยความสวยงามของทะเลหมอกอัยเยอร์เวง จึงมีโครงการสร้าง Sky Walk ทะเลหมอกอัยเยอร์เวงขึ้นมา เป็นระเบียงกระจกยาวที่สุดในโลก บนพื้นทางเดินที่ยาวจากฐาน 63 เมตร และบริเวณปลายระเบียงเป็นพื้นกระจำใส ตั้งอยู่บนระดับความสูงกว่า 2,038 ฟุต สามารถเดินออกไปในส่วนที่ยื่นเข้าไปในหน้าผา มองเห็นวิวโดยรอบได้แบบ 360 องศา และมองเห็นวิวทะลุลงไปเบื้องล่างใต้เท้าเราได้เลย ☆ค่าใช่จ่าย ●รถมอเตอร์ไซค์ หรือ รถสองแถว ■ขาขึ้น คนละ 30 บาท ■ขาลง คนละ 20 บาท ●ค่าขึ้นชมสกายวอล์คทะเลหมอกอัยเยอร์เวง คนละ 40 บาท ●ค่าถุงเท้าคู่ละ 30 บาท ☆รวม 120 บาท ◇ไปถึงให้รับบัตรคิว รอเรียกให้จ่ายค่าขึ้นชม และ จ่ายค่าถุงเท้า รอเรียกตามคิว ครั้งละ 50 ท่าน ●ขึ้นไปแล้ว ไม่จำกัดเวลา ♡สกายวอล์คทะเลหมอกอัยเยอร์เวง เปิด 5:30 - 16:00 น. ■■■■■■■■■■■ #thaitimes #thaitimesเที่ยวไทย #thaitimesมะนาวก้าวเดิน #thaitimesmanowjourney #สกายวอล์คทะเลหมอกอัยเยอร์เวง #เบตง #ยะลา
    Like
    5
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 566 มุมมอง 0 รีวิว
  • "สกายวอล์คทะเลหมอกอัยเยอร์เวง" อำเภอเบตง จังหวัดยะลา

    ☆ด้วยความสวยงามของทะเลหมอกอัยเยอร์เวง จึงมีโครงการสร้าง Sky Walk ทะเลหมอกอัยเยอร์เวงขึ้นมา เป็นระเบียงกระจกยาวที่สุดในโลก บนพื้นทางเดินที่ยาวจากฐาน 63 เมตร และบริเวณปลายระเบียงเป็นพื้นกระจำใส ตั้งอยู่บนระดับความสูงกว่า 2,038 ฟุต สามารถเดินออกไปในส่วนที่ยื่นเข้าไปในหน้าผา มองเห็นวิวโดยรอบได้แบบ 360 องศา และมองเห็นวิวทะลุลงไปเบื้องล่างใต้เท้าเราได้เลย

    ☆ค่าใช่จ่าย
    ●รถมอเตอร์ไซค์ หรือ รถสองแถว
    ■ขาขึ้น คนละ 30 บาท
    ■ขาลง คนละ 20 บาท
    ●ค่าขึ้นชมสกายวอล์คทะเลหมอกอัยเยอร์เวง คนละ 40 บาท
    ●ค่าถุงเท้าคู่ละ 30 บาท
    ☆รวม 120 บาท

    ◇ไปถึงให้รับบัตรคิว รอเรียกให้จ่ายค่าขึ้นชม และ จ่ายค่าถุงเท้า รอเรียกตามคิว ครั้งละ 50 ท่าน
    ●ขึ้นไปแล้ว ไม่จำกัดเวลา
    ♡สกายวอล์คทะเลหมอกอัยเยอร์เวง
    เปิด 5:30 - 16:00 น.
    ■■■■■■■■■■■
    #thaitimes #thaitimesเที่ยวไทย #thaitimesมะนาวก้าวเดิน #thaitimesmanowjourney
    #สกายวอล์คทะเลหมอกอัยเยอร์เวง
    #เบตง #ยะลา
    "สกายวอล์คทะเลหมอกอัยเยอร์เวง" อำเภอเบตง จังหวัดยะลา ☆ด้วยความสวยงามของทะเลหมอกอัยเยอร์เวง จึงมีโครงการสร้าง Sky Walk ทะเลหมอกอัยเยอร์เวงขึ้นมา เป็นระเบียงกระจกยาวที่สุดในโลก บนพื้นทางเดินที่ยาวจากฐาน 63 เมตร และบริเวณปลายระเบียงเป็นพื้นกระจำใส ตั้งอยู่บนระดับความสูงกว่า 2,038 ฟุต สามารถเดินออกไปในส่วนที่ยื่นเข้าไปในหน้าผา มองเห็นวิวโดยรอบได้แบบ 360 องศา และมองเห็นวิวทะลุลงไปเบื้องล่างใต้เท้าเราได้เลย ☆ค่าใช่จ่าย ●รถมอเตอร์ไซค์ หรือ รถสองแถว ■ขาขึ้น คนละ 30 บาท ■ขาลง คนละ 20 บาท ●ค่าขึ้นชมสกายวอล์คทะเลหมอกอัยเยอร์เวง คนละ 40 บาท ●ค่าถุงเท้าคู่ละ 30 บาท ☆รวม 120 บาท ◇ไปถึงให้รับบัตรคิว รอเรียกให้จ่ายค่าขึ้นชม และ จ่ายค่าถุงเท้า รอเรียกตามคิว ครั้งละ 50 ท่าน ●ขึ้นไปแล้ว ไม่จำกัดเวลา ♡สกายวอล์คทะเลหมอกอัยเยอร์เวง เปิด 5:30 - 16:00 น. ■■■■■■■■■■■ #thaitimes #thaitimesเที่ยวไทย #thaitimesมะนาวก้าวเดิน #thaitimesmanowjourney #สกายวอล์คทะเลหมอกอัยเยอร์เวง #เบตง #ยะลา
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 612 มุมมอง 216 0 รีวิว
  • สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี #ทรงฉลองพระองค์ชุดบานง โทนสีม่วง ในโอกาสตามเสด็จ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ปฏิบัติพระราชกรณียกิจ ณ จังหวัดปัตตานี เมื่อวันที่ 28 กันยายน 2567 ที่ผ่านมา
    --
    สำหรับชุด “บานง” #เป็นเครื่องแต่งกายของสตรีไทยมุสลิมตามประเพณีดั้งเดิม ซึ่งมีความสวยงามและมีเสน่ห์ชวนมอง คำว่า “บานง” มาจาก #ภาษามลายูกลาง ว่า “บันดง” หมายถึง เมืองทางตะวันตกของเกาะชวา
    --
    #ชุดบานง เป็นชุดพื้นเมืองดั้งเดิมที่สตรีไทยมุสลิมในจังหวัดยะลา จังหวัดปัตตานี และจังหวัดนราธิวาส นิยมสวมใส่ในงานประเพณีหรือวัฒนธรรมที่เกี่ยวกับศาสนา เช่น พิธีนิก๊ะ งานรอมฏอน วันฮารีรายอ งานวันเมาลิด และการแสดงต่าง ๆ เป็นต้น นิยมสวมใส่กับผ้าถุงปาเต๊ะ กระโปรงป้าย หรือกระโปรง จีบหน้านาง

    #ขอพระองค์ทรงพระเจริญ


    @เรารักราชวงศ์จักรี
    สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี #ทรงฉลองพระองค์ชุดบานง โทนสีม่วง ในโอกาสตามเสด็จ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ปฏิบัติพระราชกรณียกิจ ณ จังหวัดปัตตานี เมื่อวันที่ 28 กันยายน 2567 ที่ผ่านมา -- สำหรับชุด “บานง” #เป็นเครื่องแต่งกายของสตรีไทยมุสลิมตามประเพณีดั้งเดิม ซึ่งมีความสวยงามและมีเสน่ห์ชวนมอง คำว่า “บานง” มาจาก #ภาษามลายูกลาง ว่า “บันดง” หมายถึง เมืองทางตะวันตกของเกาะชวา -- #ชุดบานง เป็นชุดพื้นเมืองดั้งเดิมที่สตรีไทยมุสลิมในจังหวัดยะลา จังหวัดปัตตานี และจังหวัดนราธิวาส นิยมสวมใส่ในงานประเพณีหรือวัฒนธรรมที่เกี่ยวกับศาสนา เช่น พิธีนิก๊ะ งานรอมฏอน วันฮารีรายอ งานวันเมาลิด และการแสดงต่าง ๆ เป็นต้น นิยมสวมใส่กับผ้าถุงปาเต๊ะ กระโปรงป้าย หรือกระโปรง จีบหน้านาง #ขอพระองค์ทรงพระเจริญ @เรารักราชวงศ์จักรี
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 264 มุมมอง 0 รีวิว
  • ☆เบตง (จีน: 勿洞)
    เป็นเทศบาลเมืองในอำเภอเบตง
    จังหวัดยะลา
    ภาคใต้ของประเทศไทย
    ติดกับเขตแดนประเทศมาเลเซีย
    มีพื้นที่ทั้งหมด 78 ตารางกิโลเมตร ครอบคลุมตำบลเบตงทั้งตำบล และมีประชากรในปี พ.ศ. 2548
    จำนวน 24,688 คน

    เบตงเป็นเทศบาลเมืองที่ตั้งอยู่ทางใต้สุดของประเทศไทย
    สมญา: เมืองในหมอกและดอกไม้งาม
    คำขวัญ: เบตงใต้สุดแดนสยาม เมืองงามน่าอยู่
    คู่การลงทุน หนุนการท่องเที่ยว
    ประชาชนกลมเกลียว ยึดเหนี่ยววัฒนธรรม
    ค้ำจุนประเพณี ใช้ทรัพยากรอย่างมีคุณค่า
    ■■■■■■■■■■■■■■■■
    #เบตง #ยะลา #ใต้สุดแดนสยาม #ยะลาน่าเที่ยว #มะนาวก้าวเดิน
    #thaitimes #thaitimesเที่ยวไทย #thaitimesมะนาวก้าวเดิน #thaitimesmanowjourney
    ☆เบตง (จีน: 勿洞) เป็นเทศบาลเมืองในอำเภอเบตง จังหวัดยะลา ภาคใต้ของประเทศไทย ติดกับเขตแดนประเทศมาเลเซีย มีพื้นที่ทั้งหมด 78 ตารางกิโลเมตร ครอบคลุมตำบลเบตงทั้งตำบล และมีประชากรในปี พ.ศ. 2548 จำนวน 24,688 คน เบตงเป็นเทศบาลเมืองที่ตั้งอยู่ทางใต้สุดของประเทศไทย สมญา: เมืองในหมอกและดอกไม้งาม คำขวัญ: เบตงใต้สุดแดนสยาม เมืองงามน่าอยู่ คู่การลงทุน หนุนการท่องเที่ยว ประชาชนกลมเกลียว ยึดเหนี่ยววัฒนธรรม ค้ำจุนประเพณี ใช้ทรัพยากรอย่างมีคุณค่า ■■■■■■■■■■■■■■■■ #เบตง #ยะลา #ใต้สุดแดนสยาม #ยะลาน่าเที่ยว #มะนาวก้าวเดิน #thaitimes #thaitimesเที่ยวไทย #thaitimesมะนาวก้าวเดิน #thaitimesmanowjourney
    Like
    3
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 1468 มุมมอง 470 0 รีวิว
  • นิด้าโพลสำรวจเสียงคนใต้เกินครึ่งไม่เห็นด้วย พรรคประชาธิปัตย์เข้าร่วมรัฐบาลที่นำโดยพรรคเพื่อไทย มีผลเลือกตั้งครั้งหน้าไม่เลือกพรรคประชาธิปัตย์

    ศูนย์สำรวจความคิดเห็น “นิด้าโพล” สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ (นิด้า) เปิดเผยผลการสำรวจของประชาชน เรื่อง “เสียงพี่น้องชาวใต้ถึงพรรคประชาธิปัตย์ ทำการสำรวจระหว่างวันที่ 2-3 กันยายน 2567 จากประชาชนที่มีอายุ 18 ปีขึ้นไป ที่มีสิทธิเลือกตั้งใน 14 จังหวัดภาคใต้ กระจายระดับการศึกษา อาชีพ และรายได้ รวมทั้งสิ้น จำนวน 1,310 หน่วยตัวอย่าง เกี่ยวกับการตัดสินใจของพรรคประชาธิปัตย์ในการเข้าร่วมรัฐบาลที่นำโดยพรรคเพื่อไทย การสำรวจอาศัยการสุ่มตัวอย่างโดยใช้ความน่าจะเป็นจากบัญชีรายชื่อฐานข้อมูลตัวอย่างหลัก (Master Sample) ของ “นิด้าโพล” สุ่มตัวอย่างแบบหลายขั้นตอน (Multi-stage Sampling) เก็บข้อมูลด้วยวิธีการสัมภาษณ์ทางโทรศัพท์ โดยกำหนดค่าความเชื่อมั่น ร้อยละ 97.0

    จากการสำรวจเมื่อถามความคิดเห็นของประชาชนต่อการตัดสินใจของพรรคประชาธิปัตย์ในการเข้าร่วมรัฐบาลที่นำโดยพรรคเพื่อไทย พบว่า ตัวอย่าง ร้อยละ 54.19 ระบุว่า ไม่เห็นด้วยเลย รองลงมา ร้อยละ 14.58 ระบุว่า ไม่ค่อยเห็นด้วย ร้อยละ 12.98 ระบุว่า เห็นด้วยมาก ร้อยละ 11.91 ระบุว่า ค่อนข้างเห็นด้วย และร้อยละ 6.34 ระบุว่า ไม่ตอบ/ไม่สนใจ

    ท้ายที่สุดเมื่อถามถึงการเลือกพรรคประชาธิปัตย์ในการเลือกตั้งครั้งหน้า พบว่า ตัวอย่าง ร้อยละ 41.37 ระบุว่า ไม่เลือก รองลงมา ร้อยละ 41.15 ระบุว่า ยังไม่แน่ใจ และร้อยละ 17.48 ระบุว่า เลือก

    เมื่อพิจารณาลักษณะทั่วไปของตัวอย่าง พบว่า ตัวอย่างทั้งหมดมีภูมิลำเนาตามทะเบียนบ้านอยู่ในภาคใต้ ตัวอย่าง ร้อยละ 16.87 มีภูมิลำเนาอยู่ในจังหวัดนครศรีธรรมราช ร้อยละ 15.27 จังหวัดสงขลา ร้อยละ 11.53 จังหวัดสุราษฎร์ธานี ร้อยละ 8.01 จังหวัดนราธิวาส ร้อยละ 7.10 จังหวัดปัตตานี ร้อยละ 6.95 จังหวัดตรัง ร้อยละ 5.80 จังหวัดพัทลุง ร้อยละ 5.57 จังหวัดชุมพร ร้อยละ 5.34 จังหวัดยะลา ร้อยละ 4.96 จังหวัดกระบี่ ร้อยละ 4.43 จังหวัดภูเก็ต ร้อยละ 3.36 จังหวัดสตูล ร้อยละ 2.90 จังหวัดพังงา และร้อยละ 1.91 จังหวัดระนอง ตัวอย่าง ร้อยละ 48.09 เป็นเพศชาย และร้อยละ 51.91 เป็นเพศหญิง

    ตัวอย่าง ร้อยละ 14.35 อายุ 18-25 ปี ร้อยละ 19.47 อายุ 26-35 ปี ร้อยละ 19.00 อายุ 36-45 ปี ร้อยละ 24.89 อายุ 46-59 ปี และร้อยละ 22.29 อายุ 60 ปีขึ้นไป ตัวอย่าง ร้อยละ 72.22 นับถือศาสนาพุทธ ร้อยละ 27.25 นับถือศาสนาอิสลาม และร้อยละ 0.53 นับถือศาสนาคริสต์ และศาสนาอื่น ๆ

    ตัวอย่าง ร้อยละ 34.73 สถานภาพโสด ร้อยละ 63.74 สมรส และร้อยละ 1.53 หม้าย หย่าร้าง แยกกันอยู่ ตัวอย่าง ร้อยละ 15.65 จบการศึกษาประถมศึกษาหรือต่ำกว่า ร้อยละ 36.41 จบการศึกษามัธยมศึกษาหรือเทียบเท่า ร้อยละ 9.47 จบการศึกษาอนุปริญญาหรือเทียบเท่า ร้อยละ 33.66 จบการศึกษาปริญญาตรีหรือเทียบเท่า และร้อยละ 4.81 จบการศึกษาสูงกว่าปริญญาตรีหรือเทียบเท่า

    ตัวอย่าง ร้อยละ 11.98 ประกอบอาชีพข้าราชการ/ลูกจ้าง/พนักงานรัฐวิสาหกิจ ร้อยละ 14.73 ประกอบอาชีพพนักงานเอกชน ร้อยละ 23.59 ประกอบอาชีพเจ้าของธุรกิจ/อาชีพอิสระ ร้อยละ 12.06 ประกอบอาชีพเกษตรกร/ประมง ร้อยละ 13.82 ประกอบอาชีพรับจ้างทั่วไป/ผู้ใช้แรงงาน ร้อยละ 18.17 เป็นพ่อบ้าน/แม่บ้าน/เกษียณอายุ/ว่างงาน และร้อยละ 5.65 เป็นนักเรียน/นักศึกษา

    ตัวอย่าง ร้อยละ 18.86 ไม่มีรายได้ ร้อยละ 16.72 รายได้เฉลี่ยต่อเดือนไม่เกิน 10,000 บาท ร้อยละ 32.82 รายได้เฉลี่ยต่อเดือน 10,001-20,000 บาท ร้อยละ 11.22 รายได้เฉลี่ยต่อเดือน 20,001-30,000 บาท ร้อยละ 5.19 รายได้เฉลี่ยต่อเดือน 30,001-40,000 บาท ร้อยละ 6.56 รายได้เฉลี่ยต่อเดือน 40,001 บาทขึ้นไป และร้อยละ 8.63 ไม่ระบุรายได้

    ที่มา https://nidapoll.nida.ac.th/survey_detail?survey_id=716

    #Thaitimes
    นิด้าโพลสำรวจเสียงคนใต้เกินครึ่งไม่เห็นด้วย พรรคประชาธิปัตย์เข้าร่วมรัฐบาลที่นำโดยพรรคเพื่อไทย มีผลเลือกตั้งครั้งหน้าไม่เลือกพรรคประชาธิปัตย์ ศูนย์สำรวจความคิดเห็น “นิด้าโพล” สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ (นิด้า) เปิดเผยผลการสำรวจของประชาชน เรื่อง “เสียงพี่น้องชาวใต้ถึงพรรคประชาธิปัตย์ ทำการสำรวจระหว่างวันที่ 2-3 กันยายน 2567 จากประชาชนที่มีอายุ 18 ปีขึ้นไป ที่มีสิทธิเลือกตั้งใน 14 จังหวัดภาคใต้ กระจายระดับการศึกษา อาชีพ และรายได้ รวมทั้งสิ้น จำนวน 1,310 หน่วยตัวอย่าง เกี่ยวกับการตัดสินใจของพรรคประชาธิปัตย์ในการเข้าร่วมรัฐบาลที่นำโดยพรรคเพื่อไทย การสำรวจอาศัยการสุ่มตัวอย่างโดยใช้ความน่าจะเป็นจากบัญชีรายชื่อฐานข้อมูลตัวอย่างหลัก (Master Sample) ของ “นิด้าโพล” สุ่มตัวอย่างแบบหลายขั้นตอน (Multi-stage Sampling) เก็บข้อมูลด้วยวิธีการสัมภาษณ์ทางโทรศัพท์ โดยกำหนดค่าความเชื่อมั่น ร้อยละ 97.0 จากการสำรวจเมื่อถามความคิดเห็นของประชาชนต่อการตัดสินใจของพรรคประชาธิปัตย์ในการเข้าร่วมรัฐบาลที่นำโดยพรรคเพื่อไทย พบว่า ตัวอย่าง ร้อยละ 54.19 ระบุว่า ไม่เห็นด้วยเลย รองลงมา ร้อยละ 14.58 ระบุว่า ไม่ค่อยเห็นด้วย ร้อยละ 12.98 ระบุว่า เห็นด้วยมาก ร้อยละ 11.91 ระบุว่า ค่อนข้างเห็นด้วย และร้อยละ 6.34 ระบุว่า ไม่ตอบ/ไม่สนใจ ท้ายที่สุดเมื่อถามถึงการเลือกพรรคประชาธิปัตย์ในการเลือกตั้งครั้งหน้า พบว่า ตัวอย่าง ร้อยละ 41.37 ระบุว่า ไม่เลือก รองลงมา ร้อยละ 41.15 ระบุว่า ยังไม่แน่ใจ และร้อยละ 17.48 ระบุว่า เลือก เมื่อพิจารณาลักษณะทั่วไปของตัวอย่าง พบว่า ตัวอย่างทั้งหมดมีภูมิลำเนาตามทะเบียนบ้านอยู่ในภาคใต้ ตัวอย่าง ร้อยละ 16.87 มีภูมิลำเนาอยู่ในจังหวัดนครศรีธรรมราช ร้อยละ 15.27 จังหวัดสงขลา ร้อยละ 11.53 จังหวัดสุราษฎร์ธานี ร้อยละ 8.01 จังหวัดนราธิวาส ร้อยละ 7.10 จังหวัดปัตตานี ร้อยละ 6.95 จังหวัดตรัง ร้อยละ 5.80 จังหวัดพัทลุง ร้อยละ 5.57 จังหวัดชุมพร ร้อยละ 5.34 จังหวัดยะลา ร้อยละ 4.96 จังหวัดกระบี่ ร้อยละ 4.43 จังหวัดภูเก็ต ร้อยละ 3.36 จังหวัดสตูล ร้อยละ 2.90 จังหวัดพังงา และร้อยละ 1.91 จังหวัดระนอง ตัวอย่าง ร้อยละ 48.09 เป็นเพศชาย และร้อยละ 51.91 เป็นเพศหญิง ตัวอย่าง ร้อยละ 14.35 อายุ 18-25 ปี ร้อยละ 19.47 อายุ 26-35 ปี ร้อยละ 19.00 อายุ 36-45 ปี ร้อยละ 24.89 อายุ 46-59 ปี และร้อยละ 22.29 อายุ 60 ปีขึ้นไป ตัวอย่าง ร้อยละ 72.22 นับถือศาสนาพุทธ ร้อยละ 27.25 นับถือศาสนาอิสลาม และร้อยละ 0.53 นับถือศาสนาคริสต์ และศาสนาอื่น ๆ ตัวอย่าง ร้อยละ 34.73 สถานภาพโสด ร้อยละ 63.74 สมรส และร้อยละ 1.53 หม้าย หย่าร้าง แยกกันอยู่ ตัวอย่าง ร้อยละ 15.65 จบการศึกษาประถมศึกษาหรือต่ำกว่า ร้อยละ 36.41 จบการศึกษามัธยมศึกษาหรือเทียบเท่า ร้อยละ 9.47 จบการศึกษาอนุปริญญาหรือเทียบเท่า ร้อยละ 33.66 จบการศึกษาปริญญาตรีหรือเทียบเท่า และร้อยละ 4.81 จบการศึกษาสูงกว่าปริญญาตรีหรือเทียบเท่า ตัวอย่าง ร้อยละ 11.98 ประกอบอาชีพข้าราชการ/ลูกจ้าง/พนักงานรัฐวิสาหกิจ ร้อยละ 14.73 ประกอบอาชีพพนักงานเอกชน ร้อยละ 23.59 ประกอบอาชีพเจ้าของธุรกิจ/อาชีพอิสระ ร้อยละ 12.06 ประกอบอาชีพเกษตรกร/ประมง ร้อยละ 13.82 ประกอบอาชีพรับจ้างทั่วไป/ผู้ใช้แรงงาน ร้อยละ 18.17 เป็นพ่อบ้าน/แม่บ้าน/เกษียณอายุ/ว่างงาน และร้อยละ 5.65 เป็นนักเรียน/นักศึกษา ตัวอย่าง ร้อยละ 18.86 ไม่มีรายได้ ร้อยละ 16.72 รายได้เฉลี่ยต่อเดือนไม่เกิน 10,000 บาท ร้อยละ 32.82 รายได้เฉลี่ยต่อเดือน 10,001-20,000 บาท ร้อยละ 11.22 รายได้เฉลี่ยต่อเดือน 20,001-30,000 บาท ร้อยละ 5.19 รายได้เฉลี่ยต่อเดือน 30,001-40,000 บาท ร้อยละ 6.56 รายได้เฉลี่ยต่อเดือน 40,001 บาทขึ้นไป และร้อยละ 8.63 ไม่ระบุรายได้ ที่มา https://nidapoll.nida.ac.th/survey_detail?survey_id=716 #Thaitimes
    Like
    Haha
    Angry
    3
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 1154 มุมมอง 0 รีวิว